วันศุกร์, 26 เมษายน 2567

ทัวร์จีน(อีกแล้ว) ก้างตำคอเมืองท่องเที่ยว

20 มี.ค. 2015
489
Spread the love

ทัวร์จีน(อีกแล้ว) ก้างตำคอเมืองท่องเที่ยว

tourchiness

ในโลกออนไลน์ระยะหลังเราจะพบอะไรต่อมิอะไรมากมาย จากคนไทยเจ้าของประเทศที่แสดงออกต่อพฤติกรรมของคนจีนจากแผ่นดินใหญ่ที่เข้ามาเทียวเมืองไทย   ล่าสุดมีคลิปวีดิโอที่คนไทยเผยแพร่ลงในยูทูป   ด่าแหลกพฤติกรรมของทัวร์จีน และต่อมาก็ทราบว่า ทางฝ่ายจีนก็นำเอาคลิปนั้นไปเผยแพร่ในประเทศของตน โดยมีเนื้อหาตักเตือนคนของตนเองให้ระมัดระวังกิริยามารยาท    ซึ่งก็มีผู้แสดงทัศนะต่อท้ายมากมาย และชี้แจงว่า คนจีนนั้นมีมากมายหลักพันล้านคน ย่อมจะมีคนมารยาทไม่ดีปะปนอยู่บ้างในขณะนี้ทีคนจีนสุภาพเรียบร้อยก็มีมากมายเช่นกัน

