วันเสาร์, 20 เมษายน 2567

รัฐฯ ผุด 4 มาตรการ อุ้มคนชราสร้างที่อยู่อาศัย-เพิ่มเงินออม

Spread the love

scoop213

สกู๊ปพิเศษ CNX NEWS

รัฐฯ ผุด 4 มาตรการ อุ้มคนชราสร้างที่อยู่อาศัย-เพิ่มเงินออม

                     เสนอข่าว สาระ ความรู้ และอื่นๆมาหลายปีเต็มที่ วันนี้ ขอนำเสนอสำหรับ สว.หรือ ผู้สูงวัย หรือ ผู้ชรากันบ้างครับ

มีข่าวจากการประชุมคณะรัฐมนตรี หรือ ครม.เมื่อวันอังคารที่8 พ.ย. โยนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ผู้ช่วยรัฐมนตรี ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเห็นชอบมาตรการรองรับสังคมผู้สูงอายุ ผ่าน 4 มาตรการแล้ว  ประกอบด้วย 1.การจ้างงานผู้สูงอายุ 2.การสร้างที่พักอาศัยสำหรับผู้สูงอายุ (Senior Complex) 3.สินเชื่อที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุ (Reverse Mortgage) และ 4.การบูรณาการระบบบำเหน็จบำนาญ โดยจัดตั้งคณะกรรมการนโยบายบำเหน็จบำนาญแห่งชาติและกองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งชาติ (กบช.)

สำหรับมาตรการแรกการจ้างงานผู้สูงอายุ ครม.ได้อนุมัติร่างพระราชบัญญัติกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่..)พ.ศ…. ซึ่งมีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล สำหรับเงินได้เป็นจำนวน 2 เท่า ของรายจ่ายที่ได้จ่าย เพื่อจ้างผู้สูงอายุที่มีอายุ 60 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป เข้าทำงาน ทั้งนี้เฉพาะรายจ่ายที่ได้จ่ายเพื่อการจ้างผู้สูงอายุในส่วนที่ไม่เกิน 10% ของจำนวนลูกจ้างในบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้น

                    ส่วนมาตรการที่ 2 เป็นการสร้างที่พักอาศัยสำหรับผู้สูงอายุ แบ่งเป็น 3 แนวทาง คือ 1.มอบหมายให้กรมธนารักษ์นำที่ราชพัสดุมาสร้างที่พักอาศัยสำหรับผู้สูงอายุ 4 พื้นที่นำร่อง ได้แก่ ชลบุรี, นครนายก,เชียงราย, เชียงใหม่ 2.มอบหมายให้การเคหะแห่งชาติ ธนาคารอาคารสงเคราะห์(ธอส.) และสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน(องค์การมหาชน) สนับสนุนการสร้างที่พักอาศัยสำหรับผู้สูงอายุบนพื้นที่อื่น 3.มอบหมายให้ธนาคารออมสิน และธอส.ให้การสนับสนุนสินเชื่อเงื่อนไขแบบผ่อนปรนให้กับผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ต้องการพัฒนาโครงการที่พักอาศัยสำหรับผู้สูงอายุ (Pre-Finance) ในวงเงินรวมไม่เกิน 4,000 ล้านบาท รวมถึงยังปล่อยสินเชื่อให้ผู้ต้องการมีบ้าน หรือ Post-Finance อีกด้วยโดยจะให้สิทธิ์ในการจองแก่บุตรที่ต้องการดูแลบุพการีผู้สูงอายุเป็นลำดับแรก

                    ขณะที่มาตรการที่ 3 เป็นการให้สินเชื่อที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุ เพื่อให้ผู้สูงอายุนำสินทรัพย์ที่ตนมีกรรมสิทธิ์มาเปลี่ยนเป็นรายได้ในการดำรงชีพ ซึ่งมูลค่ามาเปลี่ยนเป็นรายได้ในการดำรงชีพ ซึ่งมูลค่าเงินที่กู้ได้จะขึ้นอยู่กับอายุของผู้กู้ มูลค่าบ้านและอัตราดอกเบี้ย โดยให้ ธอส.ผู้นำร่องผลิตภัณฑ์โดยผู้กู้จะต้องมีอายุ 60 ปีขึ้นไป และมีกรรมสิทธิ์ในที่อยู่อาศัย อายุสัญญามี 2 รูปแบบ คือ อายุสัญญาตามอายุขัยของผู้กู้ และอายุสัญญาที่กำหนดช่วงเวลา และจะมีการจัดตั้งบริษัทค้ำประกันสินเชื่อที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุ หรือ มอตเกจ อินชัวรันส์ คัมปะนี เพื่อค้ำประกันความเสี่ยงของสินเชื่อที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุ

