อบรมโครงการเตรียมความพร้อมของผู้นำท้องที่ จังหวัดเชียงใหม่สู่การเป็นประชาคมอาเซียน
ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่เป็นประธานในพิธีเปิดการฝึกอบรมโครงการเตรียมความพร้อมของผู้นำท้องที่ จังหวัดเชียงใหม่สู่การเป็นประชาคมอาเซียน โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ กำนันทุกตำบลในพื้นที่ของจังหวัดเชียงใหม่ เข้าร่วมการฝึกอบรมโครงการเตรียมความพร้อมของผู้นำท้องที่ จังหวัดเชียงใหม่สู่การเป็นประชาคมอาเซียน เพื่อสามารถนำมาปรับใช้พัฒนาพื้นที่ รวมทั้ง การเตรียมความพร้อมในการรับมือกับปัญหาความมั่นคงรูปแบบใหม่ การอำนวยความเป็นธรรมการคุ้มครองทางสังคมตามหลักสิทธิมนุษยชน การเสริมสร้างความสงบเรียบร้อยตามขอบเขตกฎหมาย ความเข้าใจเกี่ยวกับบทบาทผู้นำท้องถิ่น และแนวทางในการปรับตัวเพื่อรองรับเป็นประชาคมอาเซียน
วานนี้ (19 มิ.ย. 57) เวลา 14.00 น. นายสุริยะ ประสาทบัณฑิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานในพิธีการฝึกอบรมโครงการเตรียมความพร้อมของผู้นำท้องที่ จังหวัดเชียงใหม่สู่การเป็นประชาคมอาเซียน มีกำนันทุกตำบลในพื้นที่ของจังหวัดเชียงใหม่เข้ารับการฝึกอบรมจำนวน 196 คน ซึ่งกำนันเป็นผู้นำท้องที่ที่มีความสำคัญเนื่องจาก ตำบล หมู่บ้านเปรียบเสมือนรากฐานของแผ่นดินหากรากฐานมีความแข็งแรง ประเทศชาติย่อมแข็งแรงและมั่นคง กำนันซึ่งเป็นกลไกลหลักในการขับเคลื่อนงานของทุกภาคส่วนในตำบล หมู่บ้าน จะต้องประสานการทำงาน บริหารและพัฒนาหมู่บ้านให้เกิดความเข้มแข็งอันจะส่งผลรวมต่อการพัฒนาประเทศไทยต่อไป
ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า รู้สึกยินดีที่คณะผู้จัดเล็งเห็นประโยชน์ที่ผู้เข้ารับการอบรมจะได้รับ คือ ความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเรื่องประชาคมการเมืองและความมั่นคงอาเซียน (ASC) ประชาคมอาเซียน (AEC) ประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน (ASCC) และสร้างความตระหนักในความสำคัญและผลกระทบทั้งด้านบวกและด้านลบ ทั้งที่เป็นโอกาสและความเสี่ยง เพื่อสามารถนำมาปรับใช้พัฒนาพื้นที่ รวมทั้ง การเตรียมความพร้อมในการรับมือกับปัญหาความมั่นคงรูปแบบใหม่ การอำนวยความเป็นธรรมการคุ้มครองทางสังคมตามหลักสิทธิมนุษยชน การเสริมสร้างความสงบเรียบร้อยตามขอบเขตกฎหมาย ความเข้าใจเกี่ยวกับบทบาทผู้นำท้องถิ่น และแนวทางในการปรับตัวเพื่อรองรับเป็นประชาคมอาเซียนทั้งนี้ยังกล่าวขอบคุณวิทยากรทุกท่านที่มาให้ความรู้แก่ผู้เข้ารับการฝึกอบรมในครั้งนี้ ขอบคุณกำนันทุกท่านที่มาร่วมเข้ารับการฝึกอบรม และหวังว่าผู้เข้ารับการฝึกอบรมจะได้รับความรู้จากวิทยากรที่มาถ่ายทอดให้ความรู้ในเรื่องต่างๆ และสามารถนำไปปรับใช้ รวมถึงนำไปเผยแพร่ให้แก่ประชาชนในหมู่บ้านของตนเองได้
ในปี 2558 ประเทศไทยจะเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ซึ่งเป็นการรวมตัวกันของ 10 ประเทศ ได้แก่ มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ บรูไนดารุสลาม สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว สหภาพพม่า ราชอาณาจักรกัมพูชา และไทย ประชาคมอาเซียนก่อตั้งขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เริ่มแรกเพื่อสร้างสันติภาพในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อันนำมาซึ่งเสถียรภาพทางการเมืองและความเจริญก้าวหน้าทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม ดังคำขวัญอาเซียนที่ว่า หนึ่งวิสัยทัศน์, หนึ่ง อัตลักษณ์, หนึ่งประชาคม :One Vision, One Identity, One Community ซึ่งประชาคมอาเซียนประกอบด้วย 3 เสาหลัก คือ ประชาคมการเมือง ความมั่นคงอาเซียน (ASEAN Political-Security Community หรือ APSC) ประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน (ASEAN Socio-Cultural Community หรือ ASCC) และประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Community หรือ AEC) ในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนทำให้สังคมไทยในอนาคตมีการเปลี่ยนแปลงในหลายเรื่องที่กระทบต่อวิถีชีวิตที่เคยดำเนินมาในอดีต จึงเหลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องเรียนรู้ ปรับตัว และเตรียมการให้มีความพร้อมรับมือกับสถานการณ์ในอนาคต
สำนักข่าว
cnxnews เจาะข่าว ตรงใจคุณ รายงาน