วันศุกร์, 19 เมษายน 2567

เหลือเชื่อ!”เจ๊แดง”ขายหวย10 ปีได้ 55ล.ห่างชั้น”เจ๊สะเรียง”

Spread the love

เหลือเชื่อ!”เจ๊แดง”ขายหวย10 ปีได้ 55ล.ห่างชั้น”เจ๊สะเรียง”หมื่นล.โควตาเท่ากัน?

หวย

 

ถึงคิว! เปิดรายได้ขายหวย “เจ๊แดง” 1 ใน 5 เสือกองสลาก เหลือเชื่อ ทำธุรกิจ 10 ปี โชว์ตัวเลขแค่ 55 ล้าน ห่างชั้น “เจ๊สะเรียง” ลิบลับ ล่าสุดแจ้งยอดปี 56 ตัวเลขห่างกันเป็นพันล้าน ทั้งที่ได้โควตา 1.6 ล้านฉบับ/งวดเท่ากัน  

 

บริษัท สลากมหาลาภ จำกัด ของ น.ส.สะเรียง อัศววุฒิพงษ์ หรือ เจ๊สะเรียง  1 ใน 5 เสือกองสลาก ที่ปรากฎชื่อเป็นตัวแทนจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลในปัจจุบัน จำนวน 1.6 ล้านฉบับ/งวด (จากยอดรวมสลากทั้งหมด 74 ล้านบาท) ทำรายได้รวมจากการประกอบธุรกิจ 17 ปี รวมวงเงินกว่า 1.4 หมื่นล้านบาท

(อ่านประกอบ : 17 ปี โกย 1.4 หมื่นล้าน รายได้ขายหวยรัฐ “เจ๊สะเรียง” 5 เสือกองสลาก)

ข้อมูลบริษัท หยาดน้ำเพ็ชร ของนางปลื้มจิตต์ กนิษฐสุต หรือ เจ๊แดง  1 ใน 5 เสือกองสลาก รวมถึงผลประกอบการทางธุรกิจเป็นอย่างไร? 

สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบข้อมูลเอกสารจากจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า พบว่า บริษัทหยาดน้ำเพ็ชร จดทะเบียนจัดตั้งเป็นทางการเมื่อวันที่ 6 ธ.ค.37 ทุนเริ่มต้น 2 ล้านบาท ตั้งอยู่เลขที่ 92/1 หมู่ที่ 3 ตำบลซากพง อ.แถง จ.ระยอง ปรากฎชื่อนางปลื้มจิตต์ กนิษฐสุต เป็นกรรมการผู้มีอำนาจ

ธุรกิจเริ่มต้นจำหน่ายวัสดุก่อสร้างซื้อขายบ้านที่ดิน รับเหมาก่อสร้าง

รายชื่อผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 5 ธันวาคม 2537 มีจำนวน 7 ราย นางปลื้มจิตต์ กนิษฐสุต ถือหุ้นใหญ่สุด 10,000 หุ้น มูลค่า 1 ล้านบาท  (ดูเอกสารประกอบ) 

kj

kj1

ต่อมาวันที่ 10 เม.ย.41 บริษัทฯ แจ้งย้ายที่อยู่ใหม่ เป็นเลขที่ 110/2 ถนนวุฒากาส แขวงตลาดพูล เขตธนบุรี กทม. (ที่อยู่ของนางปลื้มจิตต์)

11 ม.ค.45 บริษัทฯ แจ้งลดทุนจดทะเบียนเหลือ 1,500,000 บาท (มีการทำหนังสือลงวันที่ 4 ม.ค.45 แจ้งนายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัท กทม. ชี้แจงเหตุยื่นจดทะเบียนลดทุนล่าช้าเกิน 14 วัน เพราะจัดเตรียมเอกสารไม่เรียบร้อย ไม่มีเจตนาหลีกเลี่ยง)

22 เม.ย.45 บริษัทฯ แจ้งลดทุนจดทะเบียนเหลือ 5 แสนบาท

25 เม.ย.46 บริษัทฯ แจ้งเพิ่มวัตถุประสงค์ทำธุรกิจหลายข้อ มีข้อมูลการเป็นตัวแทนผู้จำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลรวมอยู่ด้วย รวมถึงตัวแทนจำหน่ายสลากฯ เลขท้าย 3 ตัว 2 ตัว ด้วยเครื่องจำหน่ายสลากด้วย บริษัท (สลากมหาลาภ จำกัด ของ น.ส.สะเรียง อัศววุฒิพงษ์ เริ่มประกอบธุรกิจตัวแทนจำหน่ายสลากฯ ตั้งแต่ปลายปี 37 )

