วันจันทร์, 6 พฤษภาคม 2567

เชียงใหม่จัดประชุมเพื่อจัดระบบการจราจรทางบก

Spread the love

จังหวัดเชียงใหม่จัดประชุมคณะอนุกรรมการจัดระบบการจราจรทางบกจังหวัดเชียงใหม่ ครั้งที่ 2 / 2557

 ผู้ว่า

       จังหวัดเชียงใหม่จัดประชุมคณะอนุกรรมการจัดระบบการจราจรทางบกจังหวัดเชียงใหม่ ครั้งที่ 2 / 2557 ซึ่งที่ประชุมได้ร่วมกันพิจารณาถึงการจัดระเบียบการขนส่งมวลชนรถสาธารณะเมืองเชียงใหม่ (รถสี่ล้อแดง) และกิจกรรมโครงการระบบโครงสร้างเมืองเพื่อรองรับการพัฒนาอย่างยั่งยืน ภายใต้โครงการกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2557

เมื่อวันที่ 6 ส.ค.57  เวลา 13.30 น. ณ ห้องประชุม 3 ชั้น 3 อาคารอำนวยการ ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่  นายสุริยะ  ประสาทบัณฑิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการจัดระบบการจราจรทางบกจังหวัดเชียงใหม่ ครั้งที่ 2 / 2557 ซึ่งมีสาระสำคัญของการประชุม ประกอบด้วย การรายงานความคืบหน้าแผนพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูงสายกรุงเทพ ฯ – เชียงใหม่ ระยะที่ 2 พิษณุโลก – เชียงใหม่ ซึ่งผู้แทนสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร หรือ สนข. รายงานว่า สนข. ได้เริ่มการศึกษาและออกแบบตั้งแต่เดือนกันยายน 2556 ระยะเวลาดำเนินการ 14 เดือน กำหนดแล้วเสร็จในเดือนพฤศจิกายน 2557  ส่วนผลการดำเนินงานแยกออกเป็น 3 ส่วน ประกอบด้วย งานศึกษาความเหมาะสมด้านเศรษฐกิจ การเงิน การลงทุน ได้มีการรายงานการศึกษาความเหมาะสมผ่านความเห็นชอบของคณะกรรมการกำกับงานศึกษาและออกแบบรถไฟความเร็วสูง สายกรุงเทพฯ – เชียงใหม่ ระยะที่ 2 พิษณุโลก – เชียงใหม่ แล้ว งานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมและการมีส่วนร่วมของประชาชน (EIA) โดย รายงาน EIA ได้ผ่านความเห็นชอบของคณะกรรมการกำกับ ฯ แล้ว ส่วนงานการมีส่วนร่วมของประชาชนนั้น สนข.ได้จัดกิจกรรมการสัมมนารับฟังความคิดเห็นของประชาชนมาแล้ว 2 ครั้ง ส่วนครั้งสุดท้ายกำหนดจัดขึ้นในช่วงปลายเดือนกันยายนหรือต้นเดือนตุลาคม 2557 ที่จังหวัดสุโขทัย ลำปาง และ เชียงใหม่ นอกจากนั้นยังได้จัดประชุมกลุ่มย่อยผู้มีส่วนได้ส่วนเสียตามแนวเส้นทางพัฒนาโครงการไปแล้ว 1 ครั้ง ส่วนครั้งที่ 2 คาดว่าจะจัดขึ้นในช่วงปลายเดือนสิงหาคม 2557 โดยจะเชิญผู้นำชุมชน ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ผู้ได้รับผลกระทบจากการเวนคืน เพื่อให้ได้รับการชี้แจงข้อมูลและแสดงความคิดเห็นต่อโครงการ เช่น พื้นที่ถูกเวนคืน ประเด็นจุดตัด ทางข้าม/ทางลอด งานออกแบบ เช่น โครงสร้างทาง สถานี ปัจจุบันอยู่ระหว่างดำเนินการโดยจะได้นำผลการประชุมกลุ่มย่อยครั้งที่ 2 ไปพิจารณาในการออกแบบต่อไป ส่วนประเด็นคำถามของคณะอนุกรรมการ ฯ ถึงสถานที่ตั้งสถานีระหว่างจังหวัดเชียงใหม่ และลำพูน ที่มีระยะทางสั้นนั้น ผู้แทน สนข. ชี้แจงว่า ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่จะใช้สถานีเดิม  ส่วนจังหวัดเชียงใหม่ซึ่งจะเป็นสถานีอนาคตได้กำหนดการจอดในรถประเภท Standard เท่านั้น ส่วนรถประเภท Express จะไม่มีการจอดที่สถานีจังหวัดลำพูนแต่อย่างใด

