มูลนิธิแก้ไขปัญหาการดื่มแอลกอฮอล์ (มปอ.)
เผยการรณรงค์ “จ้วยกั๋นหมู่เฮา เมาบ่ขับ” ช่วยลดอุบัติเหตุสูงถึง 5 เท่า
พร้อมสร้างให้ชุมชนตื่นตัว ส่งผลสู่การสร้างจิตสำนึกการป้องกันอุบัติเหตุระยะยาว
มูลนิธิแก้ไขปัญหาการดื่มแอลกอฮอล์ (มปอ.) ชี้การสร้างจิตสำนึกการดื่มอย่างรับผิดชอบผ่านโครงการ “จ้วยกั๋นหมู่เฮา เมาบ่ขับ” พร้อมเปิดโอกาสให้ชุมชนได้สร้างมาตรการในการป้องกันการเกิดอุบัติเหตุที่เหมาะสมกับโครงสร้างชุมชนของตนเองโดยตรงได้ผลเกินคาด ทั้งยังสร้างกลไกการดำเนินงานอย่างยั่งยืนให้แก่ท้องถิ่น ซึ่งถือเป็นการปลุกกระแสให้ชุมชนเกิดการตื่นตัวอย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้ มปอ. ได้รณรงค์ในพื้นที่ 3 จังหวัด ประกอบด้วย จ.เชียงใหม่ จ.เชียงราย และจ.พะเยา เตรียมพิจารณาขยายพื้นที่หลังชุนชนร้องขอให้ยื่นมือเข้าช่วย
นางสาววลี เกียรติพงษ์พันธ์ ผู้จัดการโครงการมูลนิธิแก้ไขปัญหาการดื่มแอลกอฮอล์ (มปอ.) เปิดเผยว่า ในปีนี้ มปอ. ได้ขยายขอบเขตการรณรงค์โดยเจาะลึกถึงพื้นที่ชุมชน พร้อมเปิดโอกาสให้ชุมชนได้แสดงความคิดเห็นและกำหนดแนวทางในการลดอุบัติเหตุนำร่องในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมาพบว่าพื้นที่รณรงค์ใน 3 จังหวัดมีสถิติการเกิดอุบัติเหตุลดลงจากปีที่ผ่านมา ที่สำคัญมาตรการที่เกิดขึ้นนั้นเกิดจากแนวคิดของชุมชนเองจึงได้รับความร่วมมือจากคนในชุมชนนั้นๆ อย่างดี และสามารถใช้มาตรการดังกล่าวในการลดการเกิดอุบัติเหตุได้ในระยะยาว ซึ่งสถิติการเกิดอุบัติเหตุที่ลดลงดังกล่าวนี้ ทำให้หลายหน่วยงานต่างให้ความสนใจและติดต่อเข้ามาเชิญชวนให้ มปอ. ไปร่วมรณรงค์และสนับสนุนในพื้นที่ของตนด้วย ซึ่งทาง มปอ. กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาในประเด็นดังกล่าว แต่ก็มีนโยบายที่สอดคล้องในเรื่องการขยายพื้นที่การรณรงค์ในอนาคต
“มปอ. เองเป็นหน่วยงานไม่แสวงหาผลกำไร ดังนั้นการจะขยายพื้นที่เพื่อการรณรงค์จึงทำได้อย่างมีข้อจำกัด เราจึงอยากให้หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ตลอดจนชุมชนในพื้นที่ต่างๆ ผนึกพลังร่วมกันในการรณรงรค์ลดการเกิดอุบัติเหตุที่มีสาเหตุมาจากการดื่มโดยขาดความรับผิดชอบ ดังเช่นในปีนี้ มปอ. ได้รับการสนับสนุนอย่างดีเยี่ยมจาก บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) และบริษัท มายา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด เข้ามาให้ทุนสนับสนุน ทำให้เราสามารถขยายพื้นที่รณรงค์ให้กว้างขึ้น โดยในปีหน้าเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับการสนับสนุนจากภาคเอกชนรายอื่นๆ เพื่อจะได้ต่อยอดพลังการรณรงค์ให้กว้างยิ่งขึ้นกว่าเดิม” นางสาววลี เกียรติพงษ์พันธ์ กล่าว