8 พ.ค.56 บริษัทฯ แจ้งเพิ่มทุนจดทะเบียนอีก 5 แสนบาท รวมของเดิมเป็น 1 ล้านบาท ได้รับเงินจาก นายธีร์ภัทร สูตะบุตร 5 แสนบาท และเข้ามาเป็นกรรมการร่วมกับนางปลื้มจิตต์ ในช่วงสั้น ก่อนที่ นายธีร์ภัทร จะแจ้งลาออกจากกรรมการ เมื่อวันที่ 27 พ.ค.5ุ6

รายชื่อผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 30 เมษายน 2557 มีจำนวน 6 ราย นาง ปลื้มจิตต์ กนิษฐสุต ถือหุ้นใหญ่สุด 3,000 หุ้น มูลค่า 300,000 บาท นางสาว ปลื้มใจ ศศะรมย์ ถืออยู่ 1,500 หุ้น มูลค่า 150,000 บาท นางสาว ศรีพธู กนิษฐสุต ถืออยู่ 470 หุ้น มูลค่า 47,000 บาท นางสาว พันธุ์ทิพ วัฒนธนาทรัพย์ นาง ภาณี วัฒนธนาทรัพย์ นาย ศิริพงศ์ วัฒนธนาทรัพย์ ถืออยู่เท่ากัน คนละ 10 หุ้น รวมมูลค่า 1,000 บาท (ดูเอกสารประกอบ)

kj3

@ ผลประกอบการทางธุรกิจ 

จากการตรวจสอบข้อมูลงบการเงินแสดงผลประกอบการธุรกิจ ย้อนหลังนับตั้งแต่ 2547 (บริษัทฯ แจ้งเริ่มประกอบธุรกิจขายสลากฯ ช่วงเม.ย.2546) จนถึงล่าสุดปี 2556 ที่นำส่งงบให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้า  มีรายละเอียดดังนี้

ปี 2547 แจ้งว่า มีรายได้รวม 241,165.53 บาท เป็นรายได้ตัวแทนจำหน่ายสลากฯ 240,000 บาท รวมรายจ่าย 236,850.64  กำไรสุทธิ  4,314.89 บาท

ปี 2548 แจ้งว่า มีรายได้รวม 241,592.28 บาท เป็นรายได้ตัวแทนจำหน่ายสลากฯ 240,000 บาท รวมรายจ่าย 177,345.89 บาท กำไรสุทธิ 64,246.39 บาท

ปี 2549 แจ้งว่า มีรายได้รวม 401,735.84 บาท เป็นรายได้ตัวแทนจำหน่ายสลากฯ  400,000 บาท  รวมรายจ่าย 135,341.44 บาท กำไรสุทธิ 266,394.40 บาท

ปี 2550 แจ้งว่า มีรายได้รวม 1,504.75 บาท ไม่มีรายได้จากการจำหน่ายสลากฯ รวมรายจ่าย 134,993.40 บาท ขาดทุนสุทธิ 133,488.65 บาท

ปี 2551 แจ้งว่า มีรายได้รวม 1,622.11 บาท ไม่มีรายได้จากการจำหน่ายสลากฯ รวมรายจ่าย 134,916.21 บาท ขาดทุนสุทธิ 133,294.10 บาท

ปี 2552 แจ้งว่า มีรายได้รวม 1,208.51 ไม่มีรายได้จากการจำหน่ายสลากฯ รวมรายจ่าย 117,452.07 บาท ขาดทุนสุทธิ 116,243.56 บาท

ปี 2553 แจ้งว่า มีรายได้รวม 3,200,101.43 บาท เป็นรายได้จากการขายสลากฯ 3,200,000 บาท  รวมรายจ่าย 434,700.99 บาท กำไรสุทธิ 2,765,400.44 บาท

ปี 2554 แจ้งว่า มีรายได้รวม 15,867,188.11 บาท เป็นรายได้จากการขายสลากฯ  9,600,000 บาท รวมรายจ่าย 4,551,101.42 บาท กำไรสุทธิ 10,596,151.54 บาท

ปี 2555 แจ้งว่า มีรายได้รวม 21,596,998.34 บาท เป็นรายได้จากการขายสลากฯ 9,600,000 บาท รวมรายจ่าย 6,094,224.04 บาท กำไรสุทธิ 13,692,868.48 บาท

ปี 2556 แจ้งว่ามีรายได้รวม 13,755,007.36 บาท เป็นรายได้จากการขายสลากฯ 9,600,000 บาท รวมรายจ่าย 937,517.28 บาท แต่มีต้นทุนทางการเงินและภาษีเงินได้นิติบุคคลกว่า 17,184,199.05 บาท ขาดทุน 4,366,708.97 บาท 

