เรื่องน่ารู้ของทหารเกณฑ์เมืองไทย กับกฏกระทรวงใหม่เอี่ยมของปีนี้

Spread the love

เรื่องน่ารู้ของทหารเกณฑ์เมืองไทย

กับกฏกระทรวงใหม่เอี่ยมของปีนี้

ทหาร

ยุคนี้เป็นยุคทองของทหาร  ทหารไทยที่อยูแต่ในกรมกองต้องออกมานอกกรมกองเพื่อมาทำหน้าที่เพื่อชาติบ้านเมือง ทหารใหญ่ๆก็ไปนั่งบริหารบ้านเมือง ทหารเล็กๆก็ต้องออกมาทำหน้าที่พิทักษ์รักษาความสงบของบ้านเมือง  เขียนเรื่องท่องเที่ยว เรื่องการบินแล้วก็ต้องเขียนเรื่องเกี่ยวกับทหารบ้าง

          ทหารไทยมี2แบบ แบบหนึ่งคือคนไทยที่ต้องการเป็นทหารโดยสมัครใจ ก็ไปสมัครเข้าเรียนในสถาบันที่สอนวิชาการทหารโดยตรง  ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียนนายสิบ นายจ่า นายร้อย จบแล้วก็ออกมาเป็นทหารประจำการ มียศ มีตำแหน่ง ส่วนคนธรรมดาสามัญไม่สมัครใจจะเป็นทหารไม่เข้าเรียนวิชาการทหาร แต่ก็มีหน้าที่ต้องไปรับใช้ชาติด้วยการเป็นทหารเหมือนกันเพราะมีกฏหมายบังคับไว้ว่า อายุ17ปีบริบูรณ์ต้องไปรายงานตัวขึ้นบัญชีลงทะเบียน เป็นทหารกองเกินไว้ก่อน พออายุ20ปีบริบูรณ์ก็ต้องไปรายงานตัวรับการคัดเลือกอีกครั้ง แบบนี้เรียกกันว่า ทหารเกณฑ์แต่ทางการก็มิได้กวาดต้อนเอาไปเป็นทหารเสียทั้งหมด   ยังมีการออกกฏกระทรวงกำหนดคุณสมบัติของคนที่จะเป็นทหารได้ คือต้องมีร่างกายสมบูรณ์แข็งแรงไว้ก่อน คนเจ็บคนป่วยสารพัดโรค   คนพิการ คนร่างกายไม่สมประกอบ หูหนวก ตาบอด แขนขาด ขาขาด คนบ้าบอคอแตก คนสับสนในทางเพศ หรือกะเทยเขาก็ไม่เอาเหมือนกัน

             เดือนเมษายนของทุกปี เป็นฤดูกาลของการเกณฑ์ทหาร สำหรับคนที่มีร่างกายสมบูรณ์แข็งแรงแต่ไม่อยากเป็นทหารก็ต้องเสี่ยงเอาหน่อย แต่สำหรับคนอีก3ประเภทกฎกระทรวงระบุว่า ไม่ต้องเป็นทหาร ส่วนจะเป็นอย่างไรท่านผู้อ่านก็ต้องอ่านบทความนี้จนจบเสียก่อน

              ที่ต้องเขียนเรื่องทหารเกณฑ์ก็เพราะว่า

มีข่าวแจ้งว่าเมื่อเร็วๆนี้ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่กฎกระทรวงฉบับหนึ่งซึ่งถือว่ามีความสำคัญต่อวงการทหารไทยเป็นอย่างมาก

กฎกระทรวงฉบับนี้คือ กฎกระทรวง ยกเลิกกฎกระทรวงซึ่งออกตามกฎหมายว่าด้วยการรับราชการทหาร บางฉบับที่ไม่เหมาะสมกับกาลปัจจุบันพ.ศ. 2558

ระบุว่า อาศัยอำนาจตามความในมาตรา13 (3) และมาตรา51 วรรคหนึ่งแห่งพระราชบัญญัติรับราชการทหารพ.ศ. 2497 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยออกกฎกระทรวงไว้ดังต่อไปนี้

ข้อ1 กฎกระทรวงนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่1 มกราคมพ.ศ. 2558 เป็นต้นไป

