วันศุกร์, 29 มีนาคม 2567

ศักยภาพและต้นทุน “ทำไม” เชียงใหม่ต้องจัดการตนเอง

Spread the love

ศักยภาพและต้นทุน “ทำไม” เชียงใหม่ต้องจัดการตนเอง

 

ภายใต้การปกครองแบบรวมศูนย์การบริหารราชการโดยรัฐส่วนกลาง สร้างภาระให้กับคนในระดับล่าง รัฐทำหน้าที่ในการดูดเอาผลประโยชน์ ดูดเอาทรัพยากรทั้งหลายจากท้องถิ่นไป เช่น การจัดเก็บภาษี ปี 2553 เชียงใหม่เสียภาษีให้กับรัฐประมาณ 100,000 ล้านบาท การจัดการทรัพยากร จากที่ท้องถิ่นเคยจัดการแหล่งน้ำ ป่าเอง รัฐใช้กระบวนการอำนาจทางกฎหมาย อำนาจเงินต่างๆ เข้ามาจัดสรรใหม่ ตั้งกรมป่าไม้มาจัดการป่าแทนท้องถิ่น ป่าก็แทบไม่เหลือ การจัดการท่องเที่ยว เชียงใหม่มีประวัติศาสตร์เป็นแหล่งอารยธรรมมีวัฒนธรรมที่มีควรค่าควรแก่การเยี่ยมชม และให้การเรียนรู้กับนักท่องเที่ยว ส่วนกลางกลับส่งหมีแพนด้า และสร้างไนท์ซาฟารีให้กับคนเชียงใหม่แทน ความหลากหลายทางชาติพันธุ์ เชียงใหม่มีกลุ่มชาติพันธุ์มากกว่า 30 กลุ่ม แต่รัฐพยายามที่จะทำให้คนทุกเผ่าพันธุ์ในประเทศไทยเหมือนกันหมด ภาษาตัวหนังสือพื้นเมือง คนเชียงใหม่และชาติพันธุ์ต่าง ๆ ที่อยู่ในเชียงใหม่ต่างก็มีภาษาของตนเอง แต่รัฐบังคับให้ชนเผ่า คนพื้นเมืองพูดภาษากลาง คนที่อยู่ในวัยประมาณ 50 ปี คงจะจำสมัยที่เป็นเด็กนักเรียนได้ว่าถ้าพูดคำเมืองในโรงเรียนจะถูกปรับเงิน ตัวหนังสือเมืองหายไปเกือบหมด คนรุ่นใหม่ไม่กี่คนที่ยังอ่านออกเขียนได้ เราถูกทำให้เชื่อว่าเราไม่มีพลัง ทำให้มาดูถูกกันเองว่าไม่มีการศึกษา ให้คนที่มีการศึกษาเข้ามาช่วยจัดฉาก สร้างความขัดแย้ง การรวมศูนย์ทำให้เราต้องเผชิญกับความขัดแย้ง ทำให้พี่น้องเราขัดแย้งกัน

ถึงเวลาที่เราต้องลุกขึ้นมาจัดการตนเอง หากเราเชื่อว่าเรามีศักยภาพมีศักดิ์ศรี มีความรู้เดิมอยู่แล้ว สังคมนี้ไม่ใช้เรื่องของการไปแบมือขอ ไม่ใช้เรื่องของการอ้อนวอนใครมาทำอะไรให้ ประชาชนต้องลุกขึ้นมาทำอะไรเอง ลูกขึ้นมาต่อรองเอง คนเชียงใหม่มีศักดิ์ศรีมีภูมิปัญญามีกิ๋นที่จะเอาตัวรอดได้ และเราต้องมีแนวคิดทางการเมืองว่า รัฐชาติอยู่ได้เพราะท้องถิ่นเข้มแข็ง

พญามังรายทรงสร้างเมืองเชียงใหม่ใน พ.ศ.1839 และได้ตรากฎหมายขึ้นเพื่อใช้เป็นหลักในการปกครองว่า “กฏหมายมังรายศาสตร์”นับเป็นกฎหมายที่เป็นรายลักษณ์อักษรฉบับแรกของไทย ทรงประดิษฐ์ตัวอักษร คือ “อักษรไทยยวน” หรือ “ไทยโยนก” ปัจจุบันได้กลายสภาพเป็น “อักษรเมือง” ของคนภาคเหนือ ทรงสร้างเหมืองฝายหลายแห่งเพื่อทกน้ำไปใช้ในการเกษตร ต่อมาประชาชนและกษัตริย์อีกหลายพระองค์ได้ทะนุบำรุงเมืองเชียงใหม่มาอย่างต่อเนื่อง

ปัจจุบันเชียงใหม่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 700 ปี ประกอบด้วยกลุ่มชาติพันธุ์มากกว่า 30 กลุ่ม ทำให้เชียงใหม่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม มีโบราณสถานอันทรงคุณค่าเป็นศูนย์กลางทางอารยธรรมล้านนา มีความอุดมของทรัพยากรทางธรรมชาติ ยังคงเป็นเมืองต้นน้ำที่รักษาความอุดมสมบูรณ์ของแหล่งน้ำที่ไหลไปหล่อเลี้ยงคนทั้งลุ่มน้ำจากภาคเหนือสู่ภาคกลาง  เป็นเมืองท่องเที่ยวอันประกอบด้วยแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศมากมาย เป็นศูนย์กลางด้านการศึกษา มีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่  มหาวิทยาลัยแม่โจ้ มหาวิทยาลัยพายัพ และอีกหลายมหาวิทยาลัย เป็นศูนย์กลางด้านเศรษฐกิจ ทุกวันนี้เชียงใหม่เสียภาษีไม่น้อยกว่า 100,000 ล้านบาท และถูกส่งให้รัฐส่วนกลางทั้งหมด

ลองจินตนาการว่า ถ้าเราสามารถกำหนดทิศทางการพัฒนาจังหวัด โดยบริหารจัดการทรัพยากร และภาษีที่จัดเก็บในจังหวัดได้เอง จังหวัดเชียงใหม่จะเป็นอย่างไร จะพัฒนาเมืองไปได้ขนาดไหน ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นจะแก้ไขได้อย่างรวดเร็วหรือไม่ ประชาชนคนเชียงใหม่ต้องร่วมกันแสดงความคิดเห็น

 

คลิปข่าว 

[yframe url=’http://www.youtube.com/watch?v=e562LTLdL3U ‘]

กระบวนการ เชียงใหม่จัดการตนเอง ตอนที่ 2 คลิก!!

 

ธนวรรธน์   จรณชัยวัจน์  รายงาน

สำนักข่าว 
cnx news เจาะข่าว ตรงใจคุณ