ทั้งนี้ หากคิดรวมเฉพาะรายได้ นับตั้งแต่ ปี 2547 -2556 รวมระยะเวลา 10 ปี  จะพบตัวเลขรายได้อยู่ที่  55,308,124.26 บาท

หากนำข้อมูลการทำธุรกิจตัวแทนขายสลากบริษัท หยาดน้ำเพ็ชร ของนางปลื้มจิตต์ ไปเปรียบเทียบ กับ บริษัท สลากมหาลาภ จำกัด ของ น.ส.สะเรียง จะพบข้อมูลที่น่าสนใจดังนี้ 

หนึ่ง บริษัท หยาดน้ำเพ็ชร ของนางปลื้มจิตต์ (เริ่มปี 47) เริ่มต้นทำธุรกิจตัวแทนขายสลาก หลังบริษัท สลากมหาลาภ จำกัด (เริ่มปี 37) ของ น.ส.สะเรียง เป็นระยะเวลา 11 ปี

สอง รายได้จากการขายสลากของ บริษัท หยาดน้ำเพ็ชรฯ อยู่ที่หลักสิบล้านบาท ขณะที่บริษัท สลากมหาลาภ อยู่ที่หลักหมื่นล้านบาท

ทั้งนี้ ในประเด็นเรื่องรายได้ ที่ดูเหมือนจะแตกต่างกันอย่างลิบลับ อาจเป็นไปได้ว่า ในช่วงการทำธุรกิจที่ผ่านมา บริษัท หยาดน้ำเพ็ชร อาจได้โควตาสลาก ที่น้อยกว่า บริษัท สลากมหาลาภ 

แต่จากเปิดเผยข้อมูลโควตา รายชื่อผู้ครอบครองโควตาสลากในปัจจุบัน มีการระบุว่า บริษัท หยาดน้ำเพ็ชรฯ และ บริษัท สลากมหาลาภ ได้โควตาเท่ากัน คือ 1.6 ล้านฉบับ/งวด หากจำหน่ายสลากต่อในราคาใกล้กัน ตัวเลขรายได้ ก็ไม่น่าที่จะแตกต่างกันมากนัก

เห็นได้ชัดเจนจากตัวเลขรายได้ ในงบการเงินปี 56 ของทั้ง 2 บริษัท ที่นำส่งให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้า รับทราบ 

เปรียบเทียบข้อมูลในงบการเงิน ล่าสุด ปี 2556 บริษัท หยาดน้ำเพ็ชร แจ้งว่ามีรายได้จากการขายสลาก 9,600,000 บาท (นำส่งเมื่อวันที่ 28 พ.ค.57) ขณะที่บริษัท สลากมหาลาภ แจ้งว่ามีรายได้จากการขาย  1,575,720,000 บาท (นำส่งเมื่อวันที่ 2 มิ.ย.57)

ซึ่งหากคำนวณรายได้ขายสลากฯ จากราคาต้นทุนประมาณ 70 บาท ต่อจำนวนโควตาได้ที่รับมา จำนวน 1.6 ล้านใบ ต่อ งวด จะอยู่ที่ตัวเลข 112 ล้านบาท เดือนหนึ่งมี 2 งวด ตัวเลขรายได้จะอยู่ที่ 224 ล้านบาท คูณ 12 เดือน จะอยู่ที่ 2,688 ล้านบาท 

น่าสนใจว่าทำไมตัวเลขรายได้ของบริษัทฯ ถึงแตกต่างกันมาก ทั้งที่ ทำธุรกิจเหมือนกัน และได้รับโควตาขายสลากเท่าๆ กัน คือ 1.6 ล้านฉบับ/งวด ซึ่งประเด็นที่จำเป็นต้องได้รับการชี้แจงข้อมูลจากกองสลากฯ เพิ่มเติม ทั้งในเรื่องช่วงเวลา รวมถึงจำนวนโควตาที่จัดสรรให้ 2 บริษัท

อย่างไรก็ตาม สิ่งหนึ่ง ที่ดูเหมือนทั้งสองบริษัทฯ จะเป็นเหมือนกัน ก็คือ ยุคการทำธุรกิจที่รุ่งเรืองที่สุด คือ ยุครัฐบาลพรรคเพื่อไทย ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี

ขณะที่ นางปลื้มจิตต์ หรือ เจ๊แดง ถูกระบุว่าเป็นหนึ่งใน “5 เสือกองสลาก” เช่นกัน 

ที่มา http://www.isranews.org/investigative/invest-slide/item/38402-www_38402.html

สำนักข่าว CNX NEWS เจาะข่าว ตรงใจคุณ