ข้อ2 ให้ยกเลิกกฎกระทรวงฉบับที่45 (พ.ศ. 2518) ออกตามความในพระราชบัญญัติรับราชการทหารพ.ศ. 2497

ข้อ3 เมื่อกฎกระทรวงนี้ใช้บังคับแล้วให้บุคคลซึ่งเคยได้รับยกเว้นไม่ต้องเข้ารับราชการทหารกองประจำการตามกฎกระทรวงฉบับที่45 (พ.ศ. 2518) ออกตามความในพระราชบัญญัติรับราชการทหารพ.ศ. 2497 อยู่ในวันก่อนวันที่กฎกระทรวงนี้ใช้บังคับยังคงได้รับยกเว้นไม่ต้องเข้ารับราชการทหารกองประจำการต่อไป

ให้ไว้ณวันที่9 มกราคมพ.ศ. 2558

ลงชื่อโดย

พลเอกประวิตรวงษ์สุวรรณ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม  พลเอกอนุพงษ์เผ่าจินดารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย

ฟังเหตุผลในการออกกฎกระทรวงฉบับนี้ก่อนนะครับ

เพราะมีระบุหมายเหตุว่า  เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้คือโดยที่กฎกระทรวงฉบับที่45(พ.ศ. 2518) ออกตามความในพระราชบัญญัติรับราชการทหารพ.ศ. 2497

กำหนดให้บุคคลซึ่งไม่มีคุณวุฒิที่จะเป็นทหารได้เฉพาะบางท้องที่ซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่ในท้องที่ตามบัญชีท้ายกฎกระทรวงดังกล่าวได้รับการยกเว้นไม่ต้องเข้ารับราชการทหารกองประจำการเนื่องจากเป็นผู้มีถิ่นที่อยู่ห่างไกลความเจริญมีขนบธรรมเนียมประเพณีที่แตกต่างหรือไม่สามารถใช้ภาษาไทยในการสื่อสารได้จึงเป็นปัญหาอุปสรรคต่อการรับราชการทหารกองประจำการ

                แต่ในปัจจุบันปัญหาอุปสรรคดังกล่าวได้หมดไปแล้วสมควรยกเลิกการยกเว้นไม่ต้องเข้ารับราชการทหารกองประจำการดังกล่าวจึงจำเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้

จากการตรวจสอบเนื้อหาใน กฎกระทรวง ฉบับที่45 (พ.ศ.2518 ) ออกตามความในพระราชบัญญัติรับราชการทหาร พ.ศ.2497 ที่ถูกยกเลิกไปแล้ว

พบว่ามีการกำหนดไว้ใน ข้อ2 ให้บุคคลซึ่งไม่มีคุณวุฒิที่จะเป็นทหารได้เฉพาะบางท้องที่ซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่ในท้องที่ตามบัญชีท้ายกฎกระทรวงนี้ได้รับการยกเว้นไม้ต้องเข้ารับราชการทหารกองประจำการ

ระบุรายชื่อจังหวัดในบัญชีท้ายกฎกระทรวง ออกตามความในพระราชบัญญัติรับราชการทหารพ.ศ.2497  ไว้26 จังหวัด มีอะไรบ้าง

๑.     จังหวัดกระบี่  ๒. จังหวัดกาญจนบุรี๓. จังหวัดกำแพงเพชร๔. จังหวัดเชียงราย๕. จังหวัดเชียงใหม่๖. จังหวัดตรัง  ๗. จังหวัดตาก๘. จังหวัดนราธิวาส๙. จังหวัดน่าน๑๐. จังหวัดประจวบคีรีขันธ์๑๑. จังหวัดพิษณุโลก๑๒. จังหวัดเพชรบุรี๑๓. จังหวัดเพชรบูรณ์๑๔. จังหวัดแพร่
๑๕. จังหวัดภูเก็ต๑๖. จังหวัดแม่ฮ่องสอน๑๗. จังหวัดยะลา๑๘. จังหวัดราชบุรี๑๙. จังหวัดลำปาง๒๐. จังหวัดลำพูน๒๑. จังหวัดเลย๒๒. จังหวัดสตูล๒๓. จังหวัดสุโขทัย๒๔. จังหวัดสุพรรณบุรี๒๕. จังหวัดอุตรดิตถ์๒๖. จังหวัดอุทัยธานี

