เมื่อ 27 ตุลาคม 64 ที่สำนักงาน ป.ป.ส.ภาค 5 เชียงใหม่ พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 5 พร้อม พล.ท.บุญยืน อินกว่าง แม่ทัพน้อยที่ 3 นายสมหวัง พ่วงบางโพ ผวจ.แพร่ นายไกรเลิศ ดาวเรือง ผอ.ปปส.ภาค 5 ร่วมแถลงผลการจับกุมคดียาเสพติดรายสำคัญ ผู้ต้องหา 1 คน คือ นายประจวบ วิสุทธิ์บัณฑิต อายุ 28 ปี เป็นชนเผ่า อยู่ภูมิลำเนาใน ต.ตับเต่า อ.เทิง จ.เชียงราย ของกลางยาบ้า จำนวน 26 กระสอบ ประมาณ 5,000,000 เม็ด และรถยนต์ โตโยต้า วีโก้ สีบรอนทอง หมายเลขทะเบียน กบ 961 เชียงราย โดยจับกุมได้เมื่อเวลา 06.30 น.ที่ ด่านตรวจห้วยไร่ ต.ห้วยไร่ อ.เด่นชัย จ.แพร่ เมื่อ 23 ตุลาคม ที่ผ่านมา
ก่อนการจับกุม เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ห้วยไร่ นำกำลังตั้งด่านตรวจห้วยไร่ เพื่อตรวจค้นจับกุมยาเสพติดให้โทษและสิ่งของผิดกฎหมายอื่นๆ จนกระทั่งเวลา 02.52 น.ได้มีรถจักรยานยนต์ 2 คัน พร้อมชาย 3 คน ขับขี่เข้ามาที่ด่านตรวจ ตำรวจจึงได้เรียกให้หยุดรถและตรวจค้น และทราบว่าเป็นรถนำ ระหว่างนั้นได้มีรถยนต์กระบะโตโยต้า วีโก้ สี่ประตู สีบรอนทอง คันดังกล่าว วิ่งมาจาก อ.เด่นชัย มุ่งหน้าไปทาง จ.อุตรดิตถ์ โดยก่อนจะถึงด่านตรวจ รถคันดังกล่าวได้กลับรถบริเวณจุดกลับรถหน้าด่าน วิ่งย้อนกลับไปทาง อ.เด่นชัย มีพฤติการณ์ต้องสงสัย จึงได้นำกำลังออกติดตาม กระทั่งถึงเวลาประมาณ 06.00 น. พบว่ามีรถต้องสงสัยคันดังกล่าว จอดอยู่ข้างทาง ก่อนถึงด่านตรวจห้วยไร่ จึงตรวจสอบ พบนายประจวบฯ ผู้ขับขี่มีลักษณะต้องสงสัย เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวและตรวจค้น
จากการตรวจค้นเบื้องต้นภายในรถคันดังกล่าว พบกระสอบปุ๋ยสีฟ้า และสีเขียววางซ้อนกันบนเบาะนั่งผู้โดยสารด้านข้าง และตอนหลังของผู้ขับขี่ โดยมีผ้าใบสีเขียวขี้ม้าคลุมทับไว้ จึงได้นำรถคันดังกล่าวไปเข้าเครื่องเอ็กซเรย์ เพื่อตรวจสอบรายละเอียดเพิ่มเติม ปรากฏว่าพบวัตถุต้องสงสัยมีลักษณะคล้ายยาบ้า จำนวน 26 กระสอบ ยาบ้า ประมาณ 5 ล้านเม็ด ซึ่งเบื้องต้นสารภาพว่ารับจ้างขนยาเสพติดล็อตนี้มาจาก จ.เชียงราย เพื่อนำไปส่งให้กับเครือข่ายในพื้นที่ภาคกลาง ทั้งนี้เจ้าหน้าที่จะทำการขยายผลจับกุมผู้ร่วมขบวนการยาเสพติดซึ่งเป็นชนเผ่าในภาคเหนือต่อไป
พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 5 กล่าวว่า การสกัดกั้นยาเสพติดตามแนวชายแดน ตามนโยบายของรัฐบาล โดยเฉพาะที่มาจากประเทศเพื่อนบ้าน ไม่ให้เข้าสู่ตอนในของประเทศ ซึ่งยาเสพติดล็อตนี้ถือว่าเป็นล็อตใหญ่ที่จับได้ นับเป็นไหวพริบของเจ้าหน้าที่ประจำด่านตรวจยาเสพติด ซึ่งต่อไปจะต้อองมีการสืบสวนสอบสวนขยายผลเครือข่าย เพื่อทำการติดตามจับกุมและยึดทรัพย์ในทุกมิติ โดยลงสืบสวนอย่างละเอียดกับเครือข่ายยาเสพติดเหล่านี้เพิ่มเติม เพื่อให้ขบวนการค้ายาเสพติดหมดสิ้นไป
นายไกรเลิศ ดาวเรือง ผอ.ปปส.ภาค 5 กล่าวว่า ป.ป.ส.ต้องขอเตือนนักค้ายาเสพติดว่า สามารถยึดทรัพย์นักค้ายาเสพติด ทั้งรายใหญ่และรายย่อย ซึ่งตามกฎหมายเก่า เช่น ทรัพย์ที่มีรูปร่างและทะเบียน เช่น รถยนต์ บ้าน ที่ดิน รวมทั้งทรัพย์สินใหม่อย่างเงินดิจิทัล คลิปโตโคเรนซี่ หากกลุ่มนักค้าฯ นำเงินที่ได้จากการค้ายาเสพติดไปลงทุน ส่วนประมวลกฎหมายใหม่ มีมาตรการยึดทรัพย์เป็นค่าทดแทน และยึดทรัพย์เป็นมูลค่าเพิ่ม ซึ่งหากมีผลบังคับใช้ แม้จะเป็นทรัพย์ที่นักค้ายาเสพติดจะได้มาโดยสุจริต หรือได้มาตามมรดกตกทอดก็ตาม เจ้าหน้าที่ที่บังคับใช้กฎหมายก็สามารถนำไปยึดทรัพย์สินนั้น มาเป็นค่าทดแทนความเสียหายที่มีต่อรัฐได้ ต้องเตือนว่าต่อไปการยึดทรัพย์จะรุนแรงขึ้น.
