จังหวัดเชียงใหม่เตรียมป้องกันสถานการณ์โรคไข้เลือดออกและโรคมือ เท้า ปาก
จังหวัดเชียงใหม่เตรียมป้องกันสถานการณ์โรคไข้เลือดออกและโรคมือ เท้า ปาก เน้นดูแลเด็กอย่างใกล้ชิด
เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2558 เวลา 10.00 น. ณ ห้องประชุม 4 ชั้น 4 อาคารอำนวยการ ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ นางสุธีรัตน์ มหาสิงห์ นักวิชาการสาธารณสุขชำนาญการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนในการแถลงข่าวสื่อมวลชนประจำสัปดาห์ ว่า สถานการณ์ไข้เลือดออกจังหวัดเชียงใหม่ ณ วันที่28 ก.ย 2558 มีผู้ป่วยคนไทย 2,454 ราย คนต่างด้าว 237ราย เสียชีวิต 1ราย คิดเป็นอัตราผู้ป่วย 158.63 ต่อแสนประชากร สูงมากกว่าปี 2557 ประมาณ 3 เท่า เทียบจากช่วงเวลาเดียวกัน จำนวนผู้ป่วยเริ่มเพิ่มขึ้นอย่างผิดปกติในเดือนพฤษภาคม 2558 และสูงสุดในเดือนสิงหาคม และเริ่มลดลงเล็กน้อยในเดือนกันยายน โดยอำเภอที่มีอัตราป่วยสูงสุด 3 อันดับแรก คือ อำเภอแม่ริม (345.97) ต่อแสนประชากร ) อำเภอดอยสะเก็ด (325.939ต่อแสนประชากร )อำเภอดอยสะเก็ด ( 325.93 ต่อประชากร) และอำเภอฮอด (323.51ต่อแสนประชากร ) ส่วนใหญ่พบมากในกลุ่มอายุ 15-24 ปี และ 25-34 ปี มีหมู่บ้านที่โรคยังไม่สงบหรือยังควบคุมโรคไม่ได้ และ จากการส่งตัวอย่างเลือดเพื่อดูสายพันธุ์ที่ระบาดในปีนี้ พบว่าส่วนใหญ่เป็นการระบาดของสายพันธุ์ 3,4 ซึ่งปกติพบน้อย
โดยนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่เน้นนโยบายในการดำเนินงานป้องกันกันควบคุมโรคไข้เลือดออกในพื้นที่ การทำประชาคมเพื่อให้ชาวบ้าน อสม ผู้นำ องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น ได้ช่วยกันคิดกำหนดมาตรการของชุมชน โดยชุมชนเอง และมีนโยบายให้ค่าดัชนีลูกน้ำยุงลาย ( HI,CI)เป็น0 ติดต่อกัน 4 สัปดาห์ รวมทั้งการทำ Warrom ในระดับตำบลและอำเภอ เพื่อติดตามสถานการณ์และวิเคราะห์ปัญหาของพื้นที่ตลอดช่วงที่มีการระบาด ส่วน โรคมือ เท้า ปาก จังหวัดเชียงใหม่มีผู้ป่วย 840 ราย คิดเป็นอัตราป่วย 50.04 ต่อแสนประชากร ไม่มีเสียชีวิต จำนวนผู้ป่วยลดลงจากปี 2557 ประมาณ 2 เท่า เทียบจากช่วงเวลาเดียวกัน ส่วนใหญ่พบการระบาดเกิดในศูนย์เด็กเล็กหรือโรงเรียนอนุบาล ในปีนี้พบเชื้อ Entero virus 71 ระบาดหลายครั้ง แต่ยังไม่พบการป่วยที่มีความรุนแรง ในช่วงนี้ฤดูฝนต่อฤดูหนาว โรคในเด็กพบบ่อย ได้แก่ ไข้หวัดใหญ่ มือ เท้า ปาก ไข้เลือดออก สุกใส และไวรัส RSV ซึ่งช่วงที่ผ่านมาพบการระบาดของไวรัส RSV ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ มีอาการคล้ายหวัดใหญ่แต่ในเด็กอาจมีการป่วยเป็น หูชั้นกลางอักเสบ หลอดลมอักเสบ หลอดลมอักเสบ ปวดปวมหรือ พบการตายในทารกเฉียบพลัน ซึ่งไวรัส RSV ไม่มียารักษาโรค ไม่มีวัคซีน เป็นแล้วสามารถเกิดซ้ำได้อีก ดังนั้นควรดูแลเด็กอย่างใกล้ชิด เช็ดตัวทานยาลดไข้ รักษาร่างกายให้อบอุ่น รับประทานอาหาร พักผ่อนอย่างเพียงพอ หาก 3 วัน ยังมีไข้ ควรพาไปพบแพทย์ รวมทั้งการดูแล เฝ้าระวังในศูนย์เด็กเล็กและโรงพยาบาล ควรให้ความสำคัญในการคัดกรองเด็กป่วย การดูแลทำความสะอาดอุปกรณ์ของเล่นของใช้อย่างสม่ำเสมอ การล้างมือบ่อยๆทั้งเด็กและผู้ดูแล เหล่านี้จะช่วยลดการระบาดของโรคได้มาก
สำนักข่าว CNX NEWS เจาะข่าว ตรงใจคุณ