สำหรับประเด็นการพิจารณาเรื่องการจัดระเบียบการขนส่งมวลชนรถสาธารณะเมืองเชียงใหม่ (รถสี่ล้อแดง) นั้น  นายชาญชัย กีฬาแปง ขนส่งจังหวัดเชียงใหม่ จะชี้แจงว่าได้เริ่มดำเนินการตามมติคณะกรรมการอำนวยการจัดระเบียบรถโดยสารสาธารณะจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งมีพลตรีศรายุธ รังสี ผู้บัญชาการกองกำลังรักษาความสงบ มณฑลทหารบกที่ 33 เป็นประธาน ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2557 เป็นต้นมา โดยกำหนดให้รถโดยสารที่วิ่งมาจากอำเภอต่าง ๆ มีจุดจอดปลายทางแห่งเดียวกันที่สถานีขนส่งช้างเผือก และกำหนดให้สหกรณ์นครลานนาเดินรถ จำกัด และเทศบาลนครเชียงใหม่ จัดรถโดยสารรับช่วงต่อในเขตเมือง ทั้งนี้ได้มีการพิจารณาร่วมกันในการกำหนดเส้นทางให้มีความเหมาะสมกับการใช้บริการของประชาชน โดยระยะแรกกำหนดเส้นทางใหม่ นำร่อง 12 เส้นทาง โดยรถสองแถวแดง จัดเดินรถจำนวน 11 เส้นทาง ๆ ละ 50 คัน ระหว่างเวลา 05.00 – 20.00 น. มีรถออกทุก ๆ 20 นาที ค่าโดยสาร 20 บาทตลอดสาย สำหรับพระภิกษุ สามเณร นักเรียน/นักศึกษาในเครื่องแบบ ค่าโดยสาร 10 บาทตลอดสาร โดยมีเส้นทาง ดังนี้ เส้นทางสาย 1 ระหว่างหลังมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ – ตลาดสามแยกสันทราย เส้นทางสาย 2 ห้วยแก้ว – ขนส่งอาเขต เส้นทางสาย 3 ขนส่งช้างเผือก –ประตูเชียงใหม่ – สนามบิน เส้นทางสาย 4 ขนส่งช้างเผือก – นิมมานฯ – สนามบิน เส้นทางสาย 5 ขนส่งช้างเผือก –วนขวา –เซนทรัลเฟสติวัล เส้นทางสาย 6 ขนส่งช้างเผือก – กาดหลวง  – เทศบาลหนองควาย เส้นทางสาย 7 ขนส่งช้างเผือก – ยุพราชฯ – ตลาดสามแยกสันทราย เส้นทางสาย 8 ขนส่งช้างเผือก – ศูนย์ราชการ – โรงพยาบาลนครพิงค์ เส้นทางสาย 9 ขนส่งช้างเผือก – หนองสี่แจ่ง อำเภอสารภี เส้นทางสาย 10 ขนส่งช้างเผือก – บ้านบวกครก เส้นทางสาย 11 ขนส่งช้างเผือก – ยุพราชฯ – มงฟอร์ตประถม โดยที่ผ่านมาพบปัญหาจำนวนผู้โดยสารในแต่ละเที่ยวน้อย บางคันไม่มีผู้โดยสารเลย ในการแก้ปัญหา สหกรณ์นครลานนา    เดินรถ จำกัด ได้สนับสนุนงบประมาณให้เที่ยวละ 100 บาท

