วันอาทิตย์, 19 พฤษภาคม 2567

รองอธิบดีกรมอุทยานฯ ฟังนโยบายโครงการฟื้นฟู การอนุรักษ์ป่าและดิน

Spread the love

รองอธิบดีกรมอุทยานฯรักษาราชการแทน อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช เดินทางรับฟังนโยบายโครงการฟื้นฟู การอนุรักษ์ป่าและดิน การทำฝาย ของสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 13,151และ 16 (เชียงใหม่) จำนวน 300 คน

เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2555 เวลา 10.00 น.ณ ห้องประชุม ส่วนจัดการต้นน้ำ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 (เชียงใหม่) นายเริงชัย ประยูรเวรรองอธิบดีกรมอุทยานฯรักษาราชการแทน อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพืชพันธุ์ เป็นประธานในการประชุมหัวหน้าหน่วยงานสนาม สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่13,13 และ 16 (เชียงใหม่) จำนวน 300 คน  เพื่อรับฟังนโยบายและติดตามผลการปฏิบัติงานโครงการฟื้นฟู การอนุรักษ์และดิน การทำฝาย

รองอธิบดีกรมอุทยานฯรักษาราชการแทน อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพืชพันธุ์ กล่าวว่า

เนื่องจากทางกรมอุทยานฯได้รับนโยบาย แผนการในดำเนินงานของโครงการเงินกู้เพื่อวางระบบบริหารจัดการต้นน้ำให้ดูแลในเรื่องของการเพาะชำกล้าไม้ เรื่องการปลูกหญ้าแฝก และเรื่องการทำนาและป่า  โดยหลังจากที่ได้เริ่มดำเนินโครงการตั้งแต่เดือนมิถุนายน ถึงเดือนกันยายน จนเข้าถึงเดือนตุลาคม 2555 จึงอยากเข้ามาติดตามและรับฟังนโยบายงานจากหัวหน้าหน่วยงานภาคสนาม โดยเรื่องของการเพาะชำกล้าไม้ เรื่องการทำนาและป่า ต้องดำเนินงานให้เสร็จในช่วงเดือนธันวาคม 2555 นี้ ที่ผ่านมาได้ออกสำรวจพื้นที่ที่รับผิดชอบ 10 เขต ใน 8 ลุ่มน้ำหลักที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการน้ำ ซึ่งทุกพื้นที่พบว่าร้อยเปอร์เซนกับการลงมือปลูกหญ้าแฝกตามจำนวนที่ได้รับในแต่ละพื้นที่ตามข้อตกลงกับทางรัฐบาล

ด้ายนายเสริมยศ สมมั่นผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 กล่าวว่า ทางสำนักบริหารฯได้ปฏิบัติงานตามโครงการฟื้นฟู การอนุรักษ์ป่าและดิน การทำฝาย ในพื้นที่ลุ่มน้ำปิง จังหวัดเชียงใหม่และลำพูน โดยมีหน่วยงานในสังกัดดำเนินงานจำนวน 220 หน่วยงาน ปฎิบัติงาน 573 แห่ง ซึ่งผลการดำเนินงานสรุปได้คือกิจกรรมเพาะชำกล้าไม้ปีที่ 1 ดำเนินงานแล้วคิดเป็นร้อยละ 85.75 กิจกรรมปลูกหญ้าแฝกเพื่ออนุรักษ์ดินและน้ำ ดำเนินงานแล้วเสร็จร้อยละ 100 และกิจกรรมนาแลกป่าดำเนินงานแล้วคิดเป็นร้อยละ 13.54

รองอธิบดีกรมอุทยานฯ เสริมว่า ในช่วงฤดูหนาวที่กำลังจะมาถึงเชื่อว่าจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวในอุทยานในภาคเหนือเป็นจำนวนมาก จึงอยากฝากย้ำให้ทุกอุทยานได้ตระหนักถึงความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว การจราจรที่จัดสรรเป็นสัดส่วนไม่ติดขัด รวมถึงการพัฒนาปรับปรุงอำนวยความสะดวกสบายบริการแก่นักท่องเที่ยว ส่วนเรื่องการปรับราคาค่าเข้าอุทยานเชื่อว่าไม่มีผลกระทบต่อนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ตราบใดที่นักท่องเที่ยวตั้งใจมาเที่ยวแล้วยินยอมที่จะจ่ายตามราคาที่ทางอุทยานได้กำหนดไว้

 

สำนักข่าว
Cnxnews เจาะข่าว ตรงใจคุณ