ถึงครา ทุนหาย กำไรหด
เปิดกระเป๋า ยักษ์ ใหญ่ นสพ.รายได้ลด
ท่านผู้อ่านครับ หากใครยังจำกันได้ ถึงคำพูด ของ ดร.สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ ประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) ที่หยิบยกขึ้นมาพูดว่า “สื่อสิ่งพิมพ์ทั่วโลกกำลังมีปัญหา” ในงาน เสวนาสาธารณะ ในหัวข้อ “ติดอาวุธความรู้สู่การปฏิรูปสื่อให้ยั่งยืน” ที่จัดขึ้นโดยความร่วมมือระหว่าง ศูนย์ศึกษานโยบายสื่อ คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกับ มูลนิธิสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) ภายใต้โครงการศึกษาวิจัยการปฏิรูปสื่อ เมื่อวันที่ 2 ก.ย.2558 และมีรายงานตามหลังมา เรื่อง เจาะงบดุล”นสพ.”ยุคภูมิทัศน์สื่อเปลี่ยน รายได้ลดขาดทุนยับ “คงพอจะเห็นภาพรวมการทำธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์ของโลกและในไทย ยุคปัจจุบันได้ดีพอสมควรว่าสถานการณ์ของสื่อสิ่งพิมพ์กำลังตกอยู่ในภาวะ ขาลง
และล่าสุด ในช่วงต้นเดือน ส.ค.2559 ที่ผ่านมา ผลประกอบการทางธุรกิจของบริษัทเอกชนในกลุ่มสื่อสิ่งพิมพ์ ช่วงปี 2558 เริ่มทยอยเผยแพร่ผลออกมาเป็นทางการแล้วและดูเหมือนว่า สถานการณ์การทำธุรกิจของบริษัทเอกชนเจ้าของสื่อสิ่งพิมพ์ จะยังคงประสบปัญหาอย่างต่อเนื่อง และมีแนวโน้มที่รุนแรงมากขึ้นกว่าเดิมด้วยซ้ำ ซึ่งสำนักข่าวอิศราเขาได้ ตรวจสอบข้อมูลงบการเงินของบริษัทเอกชนเจ้าของธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์ จากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า และได้นำข้อมูลมาเสนอแบบชัดๆ เราจึงขอนำเสนอข้อมูลดังกล่าวดังนี้
@ กลุ่มบริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์
บริษัท มติชน จำกัด (มหาชน) นำส่งงบการเงิน ณ 31 ธันวาคม 2558 แจ้งว่า มีรายได้จากการขายและบริการ 759,796,941.55 บาท ต้นทุนขายและบริการ 639,249,979.27 บาทขาดทุนสุทธิ 87,764,450.13 บาท เมื่อเทียบกับงบการเงิน ณ 31 ธันวาคม 2557 แจ้งว่า มีรายได้จากการขายและบริการ 915,805,048.64 ต้นทุนขายและบริการ 691,200,291.35 บาท กำไรสุทธิ 20,924,692.06 บาท
เท่ากับว่า รายได้ปี 2558 ลดลง 156 ล้านบาท ส่วนผลกำไร กลับกลายเป็นขาดทุนสูงถึง 87 ล้านบาท และ เมื่อวันที่ 11 ส.ค.2559 กรรมการผู้จัดการ บริษัท มติชน จำกัด (มหาชน) ทำหนังสือถึงกรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ชี้แจงผลประกอบการงบการเงินรวมสําหรับงวด 6 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2559 ระบุว่าผลประกอบการของบริษัท มติชน จำกัด (มหาชน) และบริษัทรายย่อย สำหรับงวด 6 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย.2559 ปรากฎว่ามียอดรายได้จากการขายและการให้บริการรวม 457.27 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน (89.18) ล้านบาท คิดเป็น (16.41%) และมียอดต้นทุนขายและการให้บริการรวม 354.59 ล้านบาท ลดลง (25.67) ล้านบาท คิดเป็น (6.75%)
