บสย.เตรียมข้อมูลแนะนำ SME ให้เข้าถึงสินเชื่อเต็มที่ในงาน Money Expo
บสย.เตรียมข้อมูลแนะนำ SME ให้เข้าถึงสินเชื่อเต็มที่ในงาน Money Expo เดือนพฤศจิกายนนี้ โดยเฉพาะโครงการต่อยอดจากการช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม 2554 ที่ผ่านมาวงเงินกว่าแสนล้านบาท
เมื่อเร็วๆนี้ที่โรงแรมฟูรามา จ.เชียงใหม่ นางพงษ์ทิพย์ เทศะภู ผู้เชี่ยวชาญด้านการสื่อสารองค์กร บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) พร้อมด้วยนายเกรียงไกร ไชยศิริวงศ์สุข ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด นายดำริ ขวัญสุวรรณ ผู้จัดการสำนักงานสาขาเชียงใหม่ และทีมงานสื่อสารองค์กร ฝ่ายการตลาด บสย.สำนักงานสาขาเชียงใหม่ พบกับสื่อมวลชนแขนงต่าง ๆ ของจังหวัดเชียงใหม่ ในโครงการสร้างความสัมพันธ์กับสื่อมวลชนภูมิภาค เพื่อสร้างความสัมพันธ์และให้สื่อมวลชนภูมิภาคมีความเข้าใจและได้รับข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้อง พร้อมทั้งแถลงข่าวเชิญชวนให้ผู้ประกอบการ SME ชาวเชียงใหม่และจังหวัดใกล้เคียงเยี่ยมชมบูธ บสย. ในงาน Money Expo เดือนพฤศจิกายนนี้ และชี้แจงรายละเอียดผลการช่วยผู้ประกอบการ SME ผ่านบริการค้ำประกันสินเชื่อประเภทต่าง ๆ ของ บสย.
นางพงษ์ทิพย์ บอกว่า การพบปะสื่อเป็นเรื่องที่เห็นว่าสำคัญต่อภารกิจ บสย.เนื่องจากจะได้ช่วยประชาสัมพันธ์ข้อมูลไปยังกลุ่มผู้ประกอบการ SME เนื่องจากผ่านมาผลการสำรวจพบว่า กลุ่ม SME ได้รับข้อมูลหรือรู้จัก บสย.น้อย ซึ่งก่อนหน้านี้เพื่อตอกย้ำวิสัยทัศน์ของ บสย. ในการก้าวไปสู่สถาบันค้ำประกันสินเชื่อแห่งชาติตามพันธกิจในการให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ที่มีศักยภาพทั่วประเทศให้สามารถได้รับสินเชื่อจากสถาบันการเงิน โดยการค้ำประกันสินเชื่อผู้ประกอบการ บสย. จึงได้ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับหน่วยงานภาคเอกชนที่มีความสำคัญยิ่งในด้านเศรษฐกิจของประเทศคือ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย, หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย, สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ซึ่งการร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงระหว่าง บสย. และ 3 สภาหลักของประเทศครั้งนี้จะนำไปสู่ความร่วมมือที่จะช่วยให้ SME ทั่วประเทศไทยกู้เงินเพิ่มขึ้นได้จากการทำงานร่วมกันในรูปแบบต่างๆ คือ สมาชิก SME กว่า 90,000 รายของทั้ง 3 สภาจะได้รับรู้และเข้าใจพันธกิจของ บสย. ที่จะช่วยให้ SME กู้เงินได้จากการเข้าร่วมฟังการบรรยายในการประชุมกรรมการ สมาชิกของ 3 สภาหรือประชาสัมพันธ์ในรูปแบบต่างๆ และสมาชิกในกลุ่มจะได้มีโอกาสแจ้งปัญหาการกู้เงินไม่ได้หรือไม่เพียงพอรวมทั้งมูลค่าของเงินกู้ที่ต้องการผ่านสภาที่ตนเองเป็นสมาชิกเพื่อ บสย. จะนำไปพัฒนาผลิตภัณฑ์การค้ำประกันร่วมกับธนาคารต่อไปเพื่อ SME กู้เงินได้ในที่สุด
