รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมงาน “นาซก้า ไลน์ – นิทรรศการ ภาพถ่าย และเซรามิค จากเปรู”
รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมงาน “นาซก้า ไลน์ – นิทรรศการ ภาพถ่าย และเซรามิค จากเปรู” ณ หอนิทรรศการศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
วันนี้ (6 พฤศจิกายน 2556) เวลา 18.00 น. นายอดิศร กำเนิดศิริ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมงาน “นาซก้า ไลน์ – นิทรรศการ ภาพถ่าย และเซรามิค จากเปรู” ณ ทรรศการศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ถนนนิมมานเหมินทร์ เชียงใหม่ ฯพณฯ มร. เฟลิกซ์ เดเนกรี เอกอัครราชทูตเปรู ประจำประเทศไทย ประทานในพิธี โดยมีรองศาสตราจารย์ โรม จิรานุกรม รองอธิบดีฝ่านวิเทศน์สัมพันธ์และนักศึกษาเก่าสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ประธานในพิธีเปิดงาน พร้อมมอบของที่ระลึก ประทานในการตัดริบบิ้นเปิดงานและถ่ายภาพร่วมกัน
นิทรรศการภาพถ่ายนาซก้าไลน์ และโบราณวัตถุจำลอง “Embassy of Peru – Chiang Mai University : Nazca Lines Live the Legend Exhibition” สถานเอกอัครราชทูตเปรู ความลึกลับในแหล่งกำเนิดของลายเส้นนาซก้าที่มีชื่อเสียงกว่า 30 ภาพ โดยผลงานถ่ายภาพของ มาเรีย เรเช่ (Maria Reiche) ช่างภาพและโบราณคดีชาวเยอรมัน นอกจากภาพถ่ายนาซก้าไลน์ ภายในงานยังมีการจัดแสดงโบราณวัตถุจำลองของวัฒนธรรมนาซก้า นิทรรศกาลดังกล่าวจัดให้ชมฟรีระหว่างวันที่ 1 – 10 พฤศจิกายน 2556 ณ ห้องนิทรรศการ ชั้น 1 หอนิทรรศกาลศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
ลายเส้นนาซก้า เป็นลายเส้นโบราณลึกลับ บนผืนทะเลทรายในเมืองนาซก้า อยู่ในพื้นที่แห้งแล้งห่างจากเมืองหลวง 400 กิโลเมตร มีขนาดมหึมา ลักษณะเส้นเกิดจากการขีดเน้นอย่างจงใจและประณีต โดยทำขึ้นเป็นแบบเดียวกันคือ ขุดเอาหินทรายสีแดงบนพื้นทะเลทรายออก และเปิดให้เห็นชั้นหินสีเหลืองอ่อนที่อยู่ข้างในจนเกิดเป็นภาพ แบ่งภาพเป็นรูปทรงเลขาคณิต และภาพรูปร่างสัตว์ เช่น แมงมุม ลิง สุนัข สัตว์เลื้อยคลาน และสัตว์ปีกจำพวกนกต่างๆ ซึ่งแต่ละภาพนั้นมีความยาวประมาณ 0.4 กิโลเมตร กว้าง 1.1 กิโลเมตร ภาพทั้งหมดครอบคลุมพื้นที่กว่า 450 กิโลเมตรสำหรับลายเส้นนาซก้าเกิดจากวัฒนธรรมนาซก้า ชาวนาซก้ามีความเชื่อในพระเจ้าหลายองค์ พวกเขาบูชาธรรมชาติและมีเทพเจ้าที่แตกต่างกันออกไป ได้แก่ ภูเขา ทะเล ท้องฟ้า พื้นดิน ไฟ และน้ำ พวกเขามีความเชื่อเรื่องการฝังศพ และความเชื่อเรื่องหลังความตาย ซึ่งร่างของผู้ตายจะถูกห่อด้วยผ้าคัตตอนที่ปักด้วยลวดลายและทาด้วยยางสน เพื่อป้องกันศพจากแมลงและเชื้อแบคทีเรีย สุดท้ายศพจะถูกเก็บในโรงศพ ที่ทำขึ้นเฉพาะจากอิฐที่ทำด้วยดินโคลน และส่วนใหญ่ศพเหล่านั้นจะถูกฝังเพื่อบูชายัญตามคำสันนิษฐาน
การค้นพบลายเส้นเริ่มในช่วงปลาย พ.ศ. 2463 เมื่อมีการบินพาณิชย์เปิดเส้นทางบินระหว่างกรุงลิมากับอาเรกีปา ในช่วงนั้นสร้างความฉงนสงสัยให้กับผู้พบเห็นเป็นอย่างยิ่ง กระทั่ง Maria Reiche นักสำรวจชาวเยอรมัน ได้ทำการศึกษาค้นคว้า และสันนิษฐานไว้ว่าเป็นพิธีกรรมการบูชาพระเจ้าอันหมายถึงธรรมชาติ เนื่องจากพื้นที่แห้งแล้ง เป็นอุปสรรคต่อการทำเกษตร ที่เรียกได้ว่ายุคนั้นนาซก้าเป็นเมืองที่มีการพัฒนาด้านการเกษตรกรรมขั้นสูง จึงต้องมีการทำพิธีกรรมเพื่อให้ฝนตกต้องตามฤดูกาล และยังมีความเกี่ยวโยงกับเรื่องราวดาราศาสตร์เข้าไว้ด้วย ซึ่งต่อมานักสำรวจดังกล่าวก็ได้ทำการอนุรักษ์ลายเส้นนี้เป็นเวลากว่ากึ่งศตวรรษ จนเมื่อ พ.ศ. 2537 องค์การยูเนสโกได้ขึ้นทะเบียนโบราณสถานนี้ให้เป็นมรดกโลก ที่มีอายุกว่า 1,000 ปี ซึ่งมีการสะท้อนอารยธรรมเก่าแก่ของชาวนาซก้าได้ดีที่สุด
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
ณัฏฐ์ สินันตา สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงใหม่ 6 พฤศจิกายน 2556
CNXNEWS รายงาน