เปิดสภาพลเมืองครั้งที่ ๒ วาระ “ข่วงหลวง-เวียงแก้ว?”

เปิดสภาพลเมืองครั้งที่ ๒  วาระ “ข่วงหลวง-เวียงแก้ว?”

เมื่อเย็นวันที่ 17 ก.พ.ที่ผ่านมา ที่พุทธสถาน จังหวัดเชียงใหม่ ได้มีการประชุมสภาพลเมืองครั้งที่ 2 จัดโดยภาคีขับเคลื่อนชียงใหม่จัดการตนเองในวาระพิจารณา “ข่วงหลวง-เวียงแก้ว?” มีผู้เข้าร่วมสภาพลเมืองกว่า ๑๕๐ คน  โดยมีนายอดิศร กำเนิดศิริ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่  ดร.ธเนศวร์ เจริญเมือง และนายอินสม ปัญญาโสภา ร่วมแลกเปลี่ยนด้วย

อ.ชำนาญ จันทร์เรือง และ นางเสาวคนธ์ ศรีบุญเรือง ซึ่งเป็นผู้ขอเปิดสภาพลเมืองได้กล่าวถึงสาเหตุในการขอเปิดสภาพลเมืองในครั้งนี้ว่าต้องการให้มีพื้นที่ถกเถียงหารืออย่างหลากหลาย เพราะการย้ายคุกออกไปเป็นเรื่องใหญ่ใกล้ตัวของชาวเชียงใหม่      ซึ่งเมื่อมีการย้ายคุกออกจากเมืองเป็นวาระที่คนเชียงใหม่ผลักดันมาต่อเนื่องหลายยุคสมัยสำเร็จ ปรากฏว่ามีการเร่งรัดทำโครงการพุทธมณฑล

จากนั้นดร.เพ็ญสุภา สุคตะ ใจอินทร์ ได้เล่าถึงลำดับเหตุการณ์ ในเรื่องการย้ายทัณฑสถานหญิง   เริ่มมีมาตั้งแต่ปี 2510 ที่อ.ไกรศรี  นิมมานเหมินทร์ ยื่นข้อเสนอให้ย้ายคุกออกจากพื้นที่กลางเวียง    จนช่วงปี 2530 -2540 ครม.มีมติให้เชียงใหม่เป็นเมืองอนุรักษ์ทำให้ประเด็นนี้ได้รับการพูดคุยอีกครั้ง โดยเฉพาะศูนย์ศึกษาปัญหาเมืองเชียงใหม่กับองค์กรร่วมจัด ฟื้นประเด็นนี้ขึ้นมาอีกครั้ง   ในช่วงปี 2540-2553  มีการจัดเสวนาทางวิชาการ 2 ครั้ง เสวนา 5 ครั้ง เทศบาลนครเชียงใหม่ตั้งคณะกรรมการจำนวน 17 ครั้งเพื่อรับฟังความคิดเห็น ประชาพิจารณ์

ซึ่งสามารถจำแนกความเห็นออกเป็น 5 กลุ่มความคิด คือ กลุ่มแรก – ให้รื้อคุกออกเพื่อสร้างเป็นข่วงหลวง (ลานโล่งกว้างอเนกประสงค์), กลุ่มสอง – เน้นไปทางพิพิธภัณฑ์นิยม ควรหารายได้จากพื้นที่คุกสามารถทำเป็นพิพิธภัณฑ์เก็บรายได้ให้ความรู้แก่เยาวชนให้เกรงกลัวการทำชั่ว  กลุ่มสาม – มองในแง่การใช้ประโยชน์ เช่น ให้รื้อคุกและเปิดที่มาเป็นที่ทำการขององค์กรต่างๆ กลุ่มสี่ – ทำสวนสาธารณะรองรับกิจกรรมนันทนาการ ศิลปวัฒนธรรม และห้า – ยึดหลักเศรษฐกิจนิยมให้ทำศูนย์การค้า จัดถนนคนเดินหรือในทำนองเดียวกับสวนจตุจักร

นายอดิศร กำเนิดศิริ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ซึ่งเดินทางไปร่วมฟังความเห็นด้วยกล่าวกับผู้เข้าร่วมว่า ขั้นตอนการดำเนินการของจังหวัดจะไม่รวบรัดตัดตอน แต่จะเปิดรับฟังความเห็นที่หลากหลายโดยจะตั้งคณะกรรมการพิจารณาความเหมาะสมต่อพื้นที่คุกเดิมต่อไป โดยขั้นตอนหลังจากกรมราชทัณฑ์คืนพื้นที่ให้กับกรมธนารักษ์แล้ว ทางสำนักงานจังหวัดจะยื่นขอเข้าดำเนินการในพื้นที่ดังกล่าว

สำหรับข้อคำถามว่าในเมื่อเป็นมติครม.อนุมัติงบประมาณมาแล้วจะคัดค้านยับยั้งได้อย่างไร นายอดิศรกล่าวกับที่ประชุมว่า จนบัดนี้ยังไม่มีเงินโอนมาที่จังหวัดแต่อย่างใด จึงยังไม่ได้ดำเนินการก่อสร้าง

นอกจากนั้น นายอดิศรยังกล่าวกับที่ประชุมด้วยว่าโดยส่วนตัวของตนไม่เห็นด้วยกับแนวคิดพุทธมณฑล เพราะการสร้างพุทธมณฑลควรมีที่ดินกว้างใหญ่เช่นที่ดอยสะเก็ด ส่วนที่ดินกลางเวียงเล็กไป จึงอยากจะให้ความมั่นใจว่าทางจังหวัดต้องการหารือและรับฟังแนวทางที่หลากหลายเพราะตอนนี้ยังไม่มีข้อสรุปยืนยันชัดเจน

ในตอนท้าย ผู้ขอเปิดสภาพลเมือง กล่าวสรุปว่า ข้อเสนอเบื้องต้นก็คือให้เกิดการหารืออย่างกว้างขวางจากประชาชนที่หลากหลาย   และให้ตั้งคณะกรรมการเพื่อดำเนินการร่วมกันต่อไป โดยขอให้มีสัดส่วนของตัวแทนจากภาคพลเมืองในการเข้าไปทำงานร่วมกับราชการที่เหมาะสม  และจากกรณีที่มีมติ ครม.ออกมาแล้วหากมีกาดำเนินการก่อสร้างโดยอ้างว่างบประมาณตกมาแล้ว ตนก็จะรวบรวมรายชื่อประชาชนเพื่อจะฟ้องร้องต่อศาลปกครองต่อไป

สำนักข่าว

cnx news เจาะข่าว ตรงใจคุณ รายงาน