วันศุกร์, 19 เมษายน 2567

12 ปีคฆาตกรรมปริศนาแม่เหยื่อตั้งรางวัล 1 หมื่นปอนด์ชี้เบาะแสสางคดีฆ่าข่มขืนแหม่ม

09 ก.ย. 2012
753
Spread the love
p8 p6 p3

12 ปีคฆาตกรรมปริศนาแม่เหยื่อตั้งรางวัล 1 หมื่นปอนด์ ชี้เบาะแสสางคดีฆ่าข่มขืนแหม่ม “คริสตี้ ซาร่าโจนส์”นักศึกษามหาลัยลิเวอร์พูล หมกศพในเกสท์เฮาส์กลางเมืองเชียงใหม่ หลังทูตอังกฤษจี้ ดีเอสไอ รื้อคดีขึ้นมาใหม่

จากคดีสะเทือนขวัญฆ่าข่มขืนหมกศพ นางสาวคริสตี้ ซาร่าโจนท์อายุ 24 ปี นักศึกษาสาวมหาวิทยาลัยลิเวอร์พูล เมืองผู้ดีอังกฤษภายในห้องพักเลขที่ 4 อารีย์เกสท์เฮาส์ ตั้งอยู่เลขที่ 20 ถนนมูลเมือง ซอย.6 ตำบลศรีภูมิ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2543  12 ปีที่ผ่านมา

จากการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจในที่เกิดเหตุพบผู้เสียชีวิต สภาพศพนอนคว่ำหน้าอยู่บนเตียงนอน ท่อนล่างเปลือย มีผ้ารัดอยู่ที่บริเวณลำคอจนลิ้นจุกปาก มีกางเกงในถูกถอดไว้ที่ปลายเท้านอกจากนี้ยังพบร่องรอยของการร่วมเพศทั้งอวัยวะเพศ และทวารหนัก รวมทั้งขนเพชรตกอยู่จำนวนหนึ่ง  คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 8 ชั้วโมง

ก่อนที่จะมาถูกฆาตกรรม คริสตี้ ซาร่าโจนส์ เรียนจบปริญญาตรีด้านเทคนิคการแพทย์ จากมหาวิทยาลัยลิเวอร์พูล ประเทศอังกฤษ เมื่อ 2 ปี ที่ผ่านมา จึงได้เดินทางมาเที่ยวประเทศกัมพูชาและเดินทางเข้ามาเที่ยวที่จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2543 และจะเดินทางไปเที่ยวที่จังหวัดเชียงรายต่อจากนี้

การสืบสวนสอบสวนของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขอมูลจากแม่บ้านเกสท์เฮาส์ว่าในคืนก่อนเกิดเหตุประมาณ 01.00 น.เศษ ในยินเสียงของ คริสตี้ ซาร่าโจนส์ มีปากเสียงกับชาวต่างประเทศด้วยกัน โดยผู้ตายได้ตระโกนว่า “เก็ตเอาต์” คล้ายกับจะไล่ใครให้ออกจากห้องพัก จากนั้นเสียงก็เงียบไปกระทั้งมีพบอีกที่ก็กล้ายเป็นศพ

ทางเจ้าหน้าชุดสืบสวนสอบสวนได้ทำการสอบสวนผู้ต้องสงสัยรายแรก คือ นายนาธาน โฟเล่ อายุ 26 ปี ถือหนังสือเดินทางประเทศอังกฤษและออสเตรเลีย ซึ่งพักอยู่ห้องหมายเลข 7 โดยพยานระบุว่า นายนาธาน ได้สนิทสนมกับ ผู้ตาย และมีคนเห็นเคยเข้าไปในห้องพักของผู้ตาย นายนาธาน ระบุว่าได้สนิทกับผู้ตายจริงที่เคยเข้าไปในห้องพักเพียงแค่ไปซ่อมพักลมเท่านั้น ส่วนเรื่องความสัมพันธ์ชู้สาวยังให้การแบบคลุมเครือ ในลักษณะไม่ได้บังคับ ทั้งนี้ยังได้ยังได้สอบสวนผู้ต้องสงสัยอีก 8 คน มีทั้งชาวไทย ชาวต่างชาติ ชาวกะเหรี่ยง ซึ่งเป็นผู้ที่เข้ามาพัก รวมทั้งไกด์นักท่องเที่ยวเป็นชาวไทย และชาวกะเหรี่ยง โดยเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอ และขนเพชร เพื่อนำไปตรวจพิสูจน์ที่นิติเวช ปรากฏไม่พบว่ามีหลักฐานทางดีเอ็นเอตรงกับคราบน้ำอสุจิที่พบในช่องคลอดของผู้ตายเลย

