วันพุธ, 8 พฤษภาคม 2567

ผู้หญิงคนนี้ … ชื่อ “นิลุบล”

Spread the love

ผู้หญิงคนนี้ … ชื่อ “นิลุบล”

 

“นิ นิ นิ รอด้วย” เสียงตะโกนที่คุ้นหู แต่ขัดเคืองไปถึงหัวใจ ดังขึ้นหลายครั้ง ก่อนที่เจ้าของชื่อนั้นจะหันไปหาคนเรียก
“บอกแล้วไง ว่าให้เรียกรัตนาวดี หรือเรียกสั้นๆ ว่าวดี ชั้นบอกหลายครั้งแล้วนะแก้ว เปลี่ยนชื่อมาสองปีแล้วด้วย” น้ำเสียงดุดันนั้น ทำให้คนรอบข้างหันไปมอง หญิงสาวผมยาวสยาย หน้าตาดี แต่ถูกบดบังด้วยแว่นกรอบใหญ่เทอะทะ ที่กำลังยืนกอดกระเป๋าถือ พร้อมกับทำคิ้วขมวดผูกกันเป็นโบว์ใส่เพื่อน
“ก็มันคุ้นมันชินกับชื่อนี้นี่นา เรียกมาเป็นสิบๆ ปีแล้ว ตั้งแต่สมัยประถม ถึงแกจะเปลี่ยนชื่ออีกกี่ร้อยพันครั้ง ยังไงชื่อในใบเกิดแกมันก็เด็กหญิงนิลุบลอยู่ดีแหละน่า”
แก้วเก้า เพื่อนสาวตั้งแต่สมัยประถมของหญิงสาว ยืนหอบไปพูดไป หลังจากวิ่งตามเพื่อนมาจากตึกเรียนคณะข้างๆ
“แต่ชื่อชั้นในบัตรประชาชนตอนนี้คือรัตนาวดี ชื่อเล่นชั้นก็คือวดี แกต้องเปลี่ยนเสียใหม่เข้าใจไหม ช่วงนี้ยิ่งดวงตกอยู่ หัดเสริมดวงให้เพื่อนบ้างอะไรบ้างนะแก้ว”
แก้วเก้าเริ่มขมวดคิ้วบ้าง จะอะไรกันนักกันหนากับชื่อเสียงเรียงนาม หรือว่าหล่อนเป็นคนไม่เชื่อเรื่องดวงชะตาโชคลาภ น้ำจะท่วมหลังเป็ด หรือไก่จะออกลูกเป็นตัว หล่อนก็คงไม่บ้าไปขอเลขหวยอย่างใครเขา แต่นิลุบล เอ๊ย! ไม่ใช่สิ รัตนาวดี เพื่อนสาวของหล่อนจะเชื่อเรื่องทำนองนี้มาก เรียกได้ว่าใครอย่าไปทักอะไรเลยนะ จะเชื่อทันทีและหัวดื้อไม่ยอมฟังความคิดเห็นจากเพื่อนอย่างหล่อนเลยด้วยซ้ำ แต่จะว่าไปเพื่อนคนนี้เป็นคนอาภัพนัก พ่อกับแม่เสียชีวิตตั้งแต่เด็กๆ ต้องอยู่ในความดูแลของตากับยายซึ่งก็เพิ่งเสียชีวิตไปเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมานี่เอง แม้หล่อนจะหน้าตาสะสวยแต่ก็ยังไร้ซึ่งแฟนแม้แต่คนเดียว เพราะนิสัยแปลกๆ เชื่อโชคลางไปหมดของหล่อนนี่เอง
“เอาเหอะๆ ไม่เถียงกะแกละ จะเที่ยงแล้วไปกินข้าวไหนกันดี ชั้นหิวแล้ว” แก้วเก้าพูดพลางเอามือลูบท้อง
“ชั้นอยากไปโรงอาหารคณะวิศวะ” หญิงสาวตรงหน้าพูดเสียงแผ่วๆ แล้วก้มหน้างุด คล้ายจะซ่อนอารมณ์อะไรบางอย่าง
“วันนี้มาแปลก สงสัยหิมะจะตกเมืองไทย ไหนเคยบอกว่าคณะวิศวะอาหารไม่อร่อย คนเยอะ นั่งกันเบียดแออัดกันเป็นปลากระป๋อง เข้าคิวก็ยาว” แก้วเก้าสาธยายคำพูดเก่าๆ ของเพื่อนสาว
“พี่ตั้นกลับมาแล้ว” ประโยคสั้นๆ แต่ถึงกับทำให้แก้วเก้าเข้าใจความหมายไปหมดทุกสิ่งอย่าง
“จริงเหรอ มิน่าล่ะ แกอยากไปเจอเค้า เผื่อเค้ามากินข้าวที่คณะใช่มั้ยล่ะ”
“อือ” แก้มที่แดงระเรื่อขึ้นของรัตนาวดีเป็นคำตอบ จากนั้นทั้งสองคนก็พากันเดินไปหาอะไรใส่ท้องแถวๆ คณะที่ผู้ชายเยอะที่สุดในมหาวิทยาลัย
