วันศุกร์, 26 เมษายน 2567

เชียงใหม่ กำชับทุกหน่วยตรึงกำลังลาดตระเวนเข้มข้นจุด Hotspot มากสุดในรอบปี

Spread the love

จังหวัดเชียงใหม่ กำชับให้ทุกหน่วยตรึงกำลังลาดตระเวนอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะช่วง 10 วันอันตราย ระหว่าง 17 – 26 มี.ค.นี้ ที่มีสถิติเกิดจุด Hotspot มากสุดในรอบปี ขณะที่ อุตุฯ ชี้อากาศร้อนและทิศทางลม เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ค่าฝุ่นละอองในภาคเหนือสูงขึ้น
 นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า สถานการณ์หมอกควันในจังหวัดเชียงใหม่ของวันนี้ (20 มี.ค.61) คุณภาพอากาศยังอยู่ในสภาวะปกติ ค่าฝุ่นละอองยังไม่เกินค่ามาตรฐาน (120 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร) โดยพบสูงสุดที่ตำบลช้างเผือกอยู่ที่ 97 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งหลังจากในห้วง 51 วัน ห้ามเผา มาวันที่ 1 มีนาคมที่ผ่านมา พบจุด Hotspot จำนวน 90 จุด แต่เมื่อเทียบสถิติของปี 60 ในช่วงเวลาเดียวกัน พบจุด Hotspot ทั้งหมด 609 จุด จะเห็นได้ว่ามีสถิติที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะช่วง 10 วันอันตราย ระหว่างวันที่ 17 – 26 มีนาคม เนื่องจากสถิติของปี 2559 และ 2560 พบว่าเป็นห้วงที่มีจุดความร้อนสะสมมากที่สุด จึงได้แจ้งเตือนให้หน่วยที่อยู่ในพื้นที่ดำเนินการมาตรการเข้มข้น โดยได้กำชับให้ทุกหน่วยงานอย่าประมาท พร้อมต้องตรึงกำลังในการลาดตระเวนทั้งกลางวันและกลางคืน เพื่อเป็นการกดดันให้ผู้ที่ตั้งใจจุดไฟ อาจจะเกรงกลัวแล้วไม่จุด
 ด้าน นายวรพจน์ คุณาวิวัฒนางกูร นักอุตุนิยมวิทยาชำนาญการพิเศษ ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคเหนือ เปิดเผยว่า ในห้วงที่ผ่านมาปัญหาหมอกควันเป็นปัญหาหลักที่เกิดขึ้นทุกปีบริเวณภาคเหนือ โดยเฉพาะพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ที่มีลักษณะภูมิประเทศเป็นแอ่งกระทะ โดยในช่วงตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ต่อเนื่องมาจนถึงเดือนมีนาคม ประกอบกับมีการเผาในที่โล่งเพิ่มมากขึ้น จึงทำให้ค่าฝุ่นละอองสูงขึ้นตามลำดับ ซึ่งในช่วงเช้าจะมีอากาศเย็นจะได้รับอิทธิพลจากมวลอากาศเย็นที่กดตัวลง และไม่สามารถทำให้มลพิษในอากาศที่สะสมอยู่ ลอยตัวสู่ชั้นบรรยากาศได้ แต่ในช่วงบ่ายสภาพท้องฟ้าจะเริ่มดีขึ้น อากาศในจังหวัดเชียงใหม่จะเริ่มร้อน อุณหภูมิจะอยู่ที่ 37 – 3 8 องศาเซลเซียส ซึ่งอากาศร้อนจะทำให้มลพิษและฝุ่นละอองลอยตัวสูงขึ้น รวมทั้งมีลมพัดพาเอาฝุ่นละอองออกจากพื้นที่ไป โดยในช่วง 3- 4 วันที่ผ่านมา มีจุด Hotspot จากประเทศเมียนมาร์ค่อนข้างเยอะ เมื่อลมทางทิศตะวันตกพัดเข้ามา ก็จะเป็นปัจจัยทำให้ค่าฝุ่นละอองในพื้นที่ภาคเหนือสูงขึ้นตามไปด้วย
 ทั้งนี้ จากประกาศของศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคเหนือ ในช่วงระหว่างวันที่ 20-23 มีนาคม 2561 ประเทศไทยตอนบนจะมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง กับมีลูกเห็บตกบางพื้นที่ รวมถึงฟ้าผ่า ซึ่งภาคเหนือจะเริ่มได้รับผลกระทบในช่วงระหว่างวันที่ 21-23 มีนาคม 2561 จึงขอให้ประชาชนในพื้นที่ภาคเหนือบริเวณจังหวัดเพชรบูรณ์ พิษณุโลก อุตรดิตถ์ ตาก สุโขทัย พิจิตร กำแพงเพชร น่าน แพร่ ลำปาง ลำพูน เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา และแม่ฮ่องสอน หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ และป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง ในขณะที่เกิดพายุฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงในช่วงวันและเวลาดังกล่าว สำหรับเกษตรกรควรระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรไว้ด้วย