ด้านนายเกรียงไกรแนะนำว่า สำหรับสินเชื่อผู้ประกอบการผ่านกลไกการค้ำประกันของ บสย. (Portfolio Guarantee Scheme G-12) ระยะที่ 4 วงเงินค้ำประกัน 24,000 ล้านบาท ขณะนี้อนุมัติแล้วประมาณ 22,000 ล้านบาทเหลือไม่ถึง 2,000 ล้านบาทโดยเริ่มดำเนินการตั้งแต่มิถุนายนที่ผ่านมา เดิมจะดำเนินการทั้งปีแต่ทำได้เร็วมาก ซึ่งจะมีการเสนอแนวทางในระยะต่อไปโดยหารือกับกระทรวงการคลังแล้วเพื่อเตรียมการในระยะต่อไปทันที โครงการช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม Portfolio Guarantee flood วงเงินค้ำประกัน 100,000 ล้านบาท อนุมัติแล้วกว่า 20,750 ล้านบาทจากประมาณการ 22,000 ล้านบาท ซึ่งอาจจะมากกว่านี้ประมาณ 23,000 ล้านบาท โดยรัฐบาลรับภาระจ่าค่าธรรมเนียม 1.75% ให้ใน 3 ปี และให้สถาบันการเงินคิดดอกเบี้ยผู้รับการค้ำประกันอัตรา 3% ในระยะ 3 ปีเช่นกัน โดยจะเสร็จสิ้นโครงการในธันวาคม 2555 นี้ ระยะเวลาการค้ำประกัน 7 ปี โดยกำหนดวงเงินค้ำประกันสูงสุดไม่เกิน 10 ล้านบาทต่อรายต่อสถาบัน
โครงการที่ช่วยผู้ประกอบการที่ฟื้นฟูเสร็จแล้วเพื่อจะขยายงานต่อยอดธุรกิจ Portfolio Guarantee Productivity Improvement Loan (PIL) วงเงิน 20,000 ล้านบาท เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต รวมทั้งรองรับกับ AEC ที่ SME แบงค์จะดูแลโครงการนี้ ระยะเวลาโครงการ 2 ปี วงเงินค้ำประกันสูงสุด 5 ล้านบาท โดยมีอัตราดอกเบี้ยพิเศษที่ MLR-3% รัฐบาลรับภาระค่าธรรมเนียมแทนผู้ประกอบการในปีแรก ล่าสุดได้รับการอนุมัติไปแล้ว 460 ล้านบาท
สุดท้ายโครงการ Portfolio Guarantee Start up สำหรับผู้ประกอบการรายใหม่ที่มีอายุกิจการไม่เกิน 2 ปี วงเงินค้ำไม่เกิน 2 ล้านบาท ระยะโครงการ 7 ปี ขณะนี้อยู่ระหว่างการกำหนดแนวทางของแต่ละสถาบันการเงินทั้ง 16 แห่งที่ร่วมโครงการคาดว่าประมาณ 2 เดือนน่าจะชัดเจน เป้าหมายที่จะให้เข้าถึงแหล่งเงินและมีโอกาสมากขึ้น ค่าธรรมเนียมโครงการเป็นไปตามความเสี่ยงคือ 2.5 % โดยให้มี NPL ได้ไม่เกิน 37.5% ซึ่งทั้งหมดนี้ในงานมหกรรมการเงินหรือ Money Expo ระหว่าง 9-11 พ.ย.นี้ที่เชียงใหม่ฮอล์ เซ็นทรัลพลาซา เชียงใหม่ แอร์พอร์ต บสย.จะเปิดบูธแนะนำการบริการการค้ำประกันสินเชื่อแก่ SME โดยเตรียมเจ้าหน้าที่มาคอยให้คำแนะนำด้านการขอสินเชื่อในงานครั้งนี้อย่างเต็มที่
ส่วนนายดำริบอกว่า การอนุมัติเงินค้ำประกันของภาคเหนือ ณ เดือนกันยายน 2555 มีจำนวนโครงการ 12,219 โครงการ วงเงินค้ำประกัน 33,042,363,000 บาท คิดเป็นร้อยละ 15.24 มีภาระการค้ำประกันจำนวน 8,362 โครงการเม็ดเงิน 22,036,711,000 บาท คิดเป็นร้อยละ 13.85 ขณะที่ทั้งประเทศ ณ เดือนกันยายน 2555 มีการอนุมัติโครงการค้ำประกันไป 72,478 โครงการ วงเงิน 216,743,252,000 บาท มีภาระค้ำประกันจำนวน 53,397 โครงการเม็ดเงิน 159,155,007,000 บาท โดยกลุ่มธุรกิจที่มีการค้ำประกันมาก 5 อันดับแรกคือ ธุรกิจบริการ รองลงมาเป็นการผลิตสินค้าและการค้าอื่น ๆ เหล็ก ผลิตภัณฑ์โลหะ และเครื่องจักร กลุ่มเกษตรกรรมและกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม.
สำนักข่าว
Cnxnews เจาะข่าว ตรงใจคุณ รายงาน