ท่ามกลางฝูงชนเดินกันขวักไขว่ หญิงสาวสองคนมองซ้ายมองขวาหาที่นั่ง หลังจากต่อแถวสั่งอาหารยาวเหยียด จนแทบจะต้องแลกบัตรคิว
“นิ ตรงโน้นน่ะ ว่างพอดี นั่งสองคน” แก้วเก้ายกมือข้างที่ถือน้ำส้มคั้นอยู่ ชี้ไปที่โต๊ะติดเสาตัวนั้น จากนั้นทั้งสองคนก็รีบเดินไปยังโต๊ะ ก่อนที่จะมีใครมาชิงตัดหน้าไปเสียก่อน หลังจากนั่งทานอาหารกลางวันกันไปเรื่อยๆ สมาธิของรัตนาวดีแทบจะไม่อยู่ที่อาหารตรงหน้า สายตาของหล่อนจดจ่อไปที่ผู้ชายรอบๆ โรงอาหาร พลันสายตาของหล่อนก็เหลือบไปเห็นผู้ชายที่นั่งโต๊ะเยื้องๆ เสาที่ติดกับโต๊ะที่กำลังนั่งอยู่
“แก้วววว พี่ตั้นนั่งตรงนั้น” เสียงของหล่อนสั่นเครือ
แก้วเก้าหันไปมองตามที่รัตนาวดีบอก
“ใช่จริงๆ ด้วย ผิวขาวขึ้นเยอะเลย คนไปเมืองนอกแล้วขาวขึ้นนี่เพราะอะไรวะ หรือว่าอากาศดี อาบน้ำแร่ แช่น้ำนม นิ นิ แกฟังชั้นอยู่หรือเปล่าเนี่ย”
สายตาของเพื่อนสาวตรงหน้ายังจดจ้องไปอยู่ที่ผู้ชายที่ชื่อ “ตั้น” อาหารในจานไม่พร่องลงเลยหลังจากที่พบวัตถุต้องสงสัยชิ้นใหญ่ ที่คาดว่าจะเป็นสาเหตุทำให้ต่อมความอยากอาหารของมนุษย์เพศหญิงหยุดทำงานเอาเสียดื้อๆ
ชายหนุ่มกลุ่มนั้นเพิ่งเสร็จสิ้นกับการกำจัดอาหารบนโต๊ะ จึงลุกขึ้นและกำลังเดินมาทางโต๊ะที่หญิงสาวทั้งสองคนนั่งอยู่ ชายหนุ่มผิวขาวรูปร่างสูงโปร่ง หนึ่งในกลุ่มนั้นชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นหน้า
“ใช่น้องนิ กับน้องแก้วหรือเปล่าครับ พอเปลี่ยนจากแต่งตัวแบบเฟรชชี่ปีหนึ่ง พี่จำแทบไม่ได้” เสียงทุ้มนุ่มหูทักขึ้น ทำเอาคนที่ไม่เจริญอาหารเมื่อสักครู่แทบจะสำลักควักเอาหัวใจออกมายื่นให้คนตรงหน้า
“ใช่ค่ะ พี่ตั้นกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ ยินดีด้วยนะคะที่ใกล้จะได้เป็นว่าที่อาจารย์ที่นี่แล้ว” แก้วเก้าเอ่ยทำลายความเงียบขึ้น หลังจากที่เพื่อนสาวของหล่อนใบ้กินไปเสียเฉยๆ
“ก็กำลังทำเรื่องอยู่ครับ นักศึกษาทุนวิจัยก็อย่างนี้แหละ ไปเรียนเมืองนอกเพื่อกลับมาใช้ทุนคืนด้วยการให้ความรู้ต่อไปเรื่อยๆ” รอยยิ้มนั้นกำลังฆ่าคนให้ตายชัดๆ
“น้องนิ … สบายดีนะครับ” ชายหนุ่มทักทาย รูปปั้นที่ถูกเมดูซ่าจ้องเมื่อสักครู่เลยค่อยๆ ขยับตัวได้ แล้วก็ทักทายกลับไปตามมารยาท
“สบายดีค่ะพี่ตั้น” หญิงสาวตอบกลับไปสั้นๆ ไร้ซึ่งคำขยายความใดๆ อีก ชายหนุ่มเดินจากไปแล้ว ทิ้งไว้แค่หญิงสาวสองคน คนหนึ่งนั่งจัดการอาหารบนโต๊ะต่อไป ส่วนอีกคนกำลังนั่งนิ่งเหมือนรูปปั้นถูกสาปอีกรอบ
“นิ แกชอบพี่เค้าทำไมไม่บอกไปตรงๆ ได้ข่าวว่าพี่เค้าก็ยังไม่มีแฟนนะ หรือจะแอบไปกิ๊กกับแหม่มที่เมืองนอก อันนี้ชั้นก็ไม่รู้ เพราะไม่มีสายระดับอินเตอร์ แต่ถ้าสายข่าวที่คณะวิศวะชั้นมีนะ ยังโสดชัวร์ ฟันธง และ คอนเฟิร์ม !!!”

