วันศุกร์, 26 เมษายน 2567

ข่าวร้ายสำหรับคนขาดมือถือไม่ได้ แม้ขณะขับรถ รู้แล้วอย่าฝ่าฝืน

Spread the love

ข่าวร้ายสำหรับคนขาดมือถือไม่ได้ แม้ขณะขับรถ

รู้แล้วอย่าฝ่าฝืน

scoop

 

ท่านผู้อ่านครับเมื่อสักเดือนเศษๆมานี่มีเรื่องราวปรากฏบนโลกออนไลน์เรื่องหนึ่ง เหตุเกิดที่ กทม. ซึ่งผมจะเล่าย่อๆให้ฟังว่า มีผู้พิพากษาท่านหนึ่งขับรถและใช้โทรศัพท์มือถือบนรถ  เมื่อมาถึงสี่แยกไฟเขียวไฟแดง รถจอดอยู่ ผู้พิพากษาท่านนั้นก็ยังใช้โทรศัพท์อยู่ ตำรวจจราจรซึ่งประจำอยุ่จุดนั้น พบเห็น จึงแจ้งข้อหาว่า ใช้โทรศัพท์มือถือขณะขับรถ  ผิด พรบ.จราจรทางบก  ผู้พิพากษาท่านนั้นก็โต้แย้งว่า ขณะที่ท่านใช้ รถจอดติดไฟแดงอยู่ ไม่ได้อยู่ในระหว่างวิ่งบนถนน จึงไม่น่าเป็นความผิดและท่านก็ไม่ยอมรับข้อหา มีการใช้สิทธิ์ขอไปต่อสู้คดีทางศาลทางตำรวจจึงดำเนินการส่งฟ้องศาล

       และผลการตัดสินของศาลคือ “ผิด”

ผู้พิพากษาท่านนั้น จึงตั้งคำถามขึ้นมาบนสังคมออนไลน์ และมีประชาชนสนใจเข้าไปแสดงวามคิดเห็นกันมากมาย

เรื่องนี้ แม้จะเป็นการตัดสินโดยผ่านการกลั่นกรองจากศาลแล้ว แต่ต่อไปอาจจะมีการขอใช้สิทธิ์ต่อสู้คดีกันอีกไม่สิ้นสุด ดังนั้น เพื่อให้เป็นบรรทัดฐานของการแจ้งข้อหาในเวลาต่อไปทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติจึงทำเรื่องขอคำวินิจฉัยจากคณะกรรมการกฤษฎีกาซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีหน้าที่เป็นที่ปรึกษาด้านกฎหมายให้กับหน่วยราชการ และผลก็ออกมา ปรากฏตามรายงานข่าวของสื่อว่า

จากกรณีคณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ 4) ได้วินิจฉัยข้อซักถามของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เนื่องจาก มีผู้พิพากษาท่านหนึ่ง ได้ตั้งประเด็นถามในสังคมออนไลน์เกี่ยวกับการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ในขณะรถจอดติดสัญญาณไฟแดง  โดยผู้พิพากษาท่านนั้นเห็นว่าไม่เป็นความผิดตามมาตรา 43 แห่ง พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522

ซึ่งคณะกรรมการกฤษฎีกาวินิจฉัยแล้วมีความเห็นว่า การใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ขณะที่หยุดรถตามสัญญาณจราจรไฟสีแดงโดยไม่ใช้อุปกรณ์เสริมมีความผิดตามมาตรา 43 (9) ซึ่งมีโทษตามมาตรา 157 แห่ง พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ

และต่อมา สตช. มีหนังสือลงนามโดย พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วย ผบ.ตร.) ส่งถึงผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) ผบช.น. 1-9 และสถานีตำรวจทุกแห่ง เพื่อให้ดำเนินการตามกฎหมายให้ถูกต้อง

หนังสือดังกล่าว ระบุว่า เพื่อให้การดำเนินการกับบุคคลที่ใช้อุปกรณ์สื่อสารในขณะขับขี่ยานพานหะให้ถูกต้องตามหลักกฎหมาย จึงให้ทุกหน่วยถือปฏิบัติให้ไปในแนวทางเดียวกัน โดยยึดแนวทางการบังคับใช้กฎหมายตามหนังสือดังกล่าว และตามนัยบันทึกคณะกรรมการกฤษฎีกา ดังนี้

            1.กรณีการหยุดรถเพื่อรอสัญญาณไฟจราจรสีแดงเป็นการกระทำที่อยู่ในความหมายของการขับรถ เนื่องจากการหยุดรถนั้นเป็นเพียงการปฏิบัติตามเครื่องหมายจราจรเท่านั้น โดยผู้ขับขี่ยังคงต้องควบคุมรถและปฏิบัติตามสัญญาณไฟจราจรต่อไป

         2.ข้อยกเว้นของการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ในขณะขับรถ มีการกำหนดข้อยกเว้นไว้กรณีเดียว คือ กรณีการใช้งานผ่านอุปกรณ์เสริมสำหรับการสนทนา โดยผู้ขับขี่ไม่ต้องถือหรือจับโทรศัพท์เคลื่อนที่เท่านั้น ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 43 (9) แห่ง พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ

3.กรณีตรวจพบการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ในขณะผู้ขับขี่ควบคุมรถอยู่ในทางเดินรถไม่ว่ารถดังกล่าวจะอยู่ในระหว่างการเคลื่อนที่หรืออยู่ระหว่างการหยุดรถตามสัญญาณจราจรมีความผิดตาม มาตรา 43 แห่ง พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ โดยยกเว้นไว้ในเฉพาะการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่โดยใช้อุปกรณ์เสริมสำหรับการสนทนา โดยผู้ขับขี่ไม่ต้องถือหรือจับโทรศัพท์ขณะเคลื่อนที่

          สรุปว่า ใช้มือถือขณะรถติดไฟแดง “ผิด” นะครับ นอกจากจะต้องเสียค่าปรับแล้ว ยังขอเตือนว่า ใช้มือถือขณะรถวิ่งยังจะพอหนีตำรวจจราจรได้ เพราะตำรวจอาจจะขี้เกียจไล่จับท่าน แต่ถ้าขณะรถจอดติดไฟแดง หวานหมูละครับ เพราะท่านยังหนีไม่ได้ ตำรวจจะมาจับและปรับเอาง่ายๆ แถมยังเถียงไม่ได้ เนื่องจากมีคำวินิจฉัยออกมาแล้ว

เชื่อผมเหอะ

ขอขอบคุณข่าวจาก สำนักข่าวอิศรา

อรุณ ช้างขวัญยืน    เรียบเรียงและรายงาน..