และ มาตรการสุดท้ายจะเป็นการบูรณาการระบบบำเหน็จบำนาญแห่งชาติ โดยครม.ได้อนุมัติร่างพระราชบัญญัติคณะกรรมการนโยบายบำเน็จบำนาญแห่งชาติ พ.ศ…. เพื่อกำหนดให้คณะกรรมการมีอำนาจหน้าที่จัดทำนโยบายและกำหนดทิศทางในการพัฒนา และกำกับดูแลระบบบำเหน็จบำนาญของประเทศให้มีความครอบคลุม และได้เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติ กบช. เพื่อจัดตั้งกองทุนสำรองเลี้ยงชีพภาคบังคับสำหรับแรงงานในระบบที่มีอายุตั้งแต่ 15-60 ปี ครอบคลุมลูกจ้างเอกชน ลูกจ้างชั่วคราว ส่วนราชการ พนักงานราชการ และพนักงานรัฐวิสาหกิจ ซึ่งไม่ได้เป็นสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ โดยกำหนดให้นายจ้างและลูกจ้างต้องร่วมกันส่งเงินเข้ากองทุนในอัตรา 3% ของค่าจ้าง แต่ไม่เกิน 1,800 บาทต่อเดือน ยกเว้นลูกจ้างที่มีรายได้ต่ำกว่า 1 หมื่นบาทต่อเดือน นายจ้างจะเป็นผู้จ่ายทั้งหมด

ส่วนกรณีที่มีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพอยู่แล้วแต่ส่งไม่ถึง 3% เช่น นำส่งกองทุนสำรองเลี้ยงชีพเดิมเดือนละ 1% ในส่วนที่เหลือก็ต้องมานำส่งที่ กบช.อีก 2% เพื่อให้ครบ 3% และลูกจ้างผู้ที่มีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพนี้จะสามารถเลือกรูปแบบการรับเงินได้เมื่อครบอายุตามกำหนด โดยสามารถเลือกรับเงินเป็นก้อน หรือรับตามงวดเป็นรายเดือนจนครบ 20 ปี โดยจะกำหนดให้สถานประกอบการที่มีลูกจ้างเกิน 100 คนขึ้นไปในปีแรกเข้าร่วมก่อน ส่วนหลังจากปีที่ 3 จะกำหนดให้สถานประกอบการมีลูกจ้างเกิน 10 คนขึ้นไป และหลังจากปีที่ 5 ให้ลูกจ้าง 1 คนขึ้นไป

       ท่านผู้ช่วยรัฐมนตรี สรุปว่า “มาตรการทั้งหมดนี้ ออกมาเพื่อรองรับสังคมผู้สูงอายุ เนื่องจากมีตัวเลขแสดงว่าประเทศไทยได้เข้าสู่การเป็นสังคมผู้สูงอายุ คือ มีประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไปไม่ต่ำกว่า 10% ของประชากรทั้งประเทศ มาตั้งแต่ปี 2551 และสิ้นปี 2558 ประเทศไทยมีอัตราส่วนผู้สูงอายุคิดเป็น 15% ของประชากรทั้งประเทศและคาดว่าจะกลายเป็นสังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ หรือมีประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไปไม่ต่ำกว่า 20% ของประชากรทั้งประเทศในปี 2568 “

                 ผมก็หวังว่า ท่านผู้อาวุโส หรือผู้ชรา คงจะพึงพอใจกับมาตรการของรัฐบาลนี้ไม่มากก็น้อยละครับ หากท่านไม่ได้อ่านบทความนี้ ลุกหลานบ้านไหน มีสว.มีคนชรา กรุณาบอกต่อด้วยครับ

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก แนวหน้าออนไลน์

อรุณ ช้างขวัญยืน/เรียบเรียง/รายงาน

CNX NEWS เจาะข่าว  ตรงใจคุณ