วันอังคาร, 30 เมษายน 2567

แขวนสตั๊ด ปิดฉากตำนานเบบี้โกล ไมเคิล โอเว่น

28 มี.ค. 2013
598
Spread the love

แขวนสตั๊ด ปิดฉากตำนานเบบี้โกล ไมเคิล โอเว่น

 

“ผมขอประกาศเจตนารมณ์ว่า ผมจะเลิกเล่นฟุตบอลอาชีพหลังจบฤดูกาลนี้จากย่างก้าวในวงการฟุตบอลที่เป็นเยาวชนของลิเวอร์พูล และประเดิมสนามนัดแรกด้วยวัย 17 ปี ก่อนที่ผมจะย้ายไปอยู่เรอัล มาดริด, นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และสโต๊กซิตี้ ซึ่งยังไม่นับรวมการลงเล่นให้ทีมชาติอีก 89 เกมของผม ผมรู้สึกว่า นี่คือเวลาอันเหมาะสมที่จะอำลาอาชีพการค้าแข้งของตัวเอง” ไมเคิล โอเว่น กองหน้าชาวอังกฤษของสโต๊กซิตี้

เมื่อสิบกว่าปีก่อน “เจ้าหนูมหัศจรรย์-ไมเคิล โอเว่น” นับได้ว่าศูนย์หน้าดาวรุ่งที่น่าจับตามองแห่งยุค และมีโอกาสก้าวขึ้นมาเป็นตำนานของ “ลิเวอร์พูล” ได้อย่างไม่ยากเย็นนัก หากไม่ตัดสินใจย้ายไปหาประสบการณ์ใหม่ใน “ลาลีกา สเปน”

ก่อนจะถูกดองยาวบนม้านั่งสำรองของ “เรอัล มาดริด”, “นิวคาสเซิล”, “แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด” และล่าสุดกับ “ช่างปั้นหม้อ-สโต๊กซิตี้” ที่กำลังจะกลายเป็นสโมสรสุดท้ายในชีวิตการค้าแข้งของโอเว่น หลังสิ้นสุดฤดูกาลนี้ ด้วยวัย 33 ปี

โอเว่นกล่าวว่า “ด้วยความภาคภูมิใจอันล้นเหลือ ผมพร้อมที่จะประกาศเลิกเล่นฟุตบอลระดับอาชีพ หลังสิ้นสุดฤดูกาลนี้ ผมพัฒนาฝีเท้ากับการเล่นให้ลิเวอร์พูล จนขึ้นชุดใหญ่เมื่ออายุ 17 ปี ก่อนย้ายไปอยู่กับสโมสรต่าง ๆ ไม่นับการเล่นให้ทีมชาติ ตอนนี้จึงรู้สึกว่าถึงเวลาแล้วที่จะต้องรูดม่านชีวิตลูกหนัง”

ผลงานการลงเล่นของเบบี้โกลในสีเสื้อของหงส์แดงคงไม่ต้องพูดถึงกันมากนัก เพราะได้รับการโจษจันอย่างหนาหูว่าเป็นหนึ่งในสุดยอดกองหน้าแห่งถิ่นแอนฟิลด์ สามารถคว้าบัลลงดอร์ได้ในปี 2001 หลังจากพาลิเวอร์พูลคว้าทริปเปิ้ลแชมป์ (ยูฟ่าคัพ, เอฟเอคัพ, ลีกคัพ) ได้สำเร็จ ทำให้โอเว่นเป็นคนอังกฤษเพียงคนเดียวในรอบ 34 ปี ที่คว้ารางวัลอันทรงเกียรตินี้ พร้อมสถิติการค้าแข้งในสีเสื้อของหงส์แดง ด้วยการลงสนาม 297 นัด ยิงได้ 158 ประตู

แต่หลังจากย้ายออกมา ชีวิตของเขากลับระหกระเหินอย่างน่าตกใจ เมื่อต้องไปร่วมทีมกับบรรดาซูเปอร์สตาร์แดนกระทิงดุในชุดสีขาวของเรอัล มาดริด ด้วยค่าตัวเพียง 12 ล้านปอนด์ เพราะต้องนั่งเป็นอะไหล่ให้กับ “โรนัลโด” และ “ราอูล กอนซาเลซ” ทำให้กราฟของความรุ่งเรืองในอาชีพนักเตะตัวเองค่อย ๆ ตกลงไปอย่างช้า ๆ เห็นได้ชัดว่า ตลอดระยะเวลาที่เบบี้โกลค้าแข้งอยู่ในสเปน ด้วยฟอร์มการเล่นที่ดีบ้างไม่ดีบ้าง แต่ส่วนใหญ่จะเป็นอย่างหลังซะมากกว่า จึงทำให้โอเว่นปรับตัวเข้ากับสไตล์ฟุตบอลของลาลีกาไม่ได้ และความมั่นใจก็ค่อย ๆ น้อยลงไปเรื่อย ๆ

