เขต 1 (ลำปาง) จัดประชุมระดมความคิดเห็นเรื่องการอนุรักษ์ธรณีวิทยา

กรมทรัพยากรธรณี เขต 1 (ลำปาง) จัดประชุมระดมความคิดเห็นเรื่องการอนุรักษ์ธรณีวิทยา

กรมทรัพยากรธรณีจัดประชุมระดมความคิดเห็นเรื่องการอนุรักษ์ธรณีวิทยาและแนวทางจัดตั้งอุทยานธรณีในพื้นที่เชียงใหม่

       กรมทรัพยากรธรณี โดยสำนักงานทรัพยากรธรณี เขต 1 (ลำปาง) จัดประชุมระดมความคิดเห็นเรื่องการอนุรักษ์ธรณีวิทยาและแนวทางจัดตั้งอุทยานธรณีในพื้นที่เชียงใหม่ โดยนำผู้เข้าร่วมประชุมออกสำรวจพื้นที่จริงที่  พุน้ำร้อยเทพพนม อำเภอแม่แจ่ม ผาวิ่งชู้ และ อุทยานแห่งชาติออบหลวง อำเภอฮอด  ก่อนที่จะอภิปรายสรุปพร้อมรับฟังความคิดเห็น

เมื่อวันที่ 18 ก.ค.56 ที่ผ่านมา เวลา 09.30 น. ณ โรงแรมธาริน จังหวัดเชียงใหม่ นายมนตรี  เหลืองอิงคะสุต ผู้อำนวยการสำนักธรณีวิทยา เป็นประธานเปิดการประชุมระดมความคิดเห็นเรื่อง “การอนุรักษ์ธรณีวิทยาและ แนวทางการจัดตั้งอุทยานธรณีในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ (Chiang Mai GEOPARK) ซึ่งสำนักงานทรัพยากรธรณี เขต 1 (ลำปาง) จัดขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อนำเสนอข้อเสนอในการจัดตั้งอุทยานธรณีจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมทั้งจัดให้มีการทัศนศึกษาดูงาน ณ แหล่งธรณีวิทยาพุน้ำร้อยเทพพนม อำเภอแม่แจ่ม ผาวิ่งชู้ และ อุทยานแห่งชาติออบหลวง อำเภอฮอด ในวันที่สองของการจัดประชุม เพื่อให้เกิดองค์ความรู้ทางด้านการอนุรักษ์แหล่งอนุรักษ์ธรณีวิทยา เกิดการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ระหว่างผู้เข้าร่วมประชุมและกลุ่มเครือข่าย และส่งเสริมให้มีการวางแนวทางพัฒนารูปแบบของการอนุรักษ์แหล่งธรณีวิทยาและแหล่งทรัพยากรธรรมชาติอันมีค่าของท้องถิ่นสืบต่อไป และเพื่อให้การจัดตั้งอุทยานธรณีเป็นตัวอย่างของการบูรณาการระหว่างส่วนราชการที่จะก่อให้เกิดประโยชน์แก่ชุมชนท้องถิ่นและประเทศโดยรวมอย่างยั่งยืนต่อไป โดยการประชุมระดมความคิดเห็นครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมประชุมประกอบด้วย เครือข่ายอาสาสมัครอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหมู่บ้าน กรมทรัพยากรธรณี ส่วนราชการ/รัฐวิสาหกิจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สื่อสารมวลชนและผู้แทนมหาวิทยาลัย รวม 100 คน

