สกู๊ปพิเศษ CNX NEWS
สั่งแบงก์รัฐเข้มงวดระบบไอที-ตู้เอทีเอ็ม ไม่ให้เกิดเหตุซ้ำรอย ธ.ออมสิน
ท่านผู้อ่านครับ จาก เหตุการณ์โจรไฮเทคปล่อยโปรแกรมมัลแวร์เเฮกตู้เอทีเอ็ม ธนาคารออมสิน จำนวน 21 ตู้ กวาดเงินไปกว่า 12 ล้านบาท ปรากฎเป็นข่าวใหญ่ขึ้นหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ทุกฉบับ แม้ว่าการก่ออาชญากรรมครั้งนี้จะไม่ส่งผลกระทบกับเงินในบัญชีลูกค้าแต่ก็เป็นเรื่องสำคัญที่ธนาคารและผู้เกี่ยวข้องจะต้องระมัดระวัง
เรื่องนี้ มีรายงานต่อมา ว่า คุณอุตตม (อ่านว่าอุตตะมะ) สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือ ICT บอกกับสื่อมวลชน ถึงกรณีตู้เอทีเอ็มของธนาคารออมสินถูกโจมตีด้วยมัลแวร์คนร้ายกวาดเงินไป ว่า เหตุการณ์นี้เชื่อว่าจะไม่กระทบต่อแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระบบการชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์แห่งชาติ หรือ เนชั่นนอล อีเพย์เมนท์ และไม่กระทบระบบพร้อมเพย์ เนื่องจากพร้อมเพย์เป็นระบบปิดที่แยกกันระหว่างเอทีเอ็มของธนาคาร ในส่วนธนาคารออมสินเอง ไม่น่าจะกระทบต่อความเชื่อมั่น เพราะธนาคารก็ยืนยันว่า สามารถดูแลสถานการณ์ได้
ขณะเดียวกัน กระทรวง ICT จะมีการผลักดันพระราชบัญญัติไซเบอร์ซีเคียวริตี้ ให้เกิดขึ้นภายในปีนี้ เพื่อยกระดับประเทศไทยในการดูแลระบบข้อมูลตามหลักสากล โดยมั่นใจว่าจะสามารถดูแลให้มีความเชื่อมั่นเกิดขึ้นได้
อีกท่านหนึ่ง คุณ กฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง หรือ สศค. บอกว่า กระทรวงการคลังได้สั่งให้สถาบันเฉพาะกิจของรัฐ หรือ แบงก์รัฐ ทุกแห่งเข้มงวดและมีมาตรการดูแลเรื่องระบบไอทีของแต่ธนาคารอย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์กลุ่มมิจฉาชีพเข้ามาโจรกรรมเงินออกจาก ตู้เอทีเอ็มเหมือนกับที่เกิดกับธนาคารออมสิน
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาแบงก์รัฐได้ดำเนินการป้องกันระบบไอทีอย่างดีมาตลอด โดยเชื่อว่าจะไม่มีความผิดพลาดเหมือนกับธนาคารออมสินขึ้นอีก เพราะเป็นเรื่องที่กระทรวงการคลังได้สั่งการและกำชับกับแบงก์รัฐไปก่อนหน้านี้แล้ว เพราะมีธุรกรรมการเงินอิเล็กทรอนิกส์เกิดขึ้นใหม่จำนวนมาก
นอกจากนี้ผู้อำนวยการ สศค. ยืนยันว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นไม่กระทบกับระบบการชำระเงินทาง อิเล็กทรอนิกส์ (อี-เพย์เมนต์) ที่กระทรวงการคลังดำเนินการอยู่ เพราะเป็นคนละเรื่องกัน
ขณะที่คุณชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน บอกถึงความคืบหน้ากรณีที่กลุ่มมิจฉาชีพแฮกระบบตู้เอทีเอ็มออมสิน 21 ตู้ และขโมยเงินออกไปได้ 12.29 ล้านบาท ว่า หลังจากนี้ธนาคารจะเชิญบริษัทประกันเข้ามาชดเชยความเสียหายที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งประสานบริษัทเจ้าของตู้เอทีเอ็ม เอ็นซีอาร์ ประเทศสก็อตแลนด์ เพื่อมาปรับปรุง พัฒนาระบบตู้เอทีเอ็มให้มีประสิทธิภาพแล้ว
ขอขอบคุณข้อมูลข่าว มันนี่ แชนแนล ออนไลน์
อรุณ ช้างขวัญยืน/เรียบเรียง/รายงาน
CNX NEWS เจาะข่าว ตรงใจคุณ