            แต่ ถึงจะหมดความอดทน โวยวาย แช่งด่ากันอย่างไรคงปฏิเสธไม่ได้ว่า ตลาดนักท่องเที่ยวจีนเติบโตเกินความคาดหมาย ชนิดที่ว่า “ใครๆ ทั้งโลกก็เดาผิด” โดยในปี 57 ที่ผ่านมา มีคนจีนออกท่องเที่ยวมากถึง 112 ล้านคน และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นอีกด้วย ประเทศไทยเป็นหนึ่งในเป้าหมายที่ท่องเที่ยวสำคัญที่ชาวจีนต่างเดินทางมา หากจะลองสังเกตหันมองไปไหน ไม่ว่าจังหวัดใดของไทย พบเห็นหมู่คณะชาวจีนเป็นจำนวนมาก ขณะเดียวกันเรื่องราว “พฤติกรรม” ของทัวร์ริสต์จีน ก็กระฉ่อนโลกเช่นกัน
             ซึ่งเป็นพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ ขัดแย้งกับวิถีปฏิบัติ ประเพณี วัฒนธรรมแต่ละท้องถิ่นก็ปรากฏให้เห็นอย่างต่อเนื่อง ทั้งขับรถเร็ว ขับผิดช่องจราจร ขับย้อนศร หยุดกลางทางแยก จอดรถปิดซอย-ทางเข้าออก จองที่พักสำหรับ 2 คน แต่อยู่จริง 4-5 คน ทิ้งขยะ ฯลฯ ส่วนเรื่องราวจะเป็นอย่างไร ต้องมาติดตามกัน
คลื่นนักท่องเที่ยวจีนที่ทะลักออกท่องโลกจำนวนมากศาลนี้หากไม่นับฮ่องกง กับมาเก๊า “ไทย” ถือเป็นประเทศที่มีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางมาเที่ยวมากที่สุด คือ 4.6 ล้านคน
        โดย “เชียงใหม่” เป็นหนึ่งในเป้าหมายการมาเยือนของตี๋-หมวย จากแดนมังกร ตามกระแสภาพยนต์ต้นทุนต่ำเรื่อง “Lost in Thailand” ซึ่งปีกลายที่ผ่านมาทำให้มีชาวจีนเดินทางมาท่องเที่ยวไม่น้อยกว่า 3 แสนคน
          คนในวงการโรงแรมเชียงใหม่ท่านหนึ่ง    ยกตัวเลขมาอธิบายว่า  “ตอนนี้มีเที่ยวบินตรงจากจีนเข้าเชียงใหม่ ไม่นับเที่ยวบินจากกรุงเทพฯ สามารถรองรับได้ปีละ 3.5 แสนที่นั่ง จากการขยายเวลาสนามบิน และเพิ่มหลุมจอดเป็น 12 หลุม รวมถึงชาร์เตอร์ไฟล์ ตลอด 24 ชั่วโมง ดังนั้น เชื่อว่า ในปี 58 สถิติน่าจะทะลุไปถึง 5 แสนคน”
นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวเชียงใหม่  ตอกย้ำว่า    ช่วงเทศกาลตรุษจีนที่ผ่านมาของปีนี้ การท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่ มีความคึกคักเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในช่วงวันที่ 17-25 ก.พ.58 ที่เป็นช่วงวันหยุดยาวของชาวจีนด้วย หลังจากกราบไหว้บรรพบุรุษแล้วก็จะออกเดินทางท่องเที่ยว
ในช่วงดังกล่าวส่งผลให้เศรษฐกิจการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่ มีความคึกคักอย่างมากและมีเงินสะพัด 1,500-2,000 ล้านบาท จากการจับจ่ายของนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะชาวจีนที่จะหมุนเวียนเข้ามาตลอดช่วง 9 วันดังกล่าว   และเดือนเมษายน สงกรานต์ปีนี้หยุดยาว   ท่านทั้งหลายคงหนีร้อนมาสาดน้ำเชกันที่เชียงใหม่คึกคักอีกครั้ง
แต่ขณะเดียวกัน พฤติกรรมไม่พึงประสงค์ ขัดแย้งกับวิถีปฏิบัติ ประเพณี วัฒนธรรมแต่ละท้องถิ่นก็ปรากฏให้เห็นอย่างต่อเนื่อง
        ทั้งขับรถเร็ว ขับผิดช่องจราจร ขับย้อนศร หยุดกลางทางแยก จอดรถปิดซอย-ทางเข้าออก จองที่พักสำหรับ 2 คน แต่อยู่จริง 4-5 คน ทิ้งขยะ ตากผ้าราวระเบียง ขับถ่ายไม่กดชักโครก เสียดัง ขากถุยแม้แต่ในโรงแรมระดับ 5 ดาว ขากถุยไม่เป็นที่ แซงคิว ไม่ยอมต่อแถว ฯลฯ
รวมถึงการแสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสมบนอ่างแก้ว-สวมครุย ถ่ายรูปหน้ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่, สวมกระโปรง ปีนขึ้นไปบนกำแพงเมืองเก่า กลางเมืองเชียงใหม่, เช่ารถเที่ยวเอง แต่ขับขี่ผิดกฎหมายจราจรทั่วเมือง จนทำให้เกิดอุบัติเหตุหลายต่อหลายครั้ง, ตากชุดชั้นใน-กางเกงใน กลางสนามบินเชียงใหม่, ทิ้งกระดาษชำระที่ใช้แล้ว ในถังชักโครก ห้องน้ำสีทอ วัดร่องขุ่น อำเภอเมืองเชียงราย จนกลายเป็นเรื่องฉาวข้ามชาติ, ก่อเหตุทะเลาะวิวาทบนเครื่องบิน ฯลฯ
จนทำให้มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ต้องออกประกาศของมหาวิทยาลัย ขอความร่วมมือนักท่องเที่ยวที่เข้ามายังพื้นที่ภายในมหาวิทยาลัยฯ ต้องแสดงพาสปอร์ต บัตรประชาชน และแลกบัตรเข้ามหาวิทยาลัย เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย
จากการสำรวจข้อความร้องทุกข์ตามเว็บไซต์ท่องถิ่นของเชียงใหม่ พบว่า มีการร้องเรียนเกี่ยวกับพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวชาวจีนเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อปี 2556 ที่ผ่านมา ซึ่งปัญหาส่วนใหญ่คือ พฤติกรรมการขับขี่รถจักรยานยนต์เช่าของนักท่องเที่ยวชาวจีน ที่ไม่มีความชำนาญทางหรือไม่คุ้นเคยกับการขับขี่รถทางด้านซ้าย ทำให้มักเกิดอุบัติเหตุหรือทำผิดกฏจราจรอยู่บ่อยครั้ง สร้างความหวาดเสียวและความเดือดร้อนแก่ผู้ที่สัญจรไปมา