จึงทำให้ผลประกอบการรวมสำหรับงวด 6 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย.2559 ของ บริษัทฯ มีผลขาดทุนเพิ่มขึ้น กล่าวคือ สำหรับงวด 6 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย.2559 ขาดทุนเบ็ดเสร็จรวมเท่ากับ (61.43) ล้านบาท ซึ่งขาดทุนเพิ่มขึ้นจากงดเดียวกันของปีก่อน (38.89) ล้านบาท คิดเป็น 172.54% สาเหตุที่ทำให้บริษัทมีผลประกอบการขาดทุนเพิ่มขึ้นกว่าเดิม เนื่องจากตั้งแต่ปี 2558 อุตสาหกรรมสิ่งพิมพ์ไทยและทั่วโลกเข้าขั้นวิกฤตอย่างแท้จริง ส่งผลกระทบต่อเม็ดเงินโฆษณาในธุรกิจ หนังสือพิมพ์ลดลงอย่างต่อเนื่อง
@ บริษัท โพสต์ พับลิชชิง จำกัด (มหาชน)
นำส่งงบการเงิน ณ 31 ธันวาคม 2558 แจ้งว่า มีรายได้จากการขายและบริการ 1,698,199,758 บาท ต้นทุนขายและบริการ 1,326,373,099 บาท ขาดทุนสุทธิ 253,643,227 บาท ขณะที่ปี 2557 แจ้งว่ามีรายได้จากการขายและบริการ 1,809,036,868 บาท ต้นทุนขายและบริการ 1,353,901,383 บาท ขาดทุนสุทธิ 144,788,826 บาท เท่ากับว่า ปี 2558 มีรายได้ลดลงกว่า 110 ล้านบาท ขาดทุนเพิ่มขึ้น 108 ล้านบาท
เมื่อวันที่ 15 ส.ค.2559 บริษัท โพสต์ พับลิชชิง จำกัด (มหาชน) ได้ทำหนังสือชี้แจง ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2559 ซึ่งส่งผลทำให้บริษัทมีตัวเลขขาดทุนอยู่ที่ 140.6 ล้านบาท ใกล้เคียงกับงวดเดียวกันของปี 2558 ว่า เป็นผลมีจากปัญหาการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ ส่งผลกระทบกับการใช้จ่ายงบโฆษณาของบริษัท รายได้ค่าโฆษณาของหนังสือพิมพ์และนิตยสารลดลง ขณะที่ ในหมายเหตุงบการเงิน สำหรับงวดสามเดือนและหกเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2559 ผู้สอบบัญชี ระบุว่า ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2559 บริษัทฯ มีหนี้สินหมุนเวียนสูงกว่าสินทรัพย์หมุนเวียน ถึงแม้ว่าปัจจัยดังกล่าวเป็นเหตุให้เกิดข้อสงสัยเกี่ยวกับความสามารถในการดำเนินงานต่อเนื่องของบริษัทฯ อย่างไรก็ตาม ฝ่ายบริหารของบริษัทฯเชื่อมั่นว่าสถาบันการเงินต่างๆ จะให้การสนับสนุนวงเงินกู้ยืมกับ บริษัทฯต่อไป เนื่องจากบริษัทฯชำระดอกเบี้ยและเงินต้นตามกำหนดระยะเวลาโดยตลอดและไม่เคยมีประวัติการผิดนัดชำระหนี้ จากเหตุผลดังกล่าว งบการเงินนี้จึงยังคงจัดทำขึ้นภายใต้ข้อสมมติฐานการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องของกิจการ
