วันศุกร์, 26 เมษายน 2567

“บิ๊กตู่”ลั่นกองทัพจับมือรัฐบาลแก้ปมเขาพระวิหาร

Spread the love

“บิ๊กตู่”ลั่นกองทัพจับมือรัฐบาลแก้ปมเขาพระวิหาร

“บิ๊กตู่”ลั่นกองทัพจับมือรัฐบาลแก้ปมเขาพระวิหาร

 

เมื่อวันที่ 3 ม.ค.56 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ผบ.ทบ. กล่าวถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรีได้หารือร่วมกับ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และ ผู้บัญชาการเหล่าทัพ ภายหลังการอวยพรปีใหม่ที่ทำเนียบรัฐบาลเมื่อวันที่ 2 ม.ค.ที่ผ่านมาว่า ได้พูดถึงแนวทางการดำเนินการในเรื่องความมั่นคงว่าจะทำอย่างไร รวมถึงปัญหาที่ค้างคา ซึ่งที่ประชุมมีมติให้ตั้งทีมโฆษกชี้แจงงานด้านความมั่นคง เพราะบางอย่างต่างคนต่างพูดกันไป อาจไม่ตรงกันจึงจำเป็นต้องมีทีมงานให้ข้อมูลข่าวสารให้ประชาชนรับทราบไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งทีมโฆษก ทางรัฐบาลจะเป็นผู้จัดตั้ง โดยมี พลเรือน ตำรวจ ทหาร เข้าไปร่วม ส่วนการทำงานร่วมกันระหว่างกองทัพและกระทรวงการต่างประเทศในกรณีปราสาทเขา พระวิหารนั้น เราทำงานร่วมกันมาโดยตลอดตั้งแต่ปี 2505 จนมาถึงช่วงปี 2551 ก็มีปัญหา ซึ่งในที่ประชุมเมื่อวันที่ 2 ม.ค.ที่ผ่านมา อยากให้สองประเทศอยู่ร่วมกันอย่างสันติ มีความร่วมมือกัน และสองประเทศไม่ได้มีแนวโน้มจะสู้รบกัน เรื่องที่เกิดขึ้นในอดีตขอให้ผ่านไป แต่นโยบายของรัฐบาล คือ ไม่อยากให้เกิดความขัดแย้งกับประเทศเพื่อนบ้านรอบประเทศ สำหรับกองทัพบกได้จัดกำลังทหารจากกองทัพภาคที่ 2 ไปรับผิดชอบในพื้นที่เขาพระวิหารอยู่ รวมถึงตำรวจตระเวนชายแดน 2 กองร้อย ภาพลักษณ์ที่ออกมาจะได้ดูเบาลงในสายตาของภายนอก ซึ่งทุกอย่างที่เคยมีปัญหาผ่านมาตอนนี้ก็จบสิ้นแล้วตั้งแต่เรามีการปรับวิธีการมีการพูดคุยกันถือเป็นความก้าวหน้าที่ดี

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ส่วนกรณีที่ศาลโลกจะมีการตัดสินคดีปราสาทเขาพระวิหารในช่วงกลางปีนี้นั้น เป็นเรื่องของการดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรม แต่ในช่องทางการพูดคุยเรายังเน้นการพูดคุยกันทางคณะทำงานร่วม (JWG) (ที่ดำเนินการตามมติศาลโลก ส่วนรัฐบาลก็คุยกับรัฐบาลกัมพูชา เพื่อนำภาพรวมทั้งหมดสรุปให้กับรัฐบาลของประเทศตัวเอง เพื่อแก้ไขปัญหาในการอยู่ร่วมกันในอนาคต ส่วนการเก็บกู้วัตถุระเบิดยังคงดำเนินการต่อไป แต่คงใช้เวลานานพอสมควร โดยจะมีการกำหนดจุดที่มีการสัญจรของประชาชนที่จะเก็บกู้อย่างเร่งด่วนเพื่อความปลอดภัย

เมื่อถามว่า เรื่องใดที่กระทรวงการต่างประเทศต้องการเร่งรัดให้ดำเนินการแต่ยังติดขัดที่ ฝ่ายความมั่นคง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนไม่ได้ใช้คำว่าติดขัด แต่เป็นการหาวิธีการอย่างไรให้คนภายนอกและศาลโลกได้เข้าใจว่าไม่ใช่ ไทย หรือ กัมพูชา ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นคนทำ ต้องให้ทั่วโลกหรือศาลโลกเห็นว่าทั้ง 2 ประเทศพูดคุยในทวิภาคีได้ และอยู่ร่วมกันได้ รวมถึงหาแนวทางในการอยู่ร่วมกันได้ในอนาคต โดยไม่มีการสู้รบกันอีกอย่างยั่งยืน ถ้าหากเราไม่มีช่องทางพูดคุยเลยให้เป็นเรื่องรัฐบาลกับรัฐบาล จะดูเหมือนว่าฝ่ายความมั่นคงกับรัฐบาลมีความขัดแย้งกัน ตนมองว่า ไม่ว่าใครจะเป็นรัฐบาล หรือ ฝ่ายความมั่นคง ประเทศชาติสำคัญที่สุด ทุกคนมุ่งหวังให้ประเทศชาติปลอดภัย ไม่มีการสู้รบ ซึ่งทหารทำหน้าที่ในการรักษาเขตแดนตามนโยบายของรัฐบาล ส่วนการให้ตำรวจตระเวนชายแดนเข้าไปเสริมกำลังในพื้นที่นั้น เป็นขั้นตอนการดำเนินการที่ทำไปทีละขั้น ซึ่งฝ่ายความมั่นคงก็ดูแลอยู่แล้ว ส่วนรัฐบาลก็เป็นฝ่ายบริหาร เป็นสิ่งที่ต้องทำงานร่วมกัน

 

สำนักข่าว

cnx news เจาะข่าว ตรงใจคุณ รายงาน