ดร.สมบุญ โฆษิตานนท์ ผู้อำนวยการสำนักธรณีวิทยาสิ่งแวดล้อมและธรณีพิบัติภัย และผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรณี เขต 1 (ลำปาง) กล่าวว่า จากการสำรวจและศึกษาข้อมูลของสำนักงานทรัพยากรธรณีเขต 1 (ลำปาง) พบว่า จังหวัดเชียงใหม่เป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่มีแหล่งธรรมชาติทางธรณีวิทยาที่สวยงาม ซึ่งมีลักษณะที่โดดเด่น สมควรอนุรักษ์ไว้เป็นมรดกของประเทศ สำนักงานทรัพยากรธรณี เขต 1(ลำปาง) จึงได้ดำเนินการเชิงรุกเพื่อให้เกิดการอนุรักษ์แหล่งธรณีวิทยาที่มีคุณค่าเหล่านั้นอย่างเป็นรูปธรรม ภายใต้โครงการอนุรักษ์และจัดการแหล่งทรัพยากรธรณีเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยมีเป้าหมายให้เกิดการประกาศแหล่งอนุรักษ์ธรณีวิทยาอย่างเป็นทางการ เพื่อการพัฒนาไปสู่การจัดตั้งอุทยานธรณีในระดับจังหวัด อย่างไรก็ตามเพื่อให้เกิดการดำเนินการให้บรรลุผลตามวัตถุประสงค์ จำเป็นต้องมีกิจกรรมที่จะทำให้การจัดตั้งอุทยานธรณีเป็นไปได้โดยสมบูรณ์ ได้แก่ การสนับสนุนให้เกิดเครือข่ายอนุรักษ์ธรณีวิทยาและอุทยานธรณีในพื้นทีเป้าหมาย ประกอบกับการประชุมระดมความคิดเห็นเพื่อเสริมสร้างความเข้าใจต่อกันในการบริหารและการพัฒนาพื้นที่ ถือได้ว่าเป็นการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ผ่านการเสวนาและการศึกษาดูงานการบริหารจัดการของแต่ละแหล่งอนุรักษ์ธรณีที่ได้ดำเนินการเป็นผลสำเร็จ ซึ่งจะมีการอภิปรายสรุปพร้อมรับฟังความคิดเห็นต่อไป

ด้านนายมนตรี เหลืองอิงคะสุต ผู้อำนวยการสำนักธรณีวิทยา กล่าวว่า แหล่งธรรมชาติทางธรณีวิทยาที่มีความโดดเด่นและสวยงามนั้นมีอยู่มากมาย กระจายตัวอยู่ทั่วทุกภาคของประเทศ ถือได้ว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีคุณค่าทางวิชาการ อีกทั้งในหลาย ๆ แหล่งยังจัดได้ว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวในระดับโลก แหล่งธรรมชาติเหล่านี้ถือได้ว่าเป็นทรัพยากรทางธรณีที่สำคัญของประเทศ สมควรอนุรักษ์ไว้ให้เป็นมรดกทางธรณีวิทยา ให้แก่ประชาชนรุ่นหลังสืบต่อไป การดำเนินงานของกรมทรัพยากรธรณีในเรื่องนี้ เป็นไปเพื่อมุ่งหวังให้เกิดการอนุรักษ์แหล่งธรณีวิทยาที่มีคุณค่าอย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืน โดยได้วางเป้าหมายไว้เพื่อให้เกิดการจัดตั้งอุทยานธรณีในระดับจังหวัด ระดับประเทศ และในที่สุดมีการนำเสนอเพื่อขอขึ้นทะเบียนเป็นเครือข่ายอุทยานธรณีวิทยาระดับโลกจาก UNESCO โดยการดำเนินการในภาคเหนือจะเริ่มจากจังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดเชียงราย เนื่องจากกรมทรัพยากรธรณีเล็งเห็นถึงศักยภาพของแหล่งในพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งการที่จะมุ่งสู่เป้าหมายนั้น จะต้องใช้เวลาและความพยายามค่อนข้างสูง เนื่องจากเงื่อนไข หลักเกณฑ์ และวิธีการของ UNESCO ในการคัดเลือกให้เป็นอุทยานธรณีมีมาตรการที่เข้มข้น แต่ด้วยศักยภาพและคุณค่าของแหล่งธรณีวิทยาของประเทศไทยที่มีความสวยงามโดดเด่น มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของแหล่งที่แตกต่างจากที่อื่น ๆ รวมถึงความร่วมมือ ร่วมใจและความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของทุกภาคส่วน จะเป็นแรงผลักดันให้การดำเนินการสามารถไปถึงเป้าหมายและบรรลุวัตถุประสงค์ได้อย่างแน่นอน