กรมสรรพากรไทยจัดประชุมสรรพากรทั่วภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก

กรมสรรพากรไทยจัดประชุมสรรพากรทั่วภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก

การประชุมคณะศึกษาด้านการบริหารและการค้นคว้าทางภาษีอากรแห่งเอเชีย (The Study Group On Asian Tax Administration and Research : SGATAR) ครั้งที่ 42

เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2555 เวลา 11.00 น. ณ โรงแรมแชงกรีลา จังหวัดเชียงใหม่ กรมสรรพากรไทยจัดประชุมสรรพากรทั่วภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก ซึ่งเป็นการประชุมคณะศึกษาด้านการบริหารและการค้นคว้าทางภาษีอากรแห่งเอเชีย (The Study Group On Asian Tax Administration and Research : SGATAR) ครั้งที่ 42  โดยมีนายกิตติรัตน์ ณ ระนองรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานในพิธีเปิด และอธิบดีกรมสรรพากร ดร.สาธิต รังคสิริพร้อมผู้บริหารระดับสูงของกรมสรรพากร ซึ่งเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม ให้การต้อนรับผู้บริหารระดับสูงของสรรพากรจาก 16 เขตเศรษฐกิจสำคัญในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ได้แก่ ออสเตรเลีย สาธารณรัฐประชาชนจีน เขตปกครองพิเศษฮ่องกง อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น สาธารณรัฐเกาหลี เขตปกครองพิเศษมาเก๊า มาเลเซีย มองโกเลีย นิวซีแลนด์ ปาปัวนิวกินี ฟิลิปปินส์ สิงค์โปร ไต้หวัน ไทย และเวียดนาม กว่า 200 คน ผู้แทนจากองค์กรระหว่างประเทศ เช่น สำนักงานโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) องค์กรเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) และธนาคารพัฒนาแห่งเอเชีย (ADB) เข้าร่วมประชุม

รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า “การประชุม SGATAR ครั้งนี้ มีความสำคัญในเรื่องที่จะร่วมหารือเกี่ยวกับแนวคิดการจัดเก็บภาษี ซึ่งถือเป็นเรื่องท้าทายหลักของหน่วยงานที่รับผิดชอบจัดเก็บภาษี คือเรื่องที่จะทำให้ฐานภาษีกว้างขว้าง มีการจัดเก็บภาษีทั่วถึง มีรายได้เข้ารัฐ แต่ในขณะเดียวกันแต่ละประเทศก็มีภารกิจที่ต้องแข่งขันในระหว่างกันและกัน ในการที่จะสร้างความสามารถในการแข่งขัน ซึ่งก็คล้ายๆกับการพูดว่าทำยังไงจะเก็บภาษีให้น้อยลงในเชิงอัตรา เชื่อว่าการประชุมครั้งนี้จะเป็นโอกาสสำคัญที่หัวหน้าหน่วยงานการจัดเก็บภาษี ซึ่งเกือบทุกประเทศได้ส่งหัวหน้าหน่วยงานระดับสูงสุดคือระดับอธิบดีของกรมสรรพากรภาษีเข้าร่วมประชุมกัน

กล่าวต่ออีกว่า การประชุม SGATAR ครั้งที่ 42 ร่วมทั้งการจัดประชุมหัวหน้าสถาบันฝึกอบรมของสมาชิก SGATAR (SGATAR MHTI) ครั้งที่ 6 คือเรื่องที่จะอบรมร่วมกัน เรียนรู้ร่วมกัน เป็นเรื่องสำคัญที่จะทำให้แต่ละประเทศนำแนวคิด แนวทางปฏิบัติที่เกิดประโยชน์ ได้ผลดีในแต่ละประเทศมาดำเนินการร่วมกัน เพื่อไม่ให้เป็นภาระในด้านภาษีแก่ผู้ประกอบการภาคเอกชนต่างๆอย่างไม่เหมาะสม ในขณะเดียวกันก็จะได้ไม่ต้องมีการขัดแย้งในเรื่องภาษีและการเสียภาษี

โอกาสนี้เชื่อว่าการประชุม SGATAR จะเป็นประโยชน์และเป็นความมุ่งมั่นของรัฐบาลไทย ซึ่งยืนยันว่าประเทศไทยจะให้ความร่วมมือกับประเทศสมาชิกในประชาคมโลก และในประชาคมภาษี ที่จะได้ปรึกษาหารือร่วมกัน เพื่อให้เอเชียแปซิฟิกยังคงเป็นภูมิภาคของความกล่าวหน้าทางเศรษฐกิจและการเจริญเติบโต”

อธิบดีกรมสรรพากร ดร.สาธิต รังคสิริได้ตอบคำถามสื่อมวลชนเกี่ยวกับรายละเอียดของการประชุมครั้งนี้ว่า “การแบ่งภาษีของธุรกิจขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าที่นำรายได้เข้าสู่รัฐบาลสูงสุด อย่างของไทยประมาณ 4000 ราย นำรายได้เข้ารัฐประมาณ 60-70% ซึ่งต้องมีแนวในการให้บริการลูกค้ารายใหญ่

การทำข้อตกลงในเรื่องของการให้ความช่วยเหลือและติดตามกรณีของการหลีกเลี่ยง การทุจริต เช่น เรื่องของใบขับภาษีปลอม เป็นต้น แต่ละประเทศจะเอาประสบการณ์มาแลกเปลี่ยนกัน ว่ามีปัญหาอย่างไร และมีวิธีการแก้ไขปัญหาอย่างไร

สัมมนาเรื่องการให้บริการและบริหารภาษีอากร กระบวนการการอุทธรณ์ต่างๆ ตั้งใจจะให้มีความคล่องตัว และได้ประโยชน์ต่อส่วนรวม เป็นการปฏิบัติที่ดีต่อลูกค้าของเรา นั้นก็คือคนเสียภาษี และยังได้พูดคุยถึงความร่วมมือกัน เช่น การให้ความช่วยเหลือทางด้านเทคนิค กฎหมายระหว่างกัน อีกทั้งยังได้พูดคุยกับธนาคารพัฒนาแห่งเอเชีย (ADB) ซึ่งพร้อมจะส่งผู้เชี่ยวชาญมาช่วยวิจารณ์ระบบกฎหมายของไทยให้เป็นระดับสากลมากขึ้น และพร้อมจะจัดหาทุนในการพัฒนาให้แก่ประเทศไทย โดยได้เจรจากับประเทศเกาหลีและประเทศมาเลเซีย ที่พร้อมจะให้ความรู้และแลกเปลี่ยนความรู้กัน ในเรื่องของเทคนิคไอทีต่างๆ ในการพัฒนาและจัดเก็บให้มีคุณภาพที่ดีขึ้น”

นายกิตติรัตน์ ณ ระนองได้กล่าวทิ้งท้ายอีกว่า “ผู้ที่หลีกเลี่ยงการจ่ายเงินภาษี หากมีการตรวจพบจะถูกดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งปีนี้ภาษีได้ลดลงเหลือเพียง 23% และในปีหน้าจะลดลงเหลือเพียง 20% จึงขอให้ผู้ที่หลีกเลี่ยงภาษีออกมาทำสิ่งที่ถูกต้อง เพื่อที่คนทำดีจะได้มีกำลังใจ คนที่ทำไม่เรียบร้อยจะได้แก้ไขตนเอง”

สำนักข่าว 

cnx news เจาะข่าว ตรงใจคุณ รายงาน