แม้ว่าบางค่ายจะขาดทุนแต่ค่ายที่ปรับตัวและสามารถทำกำไรได้ก็มีครับ เช่น บริษัท เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) นำส่งงบการเงิน ณ 31 ธันวาคม 2558 แจ้งว่ามีรายได้จากการขายหรือการให้บริการ 856,296,735 บาท รวมรายได้อื่น 1,004,360,753 บาท รวมรายจ่าย 808,077,079 บาท กำไรสุทธิ 259,113,507 บาท ขณะที่ปี 2557 แจ้งว่า มีรายได้จากการขายและบริการ 838,549,756 บาท รวมรายได้อื่น 981,328,096 บาท รวมรายจ่าย 796,333,525 บาท กำไรสุทธิ 155,437,468 บาท เท่ากับว่า ปี 2558 มีรายได้เพิ่มขึ้นกว่า 24 ล้านบาท และกำไรเพิ่มขึ้นกว่า 104 ล้านบาท
มีกำไรก็ย่อมมีขาดทุน บริษัท เนชั่น บรอดแคสติ้ง คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตเนื้อหาในสายงานวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ ภายใต้เครือบริษัท เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) แจ้งผลกำไรงวดไตรมาส 2 สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย.2559 ขาดทุนสุทธิ 67.11 ล้านบาท
@ กลุ่มบริษัทที่อยู่นอกตลาดหลักทรัพย์ บริษัท วัชรพล จำกัด (ไทยรัฐ )นำส่งงบการเงิน ณ 31 ธันวาคม 2558 แจ้งว่า มีรายได้จากการขายหรือการให้บริการ 3,504,638,964.45 บาท รวมรายได้อื่น 3,904,466,471.75 บาท รวมรายจ่าย 2,080,318,545.31 บาท กำไรสุทธิ กำไรสุทธิ 1,456,098,724.05 บาท ขณะที่ปี 2557 แจ้งว่า มีรายได้จากการขายและบริการ 4,082,555,224.51 บาท รายได้อื่น 370,651,655.19 บาท รวมรายได้ 4,453,206,879.70 บาท มีรายจ่ายรวม 2,387,903,659.98 บาท กำไรสุทธิ 1,647,861,811.80 บาท
แม้จะยังมีกำไรแต่เมื่อตรวจสอบชัดๆจะพบว่า มีรายได้ ลดลงกว่า 500 ล้านบาท ส่วนกำไรลดลงกว่า 191 ล้านบาท
-บริษัท สยามรัฐ จำกัด (สยามรัฐ) นำส่งงบการเงิน ณ 31 ธันวาคม 2558 แจ้งว่ามีรายได้จากการขายหรือการให้บริการ 121,842,289.99 บาท รวมรายได้อื่น 123,047,162.48 บาท รวมรายจ่าย 147,658,985.52 บาท ขาดทุนสุทธิ 25,756,505.79 บาท ขณะที่ปี 2557 แจ้งว่า มีรายได้รวม 129,285,790.61 บาท รวมรายจ่าย 151,029,084.32 บาท ขาดทุนสุทธิ 21,840,391 บาท
เท่ากับว่า ปี 2558 มีรายได้ลดลง 5-6 ล้านบาท ขาดทุนเพิ่มขึ้น 4 ล้านบาท
บริษัท สารสู่อนาคต จำกัด (ไทยโพสต์) นำส่งงบการเงิน ณ 31 กรกฎาคม 2558 แจ้งว่า มีรายได้รวม 74,373,440.89 บาท รวมรายจ่าย 69,521,375.80 บาท กำไรสุทธิ 3,856,455.87 บาท ขณะที่ปี 2557 แจ้งว่ามี รวมรายได้ 84,406,521.64 บาท รวมรายจ่าย 77,081,682.65 บาท กำไรสุทธิ 5,834,691.35 บาท เท่ากับว่า ปี 2558 มีรายได้ลดลงกว่า 10 ล้านาท กำไรลดลงกว่า 3 ล้านบาท
ทั้งหมดนี่ คือ ข้อมูลผลประกอบการธุรกิจล่าสุด ของบริษัทเอกชนเจ้าของ นสพ. ซึ่งชี้ให้เห็นข้อมูลสำคัญของการทำธุรกิจสื่อประเภทนี้ หลายประการ โดยเฉพาะประเด็นที่ว่า ใครทรง..หรือทรุด มากกว่ากัน!
ขอขอบคุณ ที่มา…สำนักข่าวอิสรา ออนไลน์
อรุณ ช้างขวัญยืน/เรียบเรียง/รายงาน