เมื่อไม่ประสบความสำเร็จกับราชันชุดขาว โอเว่นได้ตัดสินใจย้ายกลับมาเล่นในอังกฤษอีกครั้งในสีเสื้อของ “นิวคาสเซิล” แต่ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จเหมือนครั้งที่เล่นให้ลิเวอร์พูล เพราะมีอาการบาดเจ็บเรื้อรังคอยรบกวนอยู่ตลอดการค้าแข้งในช่วงหลัง

จนกระทั่งเมื่อนิวคาสเซิลตกชั้น โอเว่นจึงสามารถย้ายทีมได้อิสระตามสัญญาที่ระบุกันไว้ แต่ทีมที่เขาเลือกไปเล่นให้หลังเป็นนักเตะไร้สังกัด กลับทำร้ายจิตใจแฟนหงส์แดงอย่างรุนแรง เพราะดันเลือกไปอยู่กับคู่ปรับตลอดกาลอย่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พร้อมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกเป็นครั้งแรกในชีวิตเมื่อฤดูกาล 2010/11

หลังหมดสัญญากับปีศาจแดงเมื่อฤดูกาลก่อน โอเว่นได้ย้ายมาอยู่กับสโต๊กซิตี้ เพื่อหาโอกาสในการลงสนาม แต่ทว่าลงสนาม 6 นัดในลีก ยิงได้แค่ประตูเดียวเท่านั้น ซึ่งแข้งวัย 33 ปีจึงตัดสินใจแขวนสตั๊ด หลังจบปีนี้

หลังจากโอเว่นประกาศเลิกเล่นได้ไม่นาน “เวนย์ รูนีย์” อดีตเพื่อนร่วมทีมปีศาจแดงและทีมชาติอังกฤษของเบบี้โกลได้โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า

“ภาคภูมิใจอย่างยิ่งที่ได้เล่นเคียงข้างกับไมเคิล โอเว่น ในทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และทีมชาติอังกฤษ เขานับว่าเป็นหนึ่งในกองหน้าที่ยอดเยี่ยมที่สุดที่สวมเสื้อทีมชาติอังกฤษ ขอให้เขาโชคดีในอนาคต”

ขณะเดียวกัน “เดวิด เบ็กแฮม” อดีตเพื่อนร่วมทีมชาติอังกฤษ ซูเปอร์สตาร์ของปารีส แซงต์ แชร์กแมง กล่าวว่า “โอเว่นเป็นสุดยอดนักเตะคนหนึ่ง เขาเป็นตำนานของทีมชาติอังกฤษ พิสูจน์ได้จากผลงานของเขาในสนาม ผมหวังว่าเขาจะโชคดี เขาเป็นเพื่อนของผมตลอดช่วงที่ผ่านมา และมีครอบครัวที่ยอดเยี่ยมมาก”

ส่วนทางด้าน “แฟร้งค์ แลมพาร์ด” อีกหนึ่งนักเตะที่เคยร่วมเล่นในทีมชาติอังกฤษ บอกว่า “รู้สึกภูมิใจที่เคยได้เล่นเคียงข้างกับเขา เขาสมควรได้รับการสดุดีเป็นอย่างมาก กับประตูแจ้งเกิดกับอาร์เจนตินาในตอนนั้นแสดงให้เห็นถึงสายตาอันยอดเยี่ยม เช่นเดียวกับผู้ชมที่รู้สึกถึงความสามารถของเขา”

เบื้องต้นมีรายงานว่าเบบี้โกลอาจจะผันตัวเองไปผู้ช่วยโค้ช หรือทำงานออกสื่อหน้าจอโทรทัศน์กับบทบาทผู้บรรยายเกม หรือคอมเมนเตเตอร์

อย่างไรก็ดี ทางเอฟเอได้ออกมายกย่องถึงคุณงามความดีที่โอเว่นเคยสร้างชื่อเสียงให้แก่ประเทศชาติ พร้อมยกย่องว่าเป็นนักเตะที่ดีที่สุดของทีมชาติอังกฤษ

โดยฝั่งคณะกรรมาธิการของสมาคมลูกหนังผู้ดีวางแผนจะเสนอให้ “เบบี้โกล” เข้ามารับตำแหน่งทูตประชาสัมพันธ์ของสมาคม ซึ่งมีหน้าที่ประชาสัมพันธ์ หรือเผยแพร่ข่าวสารต่าง ๆ ในการเป็นเจ้าภาพฟุตบอลทุกทัวร์นาเมนต์ไปทั่วโลก

ขอบคุณ ภาพและข่าว http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1364447747&grpid=03&catid=12

สำนักข่าว
cnx news เจาะข่าว ตรงใจคุณ รายงาน