วันศุกร์, 19 เมษายน 2567

สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 ประชุมผู้ประกอบการที่เกี่ยวกับการค้างาช้างและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธ์

22 ก.พ. 2013
297
Spread the love

สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 ประชุมผู้ประกอบการที่เกี่ยวกับการค้างาช้างและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธ์

 

เพื่อให้ผู้ประกอบการทราบถึงระเบียบกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการค้างาช้าง สัตว์ป่าและพืชป่า อีกทั้งเพื่อรณรงค์และเสริมสร้างความร่วมมือในการสร้างภาพลักษณ์ที่ดี

เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา 10.00 น. ณ ห้องภูมิระพี โรงแรมเชียงใหม่ภูคำ นายเสริมยศ สมมั่น ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 เป็นประธานในการประชุมร่วมกับผู้ประกอบการเกี่ยวกับการค้างาช้าง เช่น องค์กรด้านการอนุรักษ์สัตว์ป่า หน่วยงานราชการ เจ้าของปางช้างในจังหวัดเชียงใหม่ ผู้ประกอบการค้าขายในย่านไนท์บาร์ซ่า ผู้ประกอบการค้าขายในย่านบ้านถวาย เป็นต้น พร้อมกล่าวว่า ตามที่ประเทศไทยได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพในการจัดประชุมสมัยสามัญภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ ครั้งที่ 16 ระหว่างวันที่ 3-14 มีนาคม 2556 ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมทางด้านภาพลักษณ์ของประเทศไทยให้เป็นอย่างมีประสิทธิภาพและเพื่อแก้ไขปัญหาการลักลอบค้าสัตว์ป่าและพืชป่า โดยเฉพาะปัญหาการลักลอบค้างาช้าง โดยประเทศไทยถูกจับตาโดย CITES  (ไซเตส)

และองค์กรพัฒนาเอกชนด้านการอนุรักษ์ว่าเป็นประเทศปลายทางหรือศูนย์กลางการค้างาช้างจากแอฟริการระบุว่าไทยเป็นประเทศเป็นประเทศปลายทางที่มีการค้างาช้างใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากประเทศจีน อีกทั้งการค้างาช้างในประเทศไทยไม่มีการควบคุมและไม่มีการแก้ที่เป็นรูปธรรม

ดังนั้นการประชุมในวันนี้เป็นอีกหนึ่งในการดำเนินการของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ที่นอกจากการป้องกันและปราบปรามมีการจับกุมผู้ลักลอบนำเข้างาช้างที่ผิดกฎหมายแล้ว ทางกรม ฯ จึงได้ทำความเข้าใจกับผู้ประกอบการทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์งาช้างให้เข้าใจถึงขั้นตอนการดำเนินการหากจะมีหารค้าขายให้ถูกต้อง การซื้องาช้างดิบจากแอฟริกาและการขายผลิตภัณฑ์งาช้างให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นสิ่งผิดกฎหมาย เพื่อเป็นการป้องกันและห้ามปรามไม่ให้มีการกระทำผิด อีกทั้งให้รู้ถึงกฎหมายต่างๆที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ CITES พ.ร.บ.ทะเบียนพาณิชย์ พ.ร.บ.การบัญชีโรคระบาดสัตว์และกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการค้างาช้าง เพื่อให้ประชาชนและผู้ประกอบการมีความรู้ที่เกี่ยวข้องการค้าขายผลิตภัณฑ์ดังกล่าวจะได้ไม้กระทำผิดกฎหมายอีกต่อไป

จากการตรวจสอบในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ตลอดจนย่านไนท์บาร์ซ่า และตลาดบ้านถวาย ยังไม่พบว่ามีการลักลอบจำหน่ายงาช้างในพื้นที่และผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่ที่ขายให้กับนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ทำมาจากเรซินเท่านั้น ส่วนของป่า คงมีเพียงการลักลอบจำหน่ายกล้วยไม้ป่าที่หายากและใกล้สูญพันธ์    อย่างไรก็ตามจะดำเนินการขั้นเด็ดขาดกับกลุ่มนายทุนที่เข้าไปเกี่ยวข้องกันการลักลอบจำหน่ายงาช้าง ส่วนการจำหน่ายงาช้างตามปางช้างในไทยนั้นสามรถทำได้หากเป็นช้างเลี้ยง แต่ต้องมีการแจ้งเป็นหลักฐาน นอกจากนั้นปัญหาส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้นเกิดจากการจำหน่ายงาช้างหรือผลิตภัณฑ์จากงาช้าง ให้กับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ และมีการนำออกนอกประเทศ ซึ่งเป็นการผิดกฎหมาย ปัจจุบันได้มีการจดทะเบียนตีตั๋วช้างตามปางช้างในจังหวัดเชียงใหม่กว่า 400 เชือก ทั้งนี้ได้กำชับไม่ให้มีการเคลื่อนย้ายช้างออกไปทำงานนอกพื้นที่ เพื่อป้องกันปัญหาการลักลอบขายช้าง และยังเป็นมาตรการสำคัญในการที่จะร่วมกันอนุรักษ์ช้างของไทยไม่ให้สูญพันธ์ด้วย