            ไม่มีเสียงใดๆ เล็ดรอดออกมา แก้วเก้าจึงก้มหน้าก้มตากินต่อไป
“แก้ว ชั้นเพิ่งไปถามพระที่วัดแถวสมุทรปราการมา พระท่านดังมากเลยนะ ท่านบอกว่าชื่อรัตนาวดี ตามหลักเลขศาสตร์แล้ว มันก็ยังเป็นกาลกิณีอยู่ อีกอย่างชื่อชั้นควรจะมี ล ลิง เพราะจะได้เสริมดวงด้านความรัก”
“อ้าวๆ ๆ อย่าบอกนะว่าแกลืม ก่อนหน้านี้ที่ไปเปลี่ยนเป็นรัตนาวดี เพราะจะช่วยเรื่องโชคดีในการสอบเข้ามหาวิทยาลัย ช่วยเสริมด้านการเรียน และการเงิน เพราะแกบอกว่าจะตั้งใจเรียน ไม่วอกแวกกับเรื่องอื่น พอมาเจอหน้ารุ่นพี่ที่แอบปิ๊งหลังจากไปเรียนต่อเมืองนอกหลายปี ถึงกับยอมทิ้งทุกสิ่งอย่างเพื่อผู้ชายเลยเหรอเนี่ย”
“ไม่ใช่อย่างนั้น ชั้นก็แค่คิดว่าตั้งแต่สอบเข้าที่นี่ได้ ชั้นก็ตั้งใจเรียนมาโดยตลอดได้เกรดสามกว่าทุกเทอม งานพิเศษที่ทำอยู่ก็รายได้ดี พอจะเก็บหอมรอมริบได้เงินเก็บบ้างแล้ว แต่ตอนนี้ขาดอย่างเดียว แกก็น่าจะรู้ว่าชั้นแอบชอบพี่ตั้นตั้งแต่เรียนมัธยมแล้ว” รัตนาวดีอธิบายถึงเหตุผล
“คนจะรักกัน ผูกดวงเป็นเนื้อคู่กัน มันต้องเกี่ยวกับชื่อด้วยเหรอ งั้นคนทั้งโลกก็ต้องวุ่นวายกับการเปลี่ยนชื่อ นายทะเบียนคงแทบอยากจะผูกคอตายหนีประชากรที่มาต่อบัตรคิวขอเปลี่ยนชื่อไม่เว้นแต่ละวันงั้นสิ” แก้วเก้าขอค้านเหตุผลนี้ล้านเปอร์เซ็นต์ ขณะที่หญิงสาวฝั่งตรงข้ามคิ้วเริ่มผูกโบว์กันอีกรอบ
“ชื่อนิลุบลอย่างเดิมน่ะดีแล้ว พ่อแม่ให้มา มี ล ลิง ด้วยเห็นมั้ย อีกอย่างพี่ตั้นเค้าก็เพิ่งเรียกแกด้วยเสียงว๊านหวานนะเมื่อกี้ว่าน้องนิ แกยังจะคิดอยากไปเปลี่ยนชื่ออีกเหรอ”
รัตนาวดีคิดตาม เสียงนุ่มทุ้มของชายหนุ่มยังคงก้องดังอยู่ในโสตประสาท
“ชั้นว่าแกลองมาหมดทุกศาสตร์แล้วนะ ขาดอย่างเดียว ไสยศาสตร์” พูดยังไม่ทันจบประโยค แก้วเก้าโดนเขกหัวไป 1 ทีใหญ่ๆ
“แต่พระท่านว่า …”
“เฮ้ย อย่าบอกนะว่าเรื่องผู้ชายแกก็จะเอาไปปรึกษาพระ เวรกรรมละ เอะอะอะไรก็พระท่านว่า ถามหน่อยเถอะ ชีวิตนี้แกตัดสินใจเองไม่เป็นเลยเหรอ สิ่งศักดิ์สิทธิ์บางทีก็เป็นได้แค่ที่พึ่งทางใจ แต่เวลาเอาเข้าจริง แกก็ต้องลงมือทำเองหมดนะนิ” แก้วเก้าพูดด้วยความเป็นห่วงจากใจจริง รัตนาวดีพยักหน้ารับ แต่ในใจหญิงสาวกำลังคิดฟุ้งซ่านไปต่างๆ นานา

