วันอังคาร, 23 เมษายน 2567

ส่งออกรถกระบะดิ่งหนัก 48%

Spread the love

ส่งออกรถกระบะดิ่งหนัก 48%

2010_10_14_Mazda_BT50_2

พาณิชย์หวัง… ประเทศคู่ค้าจะดีขึ้นเมื่อไร

               ข่าวในแวดวงอุตสาหกรรมยานยนต์เปิดเผยว่า

                เมื่อต้นสัปดาห์นี้ นายสมเกียรติ       ตรีรัตนพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การส่งออกของไทยเดือน มิ.ย.2558 ยังคงขยายตัวอยู่ในแดนลบ โดยมีมูลค่า 18,161.6 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 7.87% การนำเข้ามีมูลค่า 18,011.5 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 0.21% ไทยเกินดุลการค้า 150 ล้านเหรียญสหรัฐ

                                      ทั้งนี้ การส่งออกเดือน มิ.ย.ที่ลดลง 7.87% เป็นการติดลบเป็นเดือนที่ 6 นับจากเดือน ม.ค.2558 และติดลบมากสุดในรอบ 3 ปี 6 เดือน นับจากเดือน ธ.ค.2554 ที่ติดลบ 8.15%

ส่วนการส่งออกในช่วง 6 เดือน (ม.ค.-มิ.ย.58) มีมูลค่า 106,855.6 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 4.84% การนำเข้ามีมูลค่า 103,382.9 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 7.91% ไทยเกินดุลการค้า 3,472.7 ล่านเหรียญสหรัฐ

สาเหตุที่ทำให้การส่งออกในเดือน มิ.ย.ลดลง เนื่องจากสินค้าอุตสาหกรรมส่งออกลดลง 7.7% ซึ่งมีผลจากการส่งออกรถยนต์และส่วนประกอบ ซึ่งเป็นสินค้าส่งออกอันดับหนึ่งของไทย ลดลงถึง 19.1% จากการลดลงของการส่งออกรถกระบะที่ติดลบ 48.3% เพราะการเปลี่ยนรุ่น แต่รถยนต์นั่งยังโต 0.4% ส่วนสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมการเกษตรลดลง 4.1% จากการลดลงของข้าว 21.1% อาหารทะเลแช่แข็งลดลง 10.5% กุ้งสดแช่แข็งและแปรรูปลดลง 22.1% น้ำตาลทรายลดลง 12.3% แต่ยางพาราซึ่งเป็นสินค้าส่งออกอันดับหนึ่งในกลุ่มเกษตรกลับมาเป็นบวกครั้งแรกในรอบ 18 เดือน โดยเพิ่มขึ้น 4.4%

เห็นได้ชัดว่า  ตลาดรถยนต์เป็นตัวฉุดสำคัญของเศรษฐกิจบ้านเรา ไม่ใช่ ประมง หรือการส่งออกพืชผลทางการเกษตร

                 “แนวโน้มการส่งออกจากนี้ไป ยังคงขึ้นอยู่กับภาวะเศรษฐกิจโลก เพราะขณะนี้เศรษฐกิจคู่ค้าสำคัญของไทยยังคงชะลอตัว ทั้งสหรัฐ อียู ญี่ปุ่น และจีน ส่งผลให้การนำเข้าลดลง ซึ่งรวมถึงคู่ค้าอื่นๆ ที่เศรษฐกิจชะลอตัว จึงมีการนำเข้าลดลง และส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้” นายสมเกียรติกล่าว

 

ด้านการลงทุนในตลาดหุ้นไทยเมื่อวันที่ 27 ก.ค.ที่ผ่านมา ปรับลดลงอย่างหนัก โดยปิดที่ 1,412.55 จุด ลดลง 25.53 จุด หรือ -1.78% มูลค่าการซื้อขาย 40,259.54 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 1,504.56 ล้านบาท กองทุนขายสุทธิ 917.22 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ขายสุทธิ 703.50 ล้านบาท และรายย่อยซื้อสุทธิ 3,125.27 ล้านบาท

                การที่หุ้นปรับลดลง มาจากแรงขายทำกำไรหุ้นขนาดใหญ่ ทั้งกลุ่มพลังงาน ธนาคาร และสื่อสาร กดดันดัชนีจากปัจจัยลบด้านราคาน้ำมันในตลาดโลกลดลงต่อเนื่องอยู่ที่ 48.14 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และความกังวลหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ขณะเดียวกัน กระทรวงพาณิชย์ได้ประกาศตัวเลขส่งออกไทยเดือน มิ.ย. ติดลบ 7.87% ต่ำสุดในรอบ 3 ปี 6 เดือน สะท้อนถึงเศรษฐกิจไทยยังไม่สามารถฟื้นตัวได้เต็มที่.

                   อ่านข่าวแล้วก็ต้องมาพิจารณาว่า การที่เศรษฐกิจเราซบเซาเกิดจากอะไร   หลายคนอาจจะเหมาเอาว่าเพราะเราปกครองในระบบเผด็จการ รัฐบาลมาจากการยึดอำนาจของทหาร จึงถูกนานาชาติกดดัน

                     มันก็เป็นความจริงส่วนหนึ่ง แต่ยังไม่ถึงระดับ   แซงชั่น   เพราะมาตรการของอียู หรือของอเมริกาในเรื่อง เทียร์-3 เป็นเพียงการ   เตือน    ยังไม่ถึงขั้น ลงดาบ

                      แต่ในข่าวก็บอกกว่า การส่งออกของเราชะลอตัวลง เนื่องจาก ประเทศคู่ค้า ก็ชะลอการนำเข้า เพราะเขามีปัญหาเรื่องเศรษฐกิจเหมือนกัน ลองไปอ่านดูดีๆครับ 

                    และสำคัญ ขึ้นอยู่กับคนในชาติ ต้องปรับตัวเองเสียบ้างนะครับ เพือต่อสู้กับภาวะเช่นนี้ด้วย

 

 

ขอขอบคุณข้อมูลของไทยไพส์ออนไลน์

อรุณ ช้างขวัญยืน.เรียบเรียงและรายงาน

สำนักข่าว CNX NEWS เจาะข่าว ตรงใจคุณ