แพทย์ มช. เตือน! ภัยเงียบจาการนอนกรน
ปัจจุบันโรคภัยไข้เจ็บเกิดจากหลายสาเหตุทั้งโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัส โรคทางระบบอาหาร โรคทางระบบประสาท โรคต่างๆเหล่านี้ล้วนเป็นโรคที่ร้ายแรงทั้งสิ้นแต่โรคที่เป็นภัยเงียบและร้ายแรงอีกหนึ่งโรคและถือได้ว่าส่วนใหญ่จะมองข้ามคิดว่าเป็นเพียงโรคธรรมดาที่ใครๆก็เป็นได้ นั้นคือ การนอนกรนซึ่งเกิดจากการอุดกั้นของทางเดินหายใจขณะนอนหลับทำให้เกิดการหยุดหายใจการหายใจไม่สม่ำเสมอ อาจมีการสะดุ้งตื่น ส่งผลให้ร่างกายได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอ
ผศ.พญ.นันทิการ์ สันสุวรรณ อาจารย์ประจำภาควิชาโสต ศอ นาสิกวิทยา เปิดเผยว่า การนอนกรนจะพบประมาณร้อยละ 20 ของคนทั่วไปทั้งเด็ก ผู้ใหญ่และผู้สูงอายุ ซึ่งการนอนกรน คือ เสียงที่เกิดจาการสั่นสะเทือนของอวัยวะทางเดินหายใจส่วนต้น เช่น เพดานอ่อน ลิ้นไก่ ผนังคอหอยและลิ้น เมื่อมีการอุดกั้นของทางเดินหายใจส่วนต้นทำให้ลมหายใจผ่านลงไปไม่สะดวก เกิดการหมุนวนของกระแสลม และอวัยวะของทางเดินหายใจสั่นสะเทือนจึงเกิดเสียงกรนขึ้น โดยการนอนกรนมีทั้งหมด 2 ประเภท คือ 1.การนอนกรนธรรมดา มีการตีบแคบลงของทางเดินหายใจขณะนอนหลับบางส่วน ซึ่งทำให้เกิดเสียงรบกวนแก่ผู้ร่วมห้องนอน ซึ่งจัดเป็นชนิดไม่อันตราย ส่วนประเภทที่ 2 .การนอนกรนที่มีการหยุดหายใจร่วมด้วย เนื่องจากการอุดกั้นของทางเดินหายใจขณะนอนหลับทำให้เกิดการหยุดหายใจ จึงทำให้เสียงกรนไม่สม่ำเสมอ อาจมีการสะดุ้งตื่น กลั้นหายใจ หายใจแรงหรือสำลักร่วมด้วย ทำให้ร่างกายได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอ ซึ่งผลเสียจากการนอนกรนที่มีการหยุดหายใจร่วมด้วยมีดังนี้ 1.ง่วงนอนตอนกลางวัน มีผลต่อการเรียน การทำงานหรืออาจเกิดอุบัติเหตุในการขับรถหรือควบคุมเครื่องจักรกล 2.ไม่มีสมาธิในการทำงาน ความจำลดลง หงุดหงิดอารมณ์เสียง่ายกว่าปกติ 3.ในเด็กจะมีพัฒนาการของสมองและร่างกายไม่ดี 4.มีโอกาสเสี่ยงที่เป็นโรคความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดในสมอง และโรคหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน
สำหรับวิธีการรักษาการนอนกรนมีหลายวิธี เช่น การควบคุมน้ำหนักไม่ให้เกินเกณฑ์ โดยการจำกัดปริมาณและชนิดอาหาร การออกกำลังกายสม่ำเสมอเพื่อให้กล้ามเนื้อแข็งแรง และควรหลีกเลี่ยงยาบางชนิดที่ทำให้ง่วง อาทิ ยานอนหลับ ยากล่อมประสาท และยาแก้แพ้ชนิดง่วง ควรหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิดและควรหลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ ควรหลีกเลี่ยงการนอนหงายโดยพยายามนอนในท่าตะแคงข้างและนอนศีรษะสูงเล็กน้อย การรักษาโรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้และไซนัสอักเสบ การรักษาด้วยการจี้คลื่นความถี่วิทยุ (RF) เพื่อให้เนื้อเยื่อของทางเดินหายใจหดตัวลงและทางเดินหายใจกว้างขึ้น รวมทั้งการผ่าตัดทอนซิลและอะดีนนอยด์ในเด็กที่มีต่อมทอนซิลและ อะดีนอยด์โต เป็นต้น
“นอนกรนรักษาได้” ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่คลินิกนอนกรน โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ เปิดให้บริการในทุกวันศุกร์ เวลา 13.00 – 15.30 น. ชั้น 7 อาคารศรีพัฒน์ หมายเลขโทรศัพท์ 053-945745 , 053-946696
สำนักข่าว
cnx news เจาะข่าว ตรงใจคุณ