หลังจากนั้น 1 เดือนต่อมา เจ้าที่ชุดสืบสวนสอบสวนก็ได้เบาะแสสำคัญซึ่งเป็นคำให้การของคนดูแลเกสท์เฮาส์ ที่ได้ออกจากงานในเวลาต่อมา โดยได้ระบุว่าคืนเกิดเหตุได้ยินเสียงทะเลาะกันในห้องของผู้ตายจริง แล้วก็เห็นนายแอนดริว เจมส์กิลล์ เป็นเจ้าของเกสท์เฮาส์ อายุ 36 ปี ถือสัญชาติอังกฤษและไอร์แลนด์ ทางเจ้าหน้าที่จึงได้รวมรวมพยานหลักฐานและออกหมายจับ นายแอนดริว  ผู้ต้องสงสัยรายนี้มาดำเนินคดี แต่เมื่อถึงชั้นอัยการเห็นว่าพยานหลักฐานไม่เพียงพอเพียงคำบอดเล่าของอดีตคนดูแลเกสท์เฮาส์ ที่อาจจะไม่พอใจที่ต้องออกจากงานแล้วเพิ่งจะมาให้ข้อมูลหลังจากเหตุเกิดไปแล้วเป็นเดือน จึงไม่มีความน่าเชื่อถือ ประกอบกับการเก็บหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ตัวอย่างดีเอ็นเอ และน้ำอสุจิของนายแอนดริว ไม่ตรงกับที่อยู่ในช่องคลอดที่พบในศพของผู้ตายอีก ทางอัยการจึงมีการยกฟ้องและมีคำสั่งให้เนรเทศออกไปจากประเทศไทย ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาคดีก็ยังคงเป็นปริศนามาจนถึงวันนี้

กระทั้งเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2555 เวลา 14.30 น.ที่ห้องประชุมศูนย์ปฎิบัติการคดีพิเศษภาคเหนือกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ถนนเจริญราษฎร์ หมู่ 2 ตำบลฟ้าฮ่าม อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ พ.ต.อ.ทรงศักดิ์  รักศักดิ์สกุล ผู้บัญชาการสำนักกิจการต่างประเทศและคดีอาชญากรรมระหว่างประเทศ กรมสอบสวนคดีพิเศษ มิสเตอร์แอนดูร จอห์นผู้กำกับการกองสืบสวนสอบสวน ไดเฟด-พาววี่ส์ ประเทศอังกฤษ นางซู และนายแกเรจ โจนส์มารดาและพี่ชายของ นางสาวคริสตี้ ผู้ตายพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จากสถานทูตอังกฤษ สื่อมวลชนไทยและต่างประเทศได้มีการจัดแถลงข่าวขึ้นเกี่ยวกับความคืบหน้าของคดีนี้

โดยนาง ซู โจนส์  มารดาของ นางสาวคริสตี้ เปิดเผยทั้งน้ำตาว่า ตนรักลูกสาวคนนี้มาก ลูกสาวเป็นคนรักเมืองไทยและอยากมาเที่ยวเมืองไทยทุกปี แต่ก็ต้องมาจบชีวิตก่อนวัยอันควรตนเสียใจ ทุกวันเหมือนเรื่องราวพึ่งจะเกิดแม้เวลาจะล่วงเลยมา 12 ปีแล้ว ทุกวันนี้ตนก็ยังมั่นใจว่าต้องมีใครบางคนที่มีข้อมูลและรู้ตัวคนร้าย โดยรู้เห็นเหตุการณ์ ก็ขอให้ออกมาให้ข้อมูลกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ของให้ชาวเชียงใหม่ช่วยเหลือตนในการตามหาผู้ที่พรากชีวิตของลูกสาวตน ซึ่งเธอยังไม่สมควรตาย