ด้านนายจุมพล ชัยรุ่งเรือง กำนัน ต.บ้านคือ อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ หนึ่งในพื้นที่รณรงค์ที่ทาง มปอ. ได้ร่วมกับ สปช. เข้าไปให้ความรู้และสนับสนุนเงินทุน พร้อมเปิดโอกาสให้ชุมชนได้สร้างสรรค์มาตรการการป้องกันอุบัติเหตุด้วยตนเอง เปิดเผยว่า ในปีนี้ชาวชุมชน ต.แม่คือ ได้ตื่นตัวและให้ความร่วมมือกับหน่วยงานที่ร่วมรณรงค์เป็นอย่างมาก โดยชุมชนได้รับการสนับสนุนจากทั้งภาครัฐ มูลนิธิแก้ปัญหาการดื่มแอลกอฮอล์ (มปอ.) และ สมาคมพัฒนาประชากรและชุมชน (สปช.) ในการจัดทีมจักรยานรณรงค์ การจัดรถแห่เพื่อสร้างจิตสำนึกการดื่มอย่างรับผิดชอบ รวมไปถึงการจัดขายอุปกรณ์เพื่อการขับขี่ที่ปลอดภัยในราคาพิเศษทำให้ชาวบ้านเข้าร่วมโครงการจำนวนมาก ส่งผลให้สถิติอุบัติเหตุของ ต.แม่คือ ในปีนี้ลดลงจากปีที่ผ่านมา15ราย ลดลงเหลือเพียง 3 รายในปีนี้ และจากสถิติที่ลดลงถึง 5เท่านี้เองทำให้ทาง อ.ดอยสะเก็ด เตรียมขอความร่วมมือจาก มปอ. ในการขยายพื้นที่รณรงค์เพิ่มเติมครอบคลุมทุกตำบลใน อ.ดอยสะเก็ดในอนาคต
ในขณะที่นายสมชาย จันโจ้ก ตัวแทนอาสาสมัครและผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน อ.บ้านเด่น จ.เชียงราย กล่าวว่า ในปีนี้ บ้านเด่น ไม่มีอุบัติเหตุที่เกิดจากการขับขี่โดยประมาทและการดื่มสุราแต่อย่างใด เทียบจากปีที่ผ่านมามีเกิดขึ้นประมาณ 2-3ราย ทั้งนี้เนื่องจากชาวบ้านได้มีการวางมาตรการของชุมชนในการป้องกันอุบัติเหตุด้วยตนเอง และหมั่นสอดส่องดูแลหากพบเห็นความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุก็รีบดำเนินการตั้งแต่ระยะป้องกัน ซึ่งแนวคิดดังกล่าวได้รับมาจากการเข้าร่วมการอบรมที่จัดขึ้นโดย มูลนิธิแก้ไขปัญหาการดื่มแอลกอฮอล์ (มปอ.) และอยากที่จะให้มีโครงการดีๆ เช่นนี้ต่อไป
“ความสำเร็จในการรณรงค์โครงการ “จ้วยกั๋นหมู่เฮา เมาบ่ขับ” นั้น จะเกิดขึ่นไม่ได้ หากขาดการร่วมมือกันระหว่าง 3 ภาคี ประกอบด้วย ภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคสังคม ผลของการรณรงค์ของโครงการในครั้งนี้ ถือเป็นรูปธรรมแห่งความสำเร็จที่สะท้อนออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน ซึ่งแนวคิดดังกล่าวนี้ สามารถขยายผลจากการรณรงค์ลดอุบัติเหตุไปสู่การสร้างกรอบแนวคิดในการรณรงค์ในเรื่องอื่นๆ ได้ด้วยเช่นกัน ดังนั้นการให้ในครั้งนี้ ถือเป็นการให้ความคิดเพื่อก่อให้เกิดวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล ซึ่งถือเป็นการให้ที่ยั่งยืนเพื่อสร้างให้เกิดสังคมที่พัฒนาไปได้ในอนาคตอย่างยั่งยืนเช่นกัน” นางสาววลี เกียรติพงษ์พันธ์ กล่าวสรุป
สำนักข่าว CNX NEWS เจาะข่าว ตรงใจคุณ