นอกจากนั้นได้เทศบาลนครเชียงใหม่ได้จัดรถบัสปรับอากาศ สำหรับการเดินรถจำนวน 2 เส้นทาง ๆ ละ 3 คัน ระหว่างเวลา 06.00 – 20.00 น. มีรถออกทุก 20 นาที ค่าโดยสาร 15 บาทตลอดสาย พระภิกษุ สามเณร นักเรียนในเครื่องแบบ 10 บาท โดยกำหนดเป็นการเดินรถ เส้นทางสาย 12 จากขนส่งอาเขต-สนามบิน (รถเมล์วนซ้าย) และ จากขนส่งอาเขต – สนามบิน (รถเมล์วนขวา) รวมทั้งได้จัดรถสองแถงแดงเสริมพิเศษสำหรับนักเรียน/นักศึกษาในเครื่องแบบ จำนวน 3 เส้นทาง โดยกำหนดช่วงเวลาเดินรถ ช่วงเช้าระหว่างเวลา 06.00 – 09.00 น. และ ช่วงเย็น ระหว่างเวลา 15.00 – 18.00 น. อัตราค่าโดยสาร 10 บาทตลอดสาย โดย สายที่ 1 พ. ขนส่งช้างเผือก – มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ – มหาวิทยาลัยราชมงคลล้านนา สายที่ 2 พ. ขนส่งช้างเผือก – โรงเรียนปริ้นส์รอยส์ฯ – โรงเรียนดาราวิทยาลัย   สายที่ 3 พ.  ขนส่งช้างเผือก – โรงเรียนยุพราชฯ – โรงเรียนวัฒโนทัยพายัพ

ขนส่งจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนให้กับผู้โดยสารที่ใช้บริการรถสองแถวต่างอำเภอเข้ามาในตัวจังหวัด ได้มีการผ่อนผันให้รถโดยสารสองแถวที่ส่งพ่อค้าแม่ค้าที่มีพืชผลการเกษตร สามารถนำรถไปส่งที่ตลาดตามเดิมได้ กรณีบรรทุกสินค้าจากตลาดไปยังอำเภอต่าง ๆ ก็สามารถดำเนินการได้เช่นเดียวกับยังคงสามารถส่งนักเรียนเข้าไปในตัวเมืองชั้นในได้ตามปกติ แต่ต้องนำรถไปจอดบริเวณสถานีขนส่งช้างเผือกเท่านั้น สำหรับรถโดยสารสองแถวสายใต้จาก อำเภอฮอด จอมทอง สันป่าตอง หางดง ยังให้ใช้จุดจอดที่ประตูเชียงใหม่ได้ตามปกติ

สำหรับระยะที่ 2 จะมีการเพิ่มเส้นทางเดินรถเชื่อมโยงในสถานที่สำคัญ ๆ อาทิ ไนท์ซาฟารี อุทยานหลวงราชพฤกษ์ ศูนย์ประชุมนานาชาติเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบพระชนมพรรษา สนามกีฬา 700 ปี เป็นต้น ทั้งนี้        ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ให้เร่งดำเนินการประชาสัมพันธ์โดยเฉพาะในกลุ่มนักเรียน นักศึกษา เพื่อให้มีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหันมาใช้รถโดยสารสาธารณะ ซึ่งจะสามารถลดปริมาณรถในท้องถนนได้เป็นอย่างมาก

นอกจากนั้นที่ประชุมยังได้ร่วมกันพิจารณาถึงการแก้ไขปัญหาสัญจรไฟจราจรที่ไม่สอดคล้องกับจำนวนรถในแต่ละเส้นทาง การเปิดจุดปิดบางจุดให้สามารถเป็นจุดระบายปริมาณรถเพื่อให้เกิดความคล่องกันในเส้นทาง ต่าง ๆ รวมถึงการพิจารณาเห็นชอบกิจกรรมโครงการระบบโครงสร้างเมืองเพื่อรองรับการพัฒนาอย่างยั่งยืน ภายใต้โครงการกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2557 ด้วย

 

 

สำนักข่าว CNX NEWS เจาะข่าว ตรงใจคุณ