ด้าน พ.ต.อ.ทรงศักดิ์  รักศักดิ์สกุล ผู้บัญชาการสำนักกิจการต่างประเทศและคดีอาชญากรรมระหว่างประเทศ กรมสอบสวนคดีพิเศษ เปิดเผยว่าในคดีนี้ทางดีเอสไอ รับเป็นคดีพิเศษเมื่อปี 2548 และมีการประสานงานความร่วมมือในการดำเนินการสืบสวนสอบสวนจากเจ้าหน้าที่ตำรวจอังกฤษ และทางการอังกฤษ มาโดยตลอด ซึ่งตอนนี้มีการนำตัวผู้ต้องสงสัยที่พักอาศัยอยู่บริเวณใกล้เคียงที่เกิดเหตุจำนวน 22 คนไปตรวจดีเอ็นเอ และมีการสอบปากคำชาวต่างประเทศที่ตอนนี้อยู่ในหลายประเทศไปจำนวนหลายปาก

แต่เราก็ยังไม่พบดีเอ็นเอ ที่เจอในศพของผู้ตาย ซึ่งดีเอ็นเอที่เราพบในที่เกิดเหตุถือเป็นหลักฐานสำคัญที่คนร้ายทิ้งเอาไว้ แต่ก็ยังไม่มีดีเอ็นเอของผู้ต้องสงสัยรายใดตรงกับของคนร้าย โดยดีเอ็นเอของคนร้ายยืนยันได้ว่าเป็นคนเอเชียใต้ คดีนี้เราก็ยังไม่หยุดมีการทำงานกันตลอดเวลาและมั่นใจว่าอายุความที่เหลือของคดีนี้อีก 8 ปี เราจะดำเนินการจับกุมคนร้ายให้ได้ ตอนนี้ทางตำรวจอังกฤษและญาติพี่น้องของผู้ตายก็ได้ตั้งเงินสินบนนำจับ จำนวน10,000 ปอนด์หรือประมาณ 491,000 บาทสำหรับคนที่ชี้เบาะแสให้ข้อมูลที่น่าจะนำให้เราสามารถจับกุมตัวคนร้ายได้ ให้ติดต่อเข้ามาที่ดีเอสไอ

ทางด้านสำนักงานตำรวจภูธร ภาค5 พล.ต.ต.ชำนาญ  รวดเร็ว รองผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 5 ได้เปิดเผยเกี่ยวกับคดีนี้ว่า คดีนี้มีอายุความ 20 ปี ปัจจุบันได้โอนสำนวนให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ไปแล้วแต่พนักงานสอบสวนในพื้นที่ยังสนับสนุนข้อมูลอยู่  มีตำรวจสากลมาร่วมทำคดีด้วยและรื้อคดีมาหลายครั้ง แต่ก็ติดขัดเรื่องหลักฐานและพยานแวดล้อม ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติและกลับต่างประเทศไปแล้ว อีกทั้งพยานชาวไทยบางคนก็เสียชีวิตและหายสาบสูญไป ทำให้ยากต่อการสอบสวน ในคดีนี้ตำรวจได้สอบปากคำพยานไปแล้ว 80 ปาก แต่พยานแวดล้อมในที่เกิดเหตุนั้นมีเพียงผู้ดูแลเกสท์เฮาส์และแม่บ้าน ซึ่งไม่มีน้ำหนักในการเอาผิดผู้ต้องหา จึงเป็นเรื่องยากที่จะสาวไปถึงผู้กระทำความผิด โดยที่ผ่ามาเมื่อมีการร้องมาจากต่างประเทศหรือญาติผู้ตายก็ดำเนินการให้ แต่ก็ไม่มีความคืบหน้าเท่าที่ควร

