วันพฤหัสบดี, 25 เมษายน 2567

ส่งเสริมท่องเที่ยวก็ส่งเสริมกันไป ผลบวกลบแค่ไหนตัดสินใจกันเอาเอง

Spread the love

              ส่งเสริมท่องเที่ยวก็ส่งเสริมกันไป

                ผลบวกลบแค่ไหนตัดสินใจกันเอาเอง

450359

มีเรื่องคนละเรื่องในเรื่องเดียวกันนี้ ลองทำความเข้าใจกันให้ดีเพราะมันเป็นเรื่องที่อยู่ในความสนใจของสังคมไทยและอาจจะเป็นสังคมโลก

คณะกรรมการอำนวยการปีท่องเที่ยววิถีไทยปี 2558 ตั้งเป้านักท่องเที่ยว 27 ล้านคนรายได้ 2.2 ล้านล้านบาทพร้อมส่งเสริมการท่องเที่ยวต้องสอดคล้องกับวิถีไทยและเชื่อมโยงประเทศเพื่อนบ้าน

เมื่อวันที่21 มกราคม 2558 ร้อยเอกนายแพทย์ยงยุทธมัยลาภโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีแถลงภายหลังการประชุมคณะกรรมการอำนวยการปีท่องเที่ยววิถีไทยปี 2558 โดยมีพลเอกประยุทธ์จันทร์โอชานายกรัฐมนตรีเป็นประธานการประชุมว่า    ที่ประชุมตั้งเป้าว่าจะมีนักท่องเที่ยวอยู่ที่ 27.8 ล้านคนเป้าหมายรายได้จากการท่องเที่ยวที่ 2.2 ล้านล้านบาทแบ่งเป็นรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ 1.4 ล้านล้านบาทการท่องเที่ยวในประเทศ 8 แสนล้านบาทซึ่งนายกรัฐมนตรีเน้นย้ำส่งเสริมการท่องเที่ยวต้องสอดคล้องกับวิถีไทยและเชื่อมโยงประเทศเพื่อนบ้านประกอบด้วยลาวกัมพูชาเวียดนามและเมียนมาเพื่อที่จะส่งเสริมการท่องเที่ยวแบบกลุ่มการท่องเที่ยวเช่นการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพการท่องเที่ยวเชิงกีฬาและการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมนอกจากนี้จะต้องพิจารณาถึงการอำนวยความสะดวกในการเข้าเมืองแต่ต้องคำนึงถึงความมั่นคงควบคู่กันด้านการดูแลความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวตั้งแต่สนามบินสถานที่ท่องเที่ยวรวมถึงการดึงประชาชนในท้องถิ่นให้มีส่วนร่วมในการส่งเสริมการท่องเที่ยวทุกด้านโดยเฉพาะการช่วยดูแลความปลอดภัยแก่นักท่องเที่ยวด้วยการเป็นเจ้าบ้านที่ดี

ท่านโฆษกแถลงต่ออีกว่า ที่ประชุม เน้นการประชาสัมพันธ์เชิงรุกการท่องเที่ยววิถีไทยทั้งสื่อหลักและออนไลน์การเปิดแอพพลิเคชั่นดาวน์โหลดข้อมูลการท่องเที่ยวและแชร์ภาพ โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยในฐานะแม่งานเตรียมแผนจัดกิจกรรมตลอดทั้งปีอาทิเดือนเมษายนมีกิจกรรม

เย็นทั่วหล้ามหาสงกรานต์เดือนสิงหาคมมีกิจกรรมผ้าไหมไทยเทิดไท้องค์ราชินีฯเดือนพฤศจิกายนสีสันสายน้ำมหกรรมลอยกระทงเป็นต้น

เรื่องนี้เป็นเรื่องของการส่งเสริมการท่องเที่ยว เป็นเรื่องเงินเรื่องทอง เป็นเรื่องแสวงหารายได้เข้าประเทศ เป็นนโยบาย มีเป้าหมายว่า เมื่อมีนักท่องเที่ยวก็มีรายได้ ตัวเลขคือ 2.2ล้านล้านบาท

ทีนี้เราก็มาดูว่า เมื่อมีนักท่องเทียวมาบ้านเราแล้วคนไทยได้อะไรบ้างเป็นของแถมสิ่งหนึ่งที่พูดกันมากคือนักท่องเที่ยวสร้างปัญหาให้กับบ้านเรา และที่พุดกันมากว่าตัวปัญหาของโลกเลยคือ นักท่องเที่ยวชาวจีนแผ่นดินใหญ่