ท่ามกลางเสียงจ้อกแจ้กจอแจในห้องน้ำนักศึกษาหญิง บ้างก็กำลังแต่งหน้าเติมสวยหน้ากระจก บ้างก็กำลังรอเข้าห้องน้ำอยู่ ระหว่างที่แก้วเก้าและรัตนาวดียืนรอเข้าห้องน้ำนั้น เสียงนักศึกษาสาวคนหนึ่งที่กำลังปัดแก้มเป็นสีพีชสวยเอ่ยขึ้นมาว่า
“แก ชั้นได้ข่าวว่าพี่ตั้นกลับมาแล้วนะ สาวๆ คณะเราเม้าท์กันใหญ่เลย ว่ากลับมาคราวนี้หล่อขึ้นเยอะมาก เสียดายแมวมองชวนเข้าวงการเยอะแยะ แต่พี่ตั้นไม่สนใจ”
รัตนาวดีหูผึ่ง หันไปมองหน้าหญิงสาวเจ้าของเสียงให้ชัดๆ หูก็รอฟังประโยคถัดไปอย่างใจจดใจจ่อ
“ใช่ เสียดายไม่งั้นณเดชณ์ก็ณเดชณ์เถอะ แพ้พี่ตั้นราบคาบ แต่เอ๊ะ ชั้นได้ยินมาว่ายัยแองจี้ที่เป็นดาวคณะบริหารก็เล็งพี่ตั้นอยู่นะ เห็นบอกว่ารอบนี้ต้องเผด็จศึกพี่ตั้นให้ได้ เพราะหล่อนก็จะไปออกค่ายอาสาปลายปีนี้กับคณะวิศวะด้วยเหมือนกัน ทั้งๆ ที่งานพวกนี้หล่อนไม่เคยเสนอหน้ามาช่วยเลยแม้แต่ครั้งเดียว แหม แผนสูงจริงๆ” หญิงสาวอีกคนก็แต่งหน้าไป คุยไปอย่างออกรส
รัตนาวดีใจเต้นตึกตักจนแทบระเบิดออกมาข้างนอก รู้อยู่เต็มอกว่าผู้ชายที่หล่อนหมายปองนั้นหน้าตาดี และเป็นที่สนใจเอามากๆ แต่ไม่คิดว่าจะมาได้ยินเรื่องราวแบบนี้กับหู
แก้วเก้าเป็นกังวล เหลือบมองหน้าเพื่อนแล้วสังเกตอาการ รัตนาวดียืนนิ่งสงบ แต่ในใจของหล่อนไม่รู้ตอนนี้กำลังคิดอะไรอยู่

ช่วงเวลาปิดเทอมกำลังจะผ่านพ้นไปแล้ว รถทัวร์ปรับอากาศคันหนึ่งกำลังวิ่งด้วยความเร็วสูง หญิงสาวมองออกไปนอกหน้าต่าง สีเขียวขจีของต้นไม้ใบหญ้าข้างทาง มันทำให้หล่อนคลายความกังวลลงไปได้มากโข หลังจากที่สามารถลากแก้วเก้าไปลงชื่อออกค่ายอาสาด้วยกันประสบผลสำเร็จ หล่อนก็เอาเงินเก็บทั้งหมดที่มีไปทำเลสิก คราวนี้ก็ได้เวลาทิ้งแว่นหนาเตอะ และเปลี่ยนแปลงตัวเองให้เป็นคนใหม่เสียที จากนี้ก็ถึงเวลาที่ต้องทำตามแผนขั้นตอนต่อไป หล่อนหยิบกระดาษในมือขึ้นมาดูอีกครั้ง ลายมือขยุกขยิกบนกระดาษนั้นระบุชื่อและที่อยู่วัดชื่อดังแห่งหนึ่งในจังหวัดหนองคาย รอยยิ้มปรากฏขึ้นที่มุมปากของหญิงสาวเล็กน้อย ก่อนที่จะหลับตาลงนอนด้วยความตื่นเต้น กับชื่อใหม่ที่จะรู้ผลกันในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า ลาก่อนนะ “รัตนาวดี”

สำนักข่าว
Cnxnews เจาะข่าว ตรงใจคุณ