           เรียกว่าสารพัดสารเพ สำหรับวีรกรรมนักท่องเที่ยวชาวจีน ที่ทำให้คนในท้องถิ่นส่ายหน้าไปตามๆ กัน
                 อย่างไรก็ตาม ปัญหาพฤติกรรมนักท่องเที่ยวจีน ที่ถูกกล่าวถึงในแง่ลบทั่วโลก ทางการจีน ก็ตระหนักถึงปัญหาที่เกิดขึ้น จึงออก “คู่มือการท่องเที่ยวอย่างมีอารยะ” ซึ่งมีบทมารยาททั่วไป กับบทของมารยาทเฉพาะท้องถิ่น แบ่งย่อยเป็นหลายหมวด เช่น หมวดการใช้ห้องน้ำ หมวดการถ่ายรูป หมวดการให้ทิป หมวดการดูการแสดง หรือหมวดการกินอาหารบนโต๊ะบุฟเฟต์ เป็นต้น
ซึ่งในหมวด การใช้ห้องน้ำ จะมีการระบุอย่างชัดเจนว่า ควรขับถ่ายในสถานที่ที่ถูกกำหนดไว้ และไม่ควรใช้เวลาอยู่ในห้องน้ำสาธารณะนานเกินไป รวมถึงเมื่อทำธุระเสร็จแล้วต้องกดของเสียทิ้งทุกครั้งหลังใช้ แต่เหนือสิ่งอื่นใด คำแนะนำพื้นฐานของคู่มือเล่มนี้ คือ การให้พูด ขอโทษ, ขอบคุณ, ได้โปรด และห้ามถ่มน้ำลายในสถานที่สำคัญ
ขณะที่ในด้านมารยาทเฉพาะท้องถิ่น มีการรวมความเชื่อ และวัฒนธรรมของแต่ละประเทศไว้ในคู่มือนี้ด้วย เพื่อให้เข้าใจถึงวัจนภาษา และอวัจนภาษาต่างๆ
สำหรับ นายกสมาคมมัคคุเทศก์เชียงใหม่ กล่าวถึงปัญหานักท่องเที่ยวจีนว่า ไม่ควรจะเหมารวมว่าพฤติกรรมที่เกิดขึ้นเป็นนักท่องเที่ยวจีนทั้งหมด เพราะนักท่องเที่ยวจีน มีหลายกลุ่ม มีทั้งกลุ่มคนเมือง และกลุ่มที่มาจากชนบท โดยกลุ่มคนเมืองก็ไม่ได้สร้างปัญหาอะไรมากมาย และส่วนมากจะมากับบริษัททัวร์ที่มีไกด์ถูกต้อง และอธิบายเรื่องที่ควรหรือไม่ควรให้กับลูกทัวร์ ฉะนั้นจะไม่เกิดเรื่องราวอะไรมากมาย
แต่กลุ่มที่มาสร้างปัญหาทางสังคมมากเป็นพิเศษ ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวจีนที่มาจากเมืองที่เป็นชนบท ประกอบกับมากันเองไม่ผ่านบริษัททัวร์ จึงไม่มีใครอธิบาย เพราะความไม่เข้าใจถึงวัฒนธรรมที่ต่างกัน เช่นเมืองเขาอาจจะปีนกำแพงได้ แต่บ้านเราปีนไม่ได้ หรือแม้แต่คนไทยเอง ยังไปปีนกำแพงเมืองบ้านเขาได้ เป็นต้น
“ปัญหาบางเรื่อง จะโทษนักท่องเที่ยวฝ่ายเดียวไม่ได้”
         เช่น การเช่าชุดครุยไปถ่ายตามสถานที่ต่างๆ นั้นความผิดควรจะอยู่ที่เจ้าของร้านที่ให้เช่าชุดต้องมีจรรยาบรรณ เพราะรู้อยู่แล้วว่า ชุดครุย เป็นชุดที่ศักดิ์สิทธิ์ ใครจะเช่าไปทำอะไรก็ได้ “ไม่ได้” โดยเฉพาะอย่างยิ่งรู้ว่าเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติด้วยแล้ว ยิ่งไม่มีสิทธิใส่ แต่ร้านก็ยังให้เช่า โดยไม่คำนึงถึงความถูกต้อง หรือแม้แต่ร้านให้เช่ารถทุกชนิด เจ้าของกิจการจะต้องอธิบายให้นักท่องเที่ยวเข้าใจว่า กฏจราจรเป็นอย่างไร ควรขับขี่รถอย่างระมัดระวังไม่ใช่ขับขี่ตามใจชอบ ซึ่งอันตรายมาก
