บัณฑิตคณะแพทยศาสตร์ มช. สำเร็จการศึกษา 313 คน
ด้วยสำนักราชเลขาธิการ พระบรมมหาราชวัง แจ้งให้ทราบว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จแทนพระองค์มา พระราชทานปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษา จากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ประจำปีการศึกษา 2558 – 2559 ครั้งที่ 51 ของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ในวันจันทร์ ที่ 23 มกราคม 2560 ที่ผ่านมา ณ หอประชุมมหาวิทยาลัยเชียงใหม่
รศ.นพ.ธนู หินทอง รักษาการแทนคณบดีคณะแพทยศาสตร์ มช. เปิดเผยว่า ในปีนี้คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มีบัณฑิตสำเร็จการศึกษามีสิทธิ์เข้ารับพระราชทานปริญญาบัตร จำนวนทั้งสิ้น 313 คน ได้แก่ ปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิต จำนวน 7 คน ปริญญาวิทยาศาสตรดุษฎีบัณฑิต จำนวน 11 คน ปริญญาวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต จำนวน 44 คน ปริญญาแพทยศาสตรบัณฑิต (เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง) จำนวน 40 คน ปริญญาแพทยศาสตรบัณฑิต (เกียรตินิยมอันดับสอง) จำนวน 56 คน ปริญญาแพทยศาสตรบัณฑิต จำนวน 153 คน ปริญญาวิทยาศาสตร์บัณฑิต จำนวน 2 คน และวันศุกร์ ที่ 20 มกราคม 2560 เวลา 08.00 – 14.20 น. คณะแพทยศาสตร์ มช. ได้จัดพิธีมอบ ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม สำหรับบัณฑิตแพทย์ รุ่นที่ 53 ปีการศึกษา 2558 จำนวน 251 คน
ทั้งนี้ บัณฑิตที่ได้รับพระราชทานปริญญาบัตร ในวันที่ 23 มกราคม พ.ศ.2560 คือผู้ที่สำเร็จการศึกษาปีการศึกษา 2558 แล้วไปทำงาน 1 ปี คือปี พ.ศ.2559 และปี พ.ศ.2560 เป็นปีที่รับปริญญา ซึ่งคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้ทำการผลิตบัณฑิตแพทย์ที่ได้มาตรฐานเต็มความรู้ความสามารถ และสร้างบัณฑิตแพทย์ที่จะต้องมีคุณธรรม จริยธรรม และ เจตคติ ปฏิบัติตนถูกต้อง ตามจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพ มีร่างกายและจิตใจที่ไม่เป็นอุปสรรคในการประกอบวิชาชีพเวชกรรม มีความรู้พื้นฐานทางวิชาชีพ สามารถแก้ไขปัญหาในเวชปฏิบัติปฐมภูมิ โดยคำนึงถึงปัญหาทางร่างกาย จิตใจ เศรษฐฐานะ สิทธิของผู้ป่วยและสิ่งแวดล้อมเกี่ยวกับตัวผู้ป่วย ครอบครัวและชุมชน สามารถใช้วิจารณญาณแก้ปัญหาอย่างมีเหตุผล เป็นระบบและรู้ขีดความสามารถของตนเอง มีความสามารถในการทำงานร่วมกับผู้อื่น มีความสามารถในการติดต่อสื่อสาร สร้างมนุษยสัมพันธ์และถ่ายทอดความรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีนิสัยใฝ่รู้ และศึกษาอย่างต่อเนื่อง สม่ำเสมอ และสามารถใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างเหมาะสม มีภาวะความเป็นผู้นำ รู้หลักการและมีวิสัยทัศน์ในการบริหารจัดการด้านการแพทย์ให้สอดคล้องกับระบบสาธารณสุขของประเทศและงานทั่วไป สามารถพัฒนาตนเองและปรับตัวให้เข้ากับขนบธรรมเนียม วัฒนธรรม ประเพณี และสิ่งแวดล้อมบนพื้นฐานของคุณธรรมได้ .