และสำหรับบุคคลเหล่านี้ทางการยอมยกเว่นให้คือ

1พระภิกษุที่มีสมณศักดิ์ หรือที่เป็นเปรียญ   และนักบวชในพระพุทธศาสนาแห่งนิกายจีนหรือญวนที่มีสมณศักดิ์  (พระบวชใหม่ไม่ได้นะครับ อย่าลืม   ไม่ว่าพระไทยพระจีนพระญวน ยกเว่นพระที่บวชเรียนนาน หรือศึกษาทางธรรมจนได้วุฒิเป็นเปรียญธรรม  หรือได้รับตราตั้งสมณศักดิ์เป็นพระครูขึ้นไป

 

2 คนพิการทุพพลภาพ ซึ่งไม่สามารถเป็นทหารได้(ข้อนี้ชัดเจนเพราะทหารจะพิการไม่ได้ถึงเป็นแล้วต่อมาพิการก็ต้องถูกปลดออก))

3 บุคคลซึ่งไม่มีคุณวุฒิที่จะเป็นทหารได้เฉพาะบางท้องที่ ตามที่กำหนดในกฎกระทรวง

ข้อ1 ข้อ2 ก็เป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไป แต่ในข้อที่3เขาคือใคร  สำคัญมาก

คำตอบคือ.บุคคลที่ไม่มีคุณวุฒิที่จะเป็นทหารได้เฉพาะบางท้องที่ซึ่งได้รับการยกเว้นไม่ต้องเข้ารับราชการทหารกองประจำการ     ประกอบด้วยบุคคลที่มีมีถิ่นที่อยู่ห่างไกลความเจริญ มีขนบธรรมเนียมประเพณีที่ปฏิบัติแตกต่างไปจากพื้นที่ทั่วไปมาก    และบางรายไม่ได้รับการศึกษา ไม่สามารถใช้ภาษาไทยสื่อสารได้ เป็นปัญหาและอุปสรรคต่อการรับราชการทหารกองประจำการ

แต่เนื่องจากปัจจุบันในท้องที่ดังกล่าวได้รับการพัฒนาให้มีความเจริญทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม การคมนาคม และการสาธารณสุข อีกทั้งบุคคลในท้องที่นั้นได้รับการศึกษาภาคบังคับอย่างทั่วถึง ปัญหาและอุปสรรคต่อการรับราชการทหารกองประจำการกับบุคคลในท้องที่ดังกล่าวจึงหมดไป สมควรยกเลิกกฎกระทรวงดังกล่าว ซึ่งจะมีผลดีทำให้ชาวไทยทุกคนมีความเสมอภาคในการเข้ารับราชการทหารกองประจำการ

สรุปความง่ายๆคือวันนี้ชายไทยทุกคนบนแผ่นดินไทยทุกพื้นที่ทุกวัฒนธรรมทุกภาษาต้องเข้ารับราชการทหารกองประจำการโดยไม่มีข้อยกเว้น

ขึ้นทะเบียนทหารแล้ว ได้รับหมายเรียกแล้ว ถึงเวลา ต้องไปรับการตรวจเลือก ถ้าร่างกายไม่สมบูรณ์มีโรคภัย ทางการไม่เอาถือว่าขาดคุณสมบัติก็ไม่ต้องเป็นทหาร   แต่ถ้าสมบูรณ์แข็งแรง ระดับ ดี1ประเภท1 หรือ ดี1 ประเภท2 ก็ต้องจับใบดำใบแดงทุกคน ได้ใบดำก็รอดไป ได้ใบแดงก็โดน ผลัดหนึ่งผลัดสองก็ว่ากันไป ใครที่เคยได้รับการยกเว้นมาก่อน ปีนี้ต้องไปรายงานตัว หากไม่ไปเจอข้อหาหนีทหารมีโทษจำคุก ออกจากคุกแล้วก็ต้องเป็นทหารอีก

 

 

อรุณ    ช้างขวัญยืน  /    รายงาน

สำนักข่าว CNX NEWS เจาะข่าว ตรงใจคุณ