บิ๊กในวงการโรงแรมท่านหนึ่ง บอกเพิ่มเติมว่า นักท่องเที่ยวจีนมาเที่ยวเชียงใหม่ปีที่ผ่านมากว่า 3 แสนคน ในจำนวนนี้มีอยู่ประมาณ 45% ที่ผ่านบริษัททัวร์ ส่วนที่เหลือมาแบบอิสระ ซึ่งไม่สามารถทำอะไรได้เลย
กระบวนการรับมือของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวใน จ.เชียงใหม่ จ.เชียงราย ยังอ่อน เพราะเป็นประสบการณ์ใหม่ไม่นาน โดยเฉพาะ จ.เชียงราย ส่วนกรุงเทพฯ, พัทยา, อยุธยา และภูเก็ต รับนักท่องเที่ยวจีนมานานกว่า 10 ปี ร้านเค้าปรับตัวได้แล้ว สามารถรับมืออยู่
ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยจังหวัดเชียงใหม่ บอกว่า ได้ทราบถึงปัญหาเหล่านี้ ขณะนี้กำลังเร่งแก้ปัญหา ดูแลพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวชาวจีน เน้นการประชาสัมพันธ์ผ่านการสื่อสารตั้งแต่ต้นทาง โดยสถานทูตไทย และสถานกงสุลไทยในประเทศจีน ก็ร่วมมือช่วยกันเผยแพร่ข้อมูลวัฒนธรรมของไทยให้กับนักท่องเที่ยวก่อนเดินทางถึงไทยผ่าน “คู่มือท่องเที่ยวอย่างไรในเชียงใหม่ให้มีความสุข” ทั้งภาษาอังกฤษและภาษาจีน
มีการแนะนำพฤติกรรมที่ควรทำ และไม่ควรทำ 10 ข้อ รวมถึงจัดเจ้าหน้าที่ช่วยเหลือนักท่องเที่ยวที่สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษ และภาษาจีนเน้นประชาสัมพันธ์ ให้ข้อมูล ตักเตือนแบบประนีประนอม ประจำแหล่งท่องเที่ยว และสถานีตำรวจทั่วเมืองเชียงใหม่รวมทั้งสิ้น 50 คน
        นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ก็รับฟังและให้ความร่วมมือปฏิบัติตาม แต่ยังมีบางส่วนที่ไม่สนใจ จึงต้องเร่งหาแนวทางเพื่อให้นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้เข้าใจ และปฏิบัติตามกฏ-ขนบธรรมเนียมของชาวล้านนาต่อไป
เชียงใหม่ เมืองท่องเที่ยว ใครมาเที่ยว ก็เอาเงินมาใช้บ้านเรา ใช้มาก ใช้น้อย ประโยชน์ย่อมเกิด ทุกหย่อมหญ้า จึงต้องทำใจ ทำใจ พอรับได้ก็รับๆกันไป หยวนๆกันไป(ประนีประนอม)ข้อสำคัญก็ไม่ต้องไป  หาเรื่อง   ทัวร์จีน แบบว่า อะไรนิดก็ด่าอะไรหน่อยก็ด่า

           นึกเสียว่า เป็น กากี่นั๊ง(แปลว่า คนกันเอง ) ก็แล้วกัน

 

อรุณ ช้างขวัญยืน/รายงาน