วันพฤหัสบดี, 25 เมษายน 2567

รัฐบาลอเมริกาควัก 500 ล้านซื้อที่ดินแยกปอยหลวง-จ่ายอีก 1,700 ล้าน สร้างสถานกงสุลแห่งใหม่

Spread the love

scoop21

สกู๊ปพิเศษ CNX NEWS

รัฐบาลอเมริกาควัก 500 ล้านซื้อที่ดินแยกปอยหลวง-จ่ายอีก 1,700 ล้าน สร้างสถานกงสุลแห่งใหม่

          

 มีรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 18 ก.ค.ที่ผ่านมา ครม.รับทราบตามที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี นำข้อเสนอของกระทรวงการต่างประเทศ ขอความเห็นชอบกรณีรัฐบาลสหรัฐอเมริกาแสดงความประสงค์จะซื้อที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างเพิ่มเติมในจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อก่อสร้างเป็นที่ทำการแห่งใหม่ของสถานกงสุลใหญ่สหรัฐอเมริกา ณ จังหวัดเชียงใหม่

โดยเมื่อวันที่ 25 เม.ย. 2560 ครม.ได้เห็นชอบให้รัฐบาลสหรัฐอเมริกาจัดซื้อที่ดินในจังหวัดเชียงใหม่เพื่อก่อสร้างเป็นที่ทำการแห่งใหม่ของสถานกงสุลใหญ่สหรัฐฯ ณ จังหวัดเชียงใหม่ จำนวน 22 แปลง เนื้อที่ 15 ไร่ 77 ตารางวา ติดกับถนนซูเปอร์ไฮเวย์เชียงใหม่-ลำปาง ตามโฉนดที่ดินอยู่ที่ตำบลหนองป่าครั่ง (วัดเกต) อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อขยายการให้บริการด้านกงสุล หนังสือเดินทาง การตรวจลงตราให้แก่ชุมชนชาวอเมริกันในจังหวัดเชียงใหม่และภาคเหนือตอนบน 15 จังหวัด จำนวน 16,000 คน และคนไทยที่รอการตรวจลงตรา เฉลี่ยปีละ 5,500 คน การก่อสร้างที่ทำการแห่งใหม่มีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1,750 ล้านบาท จะใช้บริษัทผู้รับเหมาก่อสร้างของไทยและวัสดุก่อสร้างภายในประเทศ รวมทั้งจ้างแรงงานไทยของบริษัทผู้รับเหมาก่อสร้าง

สถานกงสุลใหญ่สหรัฐแห่งใหม่จะเป็นการตอบสนองนโยบาย Under one roof policy รองรับหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐ 2 แห่ง ได้แก่ สำนักงานปราบปรามยาเสพติด สำนักงานกองทัพอากาศสหรัฐอเมริกา มีแผนเพิ่มจำนวนบุคลากรทางกงสุลและฝ่ายวิชาการ จำนวน 14 ตำแหน่ง ลูกจ้างชาวไทย 5 ตำแหน่ง

มีรายงานว่า ข้อมูลที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอคณะรัฐมนตรี ระบุด้วยว่า สำหรับที่ตั้งปัจจุบันของสถานกงสุลใหญ่ฯ ที่ จ.เชียงใหม่ มีข้อเสนอขอเช่าที่ราชพัสดุ ที่คุ้มเจดีย์งาม ถนนวิชยานนท์ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ต่อไปอีก เพื่อใช้เป็นที่พักและจัดกิจกรรมสำคัญ กงสุลสหรัฐฯ จะเช่าที่ดินต่อไปเพื่อเอาไว้เป็นบ้านพักของทูตกับเจ้าหน้าที่ และสำหรับการจัดงานต่างๆ ของสหรัฐอเมริกา

ข้อมูลที่เสนอ ครม.ระบุว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ถือครองกรรมสิทธิ์ที่ดินในประเทศไทย รวม 89 ไร่ 2 งาน 18 ตารางวา และเป็นเจ้าของห้องชุด 51 ห้อง การเช่าที่ราชพัสดุ กรมธนารักษ์ รวม 33 ไร่ 2 งาน 17 ตารางวา ขณะที่รัฐบาลไทยถือครองกรรมสิทธิ์ที่ดินและอาคารในสหรัฐ ฯ เพื่อเป็นที่ทำการทางทูตและทางกงสุล ฯลฯ จำนวน 10 แห่ง เนื้อที่ 8 ไร่ 2 งาน 58.56 ตารางวา เป็นการซื้อจากเอกชนทั้งหมด

       ข่าวแจ้งอีกว่า มติ ครม.เมื่อ 25 เม.ย. 2560 ยังมีมติให้กระทรวงการต่างประเทศเร่งรัดดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 24มกราคม 2560 (เรื่องการจัดทำความตกลงระหว่างรัฐบาลเครือรัฐออสเตรเลียกับรัฐบาลไทยว่าด้วยการยกเว้นภาษีทางอ้อมสำหรับโครงการก่อสร้างหรือซ่อมแซมที่ทำการทางการทูตที่ตั้งอยู่ในออสเตรเลียและไทยบนหลักต่างตอบแทน) ที่มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศ เป็นหน่วยงานหลัก รับไปพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดหลักเกณฑ์และแนวปฏิบัติที่เหมาะสม และเป็นมาตรฐานเกี่ยวกับการครอบครอง การจำหน่ายที่ดิน และการย้ายสถานที่ทำการทางการทูตของต่างประเทศในประเทศไทยให้ได้ข้อยุติแล้วเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป

               “โดยให้นำประเด็นข้อเสนอเกี่ยวกับการพิจารณาทบทวนและปรับอัตราค่าเช่าที่ราชพัสดุของรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ซึ่งเช่าจากกรมธนารักษ์ กระทรวงการคลังไปพิจารณาร่วมกันต่อไป โดยให้คำนึงถึงความสัมพันธ์อันดีของทั้งสองประเทศด้วย”

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก MGR.online

อรุณ ช้างขวัญยืน เรียบเรียง/รายงาน