พล.ต.ต.ชำนาญ  รวดเร็ว ได้เปิดเผยต่อไปอีกว่าล่าสุดได้ขอดูสำนวนเก่าที่พนักงานสอบสวน สภ.เมือง เชียงใหม่ และเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ภูธรภาค 5 เมื่อครั้งอดีตได้ทำไว้มาตรวจสอบอีกครั้งรวมทั้งข้อมูลจากสื่อมวลชนไทยเมื่อครั้งเกิดคดี เพื่อนำมาพิจารณาเป็นแนวทางในการหาพยานหลักฐานใหม่ ทำให้ทราบเบื้องต้นว่าในวันเกิดเหตุพบศพที่อารีย์ เกสท์เฮาส์ มีจุดบกพร่องหลายอย่าง อาทิ เมื่อมีการพบศพผู้ตายปรากฏว่าไม่มีการกันให้ผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าพื้นที่จนหลักฐานมั่วไปหมด  อย่างไรก็ตามถึงวันนี้ตำรวจยังคงพุ่งเป้าไปที่ผู้ต้องสงสัยรายเดิม คือ นายแอนดริว เจมส์กิลล์ ซึ่งถือ 2 สัญชาติเจ้าของอารีย์ เกสท์เฮาส์ ที่เกิดเหตุนั้นเอง

โดยนายแอนดริว ถูกตำรวจออกหมายจับและจับกุมได้เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2543 หรือราว 1 เดือนหลังเกิดเหตุ เนื่องจากพบเบาะแสบางอย่างที่เชื่อว่าเกี่ยวข้องกับคดีนี้ แต่พยานหลักฐานมีน้ำหนัก

ไม่พอทำให้อัยการสั่งไม่ฟ้อง โดยเจ้าหน้าที่ตัดสินใจให้เนรเทศออกจากเมืองไทยไป และนายแอนดริว ยังได้สร้างความปั่นป่วนให้วงการยุติธรรมเมืองไทย เพราะอดีตผู้ต้องหาเมื่อกลับไปถึงประเทศอังกฤษ ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า ที่หลุดคดีมาได้เพราะจ่ายเงินไปถึง 1 ล้านบาท พร้อมโชว์หลักฐานการโอนเงินจากญาติที่อังกฤษไปเมืองไทยด้วย ภายหลังมีข่าวนี้ออกมาเผยแพร่ทำให้ทางการไทย ทั้งตำรวจและอัยการตั้งกรรมการสอบสวนกันยกใหญ่ เป็นเหตุให้ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องเรียกภรรยาชาวไทยของนายแอนดริว มาสอบสวนสุดท้ายก็สารภาพว่าเก็บเงินดังกล่าวไว้เอง โดยระบุว่าญาติของนายแอนดริว

ส่งเงินมาให้จริง แต่เป็นค่าทนายความใช้จ่ายไปบางส่วน จนเมื่ออัยการสั่งไม่ฟ้องและตัดสินใจเนรเทศ จึงตัดสินใจอมเงินเอาไว้เพราะคิดว่านายแอนดริว คงไม่มาดูแลอีกแล้วแต่ไม่คิดว่าจะทำให้นายแอนดริว เข้าใจผิดว่านำเงินดังกล่าวไปติดสินบนเจ้าหน้าที่ไทยจึงหลุดคดีมาได้ พล.ต.ต.ชำนาญ  รวดเร็ว กล่าวในที่สุด

จากคดีฆาตกรรมอย่างปริศนาที่เกิดขึ้น กับ คริสตี้ ซาร่าโจนท์ นักศึกษาสาวชาวอังกฤษ วัย 24 ปีรายนี้ ที่เคยเป็นคดีสะเทือนขวัญที่เกิดขึ้นมานานถึง 12 ปี ใคร คือ ฆาตกรที่ลงมือฆ่าตัวจริงยังต้องรอการคลี่คลายคดีเพื่อพิสูจน์กันอีกต่อไป