ด้านนายจงคล้าย วรพงศธร ผู้อำนวยการส่วนอนุรักษ์สัตว์ป่า เผยว่า ประเทศไทยไม่มีการค้างาช้ามานานมากแล้ว แต่กลายเป็นประเทศศูนย์กลางค้าขายรวมทั้งประเทศจีน อีกทั้งประเทศมาเลเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม และฮ่องกง ยังกลายเป็นประเทศทางผ่านในการลักลอบนำเข้างาช้างแอฟริกา ซึ่งงาช้างที่พบการซื้อขายตกอยู่ในราคากิโลกรัมละ 35,000-40,000 บาท และประเทศไทยมีคดี 53 คดี จำนวน 10,000 กก. จำนวน 10 ตัน ดังนั้นจึงได้มีมาตรการควบคุมการค้างาช้างในประเทศไทยเพราะปัจจุบันประชากรช้างกำลังลดลงอย่างน่าวิตก คาดว่าปัจจุบันมีช้างป่าเหลือเพียง 3,700 ตัวและช้างบ้าน 4,000 เชือก ซึ่งสาเหตุของการลดของช้างนั้นมาจากการบุกรุกทำลายป่าไม้ ซึ่งเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยและแหล่งอาหารตามธรรมชาติของช้าง รวมทั้งความขัดแย้งระหว่างคนกับช้างในการปลูกพืชการเกษตรใกล้กับป่าธรรมชาติที่ช้างอยู่อาศัย ไปจนถึงการล่าช่างเพื่อเอางาหรืออวัยวะมาขาย

ปัจจุบันได้มีการจดทะเบียนตีตั๋วช้างตามปางช้างในจังหวัดเชียงใหม่กว่า 400 เชือก ทั้งนี้ได้กำชับไม่ให้มีการเคลื่อนย้ายช้างออกไปทำงานนอกพื้นที่ เพื่อป้องกันปัญหาการลักลอบขายช้าง และยังเป็นมาตรการสำคัญในการที่จะร่วมกันอนุรักษ์ช้างของไทยไม่ให้สูญพันธ์ และขอให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนร้านค้าให้ถูกต้องตามกฎหมายภายใน 30 วัน และต้องเป็นงาช้างที่ต้องมีตั๋วรูปพรรณเท่านั้น ส่วนการนำเข้างาช้างจากต่างประเทศจะมีการควบคุมบัญชีการนำเข้าอย่างเข้มงวดด้วย.

สำนักข่าว

Cnxnews เจาะข่าว ตรงใจคุณ รายงาน


สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 (เชียงใหม่) จัดกิจกรรมปล่อยกำลังพลการรณรงค์แก้ไขปัญหาไฟป่า

Spread the love

สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 (เชียงใหม่) จัดกิจกรรมปล่อยกำลังพลการรณรงค์แก้ไขปัญหาไฟป่า

กิจกรรมปล่อยกำลังพลการรณรงค์แก้ไขปัญหาไฟป่า

 

สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 (เชียงใหม่) จัดกิจกรรมปล่อยกำลังพลการรณรงค์แก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันประจำปีงบประมาณ 2556 เพี่อรณรงค์ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนและทุกภาคาส่วนได้ตระหนักในโทษของไฟป่าพร้อมทั้งช่วยป้องกันไม่ให้เกิดไฟป่า

เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2555 เวลา 10.00 น. ณ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่16 (เชียงใหม่) นายธานินทร์ สุภาแสนผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานปล่อยขบวนกำลังพลการรณรงค์แก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน พร้อมด้วย นายเสริมยศ สมมั่นผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 (เชียงใหม่) และเจ้าหน้าที่พนักงานดับไฟป่า

โดยผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 (เชียงใหม่) กล่าวว่า ตามที่ได้เกิดสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควันในช่วงฤดูแล้งของทุกปี ซึ่งมีสาเหตุมาจากความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังแรงจากสาธารณรัฐประชาชนจีนแผ่เสริมปกคลุมประเทศไทยตอนบนอย่างต่อเนื่อง ทำให้ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีอากาศหนาวเย็นกับมีหมอกในตอนเช้าโดยเฉพาะบริเวณยอดดอย ทำให้เกิดสภาวะความแห้งแล้งในพื้นที่ที่มีปริมาณฝนสะสมน้อยโดยเฉพาะนอกเขตชลประทาน พร้อมทั้งมักมีการเผาวัชพืช กิ่งไม้ ใบไม้ วัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้เกิดไฟป่าและหมอกควันปกคลุม ส่งผลกระทบต่อสุขภาพและการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่ โดยสถิติไฟป่าและหมอกควันในช่วงต้นปี 2555 พบปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 10 ไมครอน เฉลี่ย 24 ชั่วโมง มีค่าสูงสุด 215.8 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ดัชนีคุณภาพอากาศมีค่าสูงสุด 142 ในวันที่ 19 มีนาคม 2555 และมีค่าเฉลี่ยฝุ่นละอองขนาดเล็ก เกินมาตรฐานจำนวน 16 วันและมีค่าสถิติรับแจ้งเหตุและปฎิบัติการดับไฟป่ารวมจำนวน 1,084 ครั้ง รวมพื้นที่ป่าเสียหาย จำนวน7,820 ไร่และสถิติ Hotspot สะสมจำนวน 2,445 จุด พบมากที่ อ.แม่แจ่ม 921 จุด รองลงมาที่ อ.อมก๋อย 732 จุด โดยรวมคุณภาพอากาศอยู่ในระดับปานกลางถึงมีผลกระทบต่อคุณภาพ

ด้านผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เผยว่าจากรายงานสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควันในจังหวัดเชียงใหม่ที่ผ่านมานั้น นับเป็นภัยพิบัติอย่างใหญ่หลวงที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของพี่น้องประชาชนรวมถึงอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ ดังนั้นจึงนับว่าจำเป็นอย่างยิ่งที่ทุกฝ่าย ทุกหน่วยงานต้องเร่งร่วมมือในการป้องกันและแก้ไขปัญหา

ถึงแม้ว่าจังหวัดเชียงใหม่จะประสบบ้างในบางพื้นที่แต่ไม่รุนแรงถึงขั้นวิกฤตทั้งจังหวัดนั้น คาดว่าอาจมีบางอำเภอที่มีแหล่งน้ำแห้งหรือแหล่งน้ำเข้าไปไม่ถึงหรือบางพื้นที่เกิดภัยแล้งซ้ำซาก เช่น ฮอด ดอยเต่า แม่วาง สันกำแพง แม่อาย และไชยปราการ ซึ่งพื้นที่เหล่านี้ควรเพาะปลูกพืชที่ใช้น้ำน้อย การเลี้ยงสัตว์ควรดูแหล่งน้ำให้เพียงพอ แต่ทั้งนี้ได้เตรียมการช่วยเหลือในเรื่องของน้ำอุปโภคบริโภคและประสานทางหน่วยประปาไว้แล้ว รวมถึงให้ทางอำเภอกับท้องถิ่นเปิดศูนย์แก้ปัญหาภัยแล้งเพื่อเตรียมพร้อมช่วยเหลือประชาชน

ส่วนปัญหาเรื่องหมอกควัน ได้มีการจัดการไปแล้วตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.2555 ขณะนี้ทางอำเภอและส่วนราชการต่างๆรวมถึงองค์กรปกครองท้องถิ่นได้ไปประชุมสำรวจพื้นที่ เสี่ยงต่อการเกิดไฟแล้ว มีการตั้งคณะทำงานเข้าไปควบคุมและติดตามผลอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันได้เปิดศูนย์แก้ไขปัญหาหมอกควันไฟป่าครบทั่วทุกอำเภอแล้ว แต่หากกรณีชาวบ้านเผาพืชไร่พืชสวนก็จะมีกฎหมายที่ดำเนินการในเรื่องนี้อยู่ 2-3 ฉบับ ทั้งในส่วนของ พ.ร.บ. สาธารณสุข และ พ.ร.บ.ของป่าไม้ กำหนดว่า หากใครดำเนินการเผาให้เป็นเหตุเกิดไฟขึ้นมาในพื้นที่ใดก็ตาม ก็จะมีการดำเนินคดีตามกฎหมาย

ซึ่งเส้นทางการปล่อยขบวนรถไปตามเส้นทางถนนเจริญประเทศ เข้าสู่ประตูท่าแพและถนนรอบคูเมืองเชียงใหม่ เพื่อรณรงค์และประชาสัมพันธ์ขอความร่วมมือจากประชาชนในการร่วมแก้ไขปัญหาหมอกควันและไฟป่าอย่างยั่งยืน.

สำนักข่าว
cnx news เจาะข่าว ตรงใจคุณ รายงาน