450388

เรื่องนี้มีรายงานเหมือนกันว่า ปัญหาของมารยาทนักท่องเที่ยวจีนในต่างประเทศสร้างความปวดหัวให้กับรัฐบาลจีนอยู่ไม่น้อยซึ่งรัฐบาลก็ไม่ได้นิ่งนอนใจพยายามรณรงค์ให้ชาวจีนรู้จักประพฤติตัวให้เหมาะสม  แต่เนื่องจากเป็นประเทศที่มีขนาดประชากรมากที่สุดของโลกและเศรษฐกิจก็ใหญ่เป็นอันดับ2 ของโลกจำนวนคนมีเงินและคนชั้นกลางเพิ่มขึ้นมากทำให้ไม่กี่ปีมานี้คนจีนออกท่องเที่ยวต่างประเทศมากและทุกประเทศรวมทั้งไทยก็ล้วนแต่ต้องการสร้างรายได้จากนักท่องเที่ยวจีน ปัญหาโลกแตกคือ จีนเพิ่งเปิดประเทศไม่กี่ปีมานี้โอกาสที่ชาวจีนจะเรียนรู้โลกภายนอกจึงจำกัดอาจเป็นสาเหตุให้ทำตัวไม่ถูกหรือไม่รู้ว่ามารยาทสากลเป็นอย่างไรจึงเกิดภาวะที่ทำให้คนอื่น “ช็อก” เกี่ยวกับพฤติกรรมของพวกเขาแต่จะขัดเคืองหรือปวดหัวกับนักท่องเที่ยวจีนอย่างไรสิ่งหนึ่งที่ต้องยอมรับคือ “รายได้” ที่มาพร้อมกับนักท่องเที่ยวจีนโดยเฉพาะเมื่อรัฐบาลจีนประกาศว่าภายในปี2563 หรืออีก5 ปีจะผลักดันให้คนจีน500 ล้านคนออกเที่ยวต่างประเทศ

 

จากข่าวนี้จึงมีรายงานว่า ทั้งญี่ปุ่นและเกาหลีใต้และไทยเราต่างก็อ้าแขนต้อนรับนักท่องเที่ยวจีนเพราะนักท่องเที่ยวจีนเป็นนักช็อปปิ้งมือหนัก

 

สื่อเกาหลีใต้รายงานว่าตามร้านค้าดิวตี้ฟรีและห้างสรรพสินค้าต่างๆในกรุงโซลจะเห็นภาพนักท่องเที่ยวจีนพะรุงพะรังด้วยถุงช็อปปิ้งเยอะแยะบางคนมากถึง10 ถุงถ้าเป็นผู้หญิงก็จะกระโจนเข้าไปกวาดซื้อเครื่องสำอาง (สำหรับตัวเองและสำหรับเพื่อนที่ฝากซื้อ) เพราะกระแสฟีเวอร์ละครซีรี่ส์และดาราเกาหลีในหมู่คนจีนช่วยสร้างความชื่นชอบในเครื่องสำอางเกาหลีอย่างมากมายและเท่าที่ติดตามดูยังไม่เห็นคนเกาหลีใต้โวยวายเรื่อง

มารยาทของคนจีนเหตุที่อดทนไม่บ่นอาจเป็นเพราะเห็นแก่รายได้ที่ชาวจีนจะนำมาให้แก่ประเทศโดยรวมก็เป็นได้ ซึ่งจะว่าไปแล้วหากประเทศไหนอยากได้เงินจากนักท่องเที่ยวต่างประเทศก็คงต้องอดทนและผ่อนผันให้บ้างหากว่าพฤติกรรมนั้นไม่ร้ายแรงเกินไปแค่ก่อความรำคาญเล็กน้อย

 

สำหรับประเทศไทยนั้นในยามที่นักท่องเที่ยวจากยุโรปและรัสเซียหดหายไปมากก็หนีไม่พ้นต้องพึ่งนักท่องเที่ยวจีนโดยคาดหมายว่าปีที่แล้วนักท่องเที่ยวจีนจะทะลุ4.4 ล้านคน

ถ้าใครมองเห็นโอกาสนี้และยืดหยุ่นให้กับนักท่องเที่ยวจีนก็จะทำรายได้ไม่น้อยอย่างที่ผู้ประกอบการร้านค้าและท่องเที่ยวในไทยบางส่วนได้เริ่มปรับตัวรับมือบ้างแล้วโดยเปลี่ยนทัศนคติใหม่คือแทนที่จะบ่นด่าชักสีหน้าใส่หรือนำมาเขียนด่าบนโซเชียลมีเดียก็ใช้วิธีเขียนป้ายให้คำแนะนำที่ถูกต้องแทน

 

ยกเว้นเสียแต่ผู้ประกอบการคนไหนจะหยิ่งคิดว่าไม่ง้อก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งแต่อย่าลืมว่าผลการสำรวจเมื่อปีก่อนนักท่องเที่ยวจีนจ่ายค่าที่พักในไทยสูงเป็นอันดับ3 เฉลี่ยคืนละ3,876 บาทรองจากบราซิลและสวิตเซอร์แลนด์และสูงเป็นอันดับ1 เมื่อเทียบกับนักท่องเที่ยวชาติเอเชียแปซิฟิกที่มาเที่ยวไทย

                         เดือนหน้าจะตรุษจีนคงแห่แหนกันมามืดฟ้ามัวดิน    ว่าอย่างไรกันดีจะทนเอา เพื่อเงิน หรือจะปิดร้านหนีไปเที่ยวซ๊ะเองก็ตามที    

 

อรุณ     ช้างขวัญยืน  รายงาน

สำนักข่าว CNX NEWS เจาะข่าว ตรงใจคุณ