วิกฤติฝุ่นควันภาคเหนือยังไม่ทุเลา ‘อ.แม่สาย’ นำโด่ง

Spread the love

วิกฤติฝุ่นควันภาคเหนือยังไม่ทุเลา ‘อ.แม่สาย’ นำโด่ง

 

 

กรมควบคุมมลพิษตรวจพบปริมาณฝุ่นควันพื้นที่ อ.แม่สาย จ.เชียงรายสูงสุดในรอบ 24 ชั่วโมง จี้เร่งควบคุมการเผา ส่วนที่เชียงใหม่ตัวเมืองยังขมุกขมัว ซ้ำมีการปล่อยภาพอ้างว่า จนท.แก้ปัญหาโดยการฉีดน้ำใส่สถานีตรวจวัดว่อนเฟซบุ๊ก…

เมื่อวันที่ 27 มี.ค. มีรายงานว่า กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ออกประกาศเตือนสถานการณ์ฝุ่นจากหมอกควันภาคเหนือ โดยระบุ พบปริมาณฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 10 ไมครอน (PM10) เฉลี่ย 24 ชั่วโมงมีค่าระหว่าง 110 – 265 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร วัดได้สูงสุดที่สถานีสำนักงานสาธารณสุขแม่สาย อ.แม่สาย จ.เชียงราย รองลงมา คือ อ.เมือง จ.เชียงราย และ อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน อ.เมือง จ.น่าน และ อ.เมือง จ.แพร่ ตามลำดับ คุณภาพอากาศโดยรวมมีผลกระทบต่อสุขภาพ ปริมาณฝุ่นละอองลดลงกว่าวันก่อนหน้าเกือบทุกสถานี ดังนั้น ขอให้หน่วยงานเกี่ยวข้องดำเนินมาตรการควบคุมการเผาในพื้นที่ชุมชน พื้นที่เกษตร การเผาริมทาง และพื้นที่ป่า

ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องขออนุญาตจากกำนันผู้ใหญ่บ้านในเขตปกครองท้องที่นั้นๆ ก่อนดำเนินการทุกครั้งและต้องจัดทำแนวกันไฟและควบคุมไม่ให้ไฟลุกลามไปยังพื้นที่อื่นได้ ตลอดจนให้ดำเนินการทางกฎหมายกับผู้ลักลอบเผาหรือขออนุญาตเผาแล้ว แต่ไม่จัดทำแนวกันไฟหรือ ไม่ได้ควบคุมไฟให้อยู่ในพื้นที่ถือครองจนเป็นเหตุให้ไฟลุกลามไปยังพื้นที่อื่นหรือลุกลามเข้าไปในเขตป่าโดยเฉียบขาดนอกจากนี้ ขอให้ประชาสัมพันธ์ชี้แจงทำความเข้าใจเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นและวิธี การป้องกันตนเองที่ถูกต้องให้กับประชาชนด้วยสำหรับข้อแนะนำด้านสุขภาพ เด็ก ผู้สูงอายุผู้ป่วยโรคระบบทางเดินหายใจและประชาชนทั่วไปควรหลีกเลี่ยงกิจกรรม ในพื้นที่ที่มีหมอกควันปกคลุมหากหลีกเลี่ยงไม่ได้ควรสวมหน้ากากหรือใช้ผ้า ปิดจมูกปิดประตู หน้าต่างเพื่อกันฝุ่นควันเข้าบ้านติดตามข่าวสารและปฏิบัติตามข้อแนะนำจากภาคราชการและหากเกิดอาการเจ็บป่วยควรปรึกษาแพทย์

วันเดียวกัน มีรายงานจากพื้นที่ จ.เชียงใหม่ว่า สถานการณ์หมอกควันเริ่มคลี่คลายลง โดยสถานีวัดคุณภาพอากาศที่ศาลากลางพบว่า ค่าปริมาณฝุ่นละอองขณาดเล็กอยู่ในระดับต่ำกว่ามาตรฐาน แต่สถานีวัดโรงเรียนยุพราชวิทยาลัย กลางเมืองเชียงใหม่ คุณภาพอากาศยังเกินค่ามาตรฐาน และบรรยากาศในตัวเมืองยังขมุกขมัวไม่สามารถมองเห็นดอยสุเทพ

ขณะเดียวกันมีการเผยแพร่ภาพในเฟซบุ๊กโดยอ้างว่า เจ้าหน้าที่สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) แห่งหนึ่งในภาคเหนือ ได้ใช้น้ำจากรถดับเพลิงฉีดบริเวณสถานีตรวจวัดคุณภาพระดับอากาศ ซึ่งจะทำให้ค่าปริมาณฝุ่นละอองลดลง ทำให้มีการวิพากษ์วิจารณ์ไปต่างๆ นานา ทำนองว่า แก้ปัญหาเอาหน้าที่ปลายเหตุ

ด้าน นายอดิศร กำเนิดศิริ รองผู้ว่าราชการ จ.เชียงใหม่ กล่าวว่า สถานการณ์หมอกควันยังคงปกคลุม จ.เชียงใหม่ โดยค่าคุณภาพอากาศโดยรวมอยู่ในระดับมีผลกระทบต่อสุขภาพ อย่างไรก็ตาม วันนี้ยังพบการเกิดไฟป่ามากขึ้นใน 10 อำเภอ และสถิติแจ้งเหตุการณ์เผาสะสมระหว่างวันที่ 18 ก.พ. – 26 มี.ค. 2556 เกิดไฟป่า 510 ครั้ง ในพื้นที่ 24 อำเภอ พื้นที่เสียหายประมาณ 5,001 ไร่ แยกเป็นพื้นที่ป่าอนุรักษ์เกิด 341 ครั้ง พื้นที่เสียหาย 3,983 ไร่ พื้นที่ป่าสงวนเกิด 167 ครั้ง พื้นที่เสียหาย 2,008 ไร่ และ พื้นที่ข้างทาง 2 ครั้ง พื้นที่เสียหาย 10 ไร่ โดย อ.เชียงดาว มีสถิติการเผาป่ามากที่สุด จำนวน 81 ครั้ง รองลงมาคือ อ.จอมทอง 70 ครั้ง ส่วนจำนวนฮอตสปอร์ตสะสม 1,445 จุด มีจำนวนผู้ป่วยได้รับผลกระทบ ณ วันที่ 25 มี.ค.ที่ผ่านมา 4 กลุ่มโรค คือ กลุ่มโรคตาอักเสบ กลุ่มโรคหัวใจและหลอดเลือดทุกชนิด กลุ่มโรคทางเดินหายใจทุกชนิด และกลุ่มโรคผิวหนังอักเสบ 1,334 ราย ส่วนจำนวนผู้ป่วยสะสมตามโรงพยาบาลชุมชนต่างๆ มีทั้งสิ้น 42,477 ราย

ขอบคุณที่มาของข่าว

http://www.thairath.co.th/content/region/335166

สำนักข่าว

Cnx news เจาะข่าว ตรงใจคุณ รายงาน