วันพฤหัสบดี, 25 เมษายน 2567

พิพากษา “ประหารชีวิต” แก๊งขนยาบ้าเชียงราย-เชียงใหม่ มูลค่า 60 ล้าน

16 ก.ค. 2014
196
Spread the love

พิพากษา “ประหารชีวิต” แก๊งขนยาบ้าเชียงราย-เชียงใหม่ มูลค่า 60 ล้าน

 

16 ก.ค. 2557 – พิพากษาประหารแก๊งขนยาบ้าเชียงราย-เชียงใหม่ มูลค่า 60 ล้าน ศาลชี้ทำเป็นกระบวนการ แบ่งหน้าที่กันทำ

 

ศาลอ่านคำพิพากษาคดียาเสพติด หมายเลขดำ อย.7761/2555 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดียาเสพติด 9 เป็นโจทก์ฟ้องนายสำราญ แสนหลวง อายุ 49  ปี ,นายพงศภัค เรืองกิจสุวรรณ อายุ 43 ปี ,นายสมยศ เล่าหมี่ อายุ  44 ปี และนายนพพร พนาศรีสมบูรณ์ อายุ 24 ปี ทั้งหมดมีภูมิลำเนาอยู่ที่ จ.เชียงใหม่ ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1 – 4 ในความผิดฐานมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 เมทแอมเฟตามีน หรือยาบ้าไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต ,สมคบกันกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ฯ ฟ้องโจทก์เมื่อวันที่ 7 ธ.ค. 55 ระบุความผิดสรุปว่า

เมื่อระหว่างวันที่ 10 -13 ก.ย.  55  ต่อเนื่องกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจปราบปรามยาเสพติด รับแจ้งจากสายลับว่า จะมีผู้ขบวนการลักลอบลำเลียงยาเสพติด จาก  จ.เชียงราย  มาส่งให้เอเย่นต์ ที่ จ.เชียงใหม่ โดยใช้เส้นทาง  ถ.สายพร้าว  เวียงป่าเป้า เจ้าหน้าที่จึงตั้งด่านตรวจ  พบรถกระบะ ยี่ห้อ อีซูซุ 2 คันขับแล่นตามกันมา โดยคันแรกมีจำเลยที่ 1 และ  2  นั่งมา ส่วนคันที่ 2  มีจำเลยที่ 3 และ 4 นั่งมา  และจากการตรวจบัตรประจำตัวพบว่ามีภูมิลำเนาอยู่ที่เดียวกัน อีก ทั้งจำเลยที่ 2   และ 4  ยังเป็นพี่น้องมีบิดา – มารดาเดียวกัน  ส่วนจำเลยที่ 3 มีศักดิ์เป็นน้อง เขยของจำเลยที่ 2 และเป็นพี่เขยของจำเลยที่ 4  เมื่อ ตรวจค้นรถกระบะคันแรกไม่พบสิงผิดกฎหมาย  แต่รถกระบะคันที่ 2  พบเป้สีเขียว 6  บรรจุยาบ้าใบละ 1 แสนเม็ด รวม  6   แสนเม็ด มูลค่า 60 ล้านบาท วางซุกซ่อนอยู่ด้านล่างกระสอบใส่มูลไก่เต็มกระบะ จึงนำตัว พร้อมของกลางหลายรายการ  อาทิ ยาเสพติด,โทรศัพท์มือถือ 5   เครื่องและอื่น ๆ ส่งพนักงานสอบสวน บก.ปส. 3  บช.ปส.  ดำเนินคดี

ชั้นสอบสวน จำเลยที่ 1 และ2  ให้การปฏิเสธ  อ้างว่า เดินทางกลับจากช่วยงานศพ ไม่เคยรู้จักกับจำเลยที่ 3 และ  4 มาก่อน ส่วนจำเลยที่ 3, 4  ให้การรับสารภาพตลอด ว่า กำลังจะนำยาบ้าไปส่งให้เอเย่นต์ที่ รพ.นครพิงค์  จ.เชียงใหม่ โดยจะได้รับค่าจ้างจำนวน 5 แสนบาท

ศาลพิเคราะห์คำเบิกความและพยานหลักฐานที่นำสืบหักล้างกันแล้วเห็นว่า  จำเลยที่ 1,2  มีหน้าที่ขับรถนำทาง สำรวจเส้นทาง และด่านตรวจ โดยจำเลยที่ 3 ,4  มีหน้าที่ขับรถลำเลียงยาเสพติด  ซึ่งจำเลยที่ 1 ,2 โทรศัพท์แจ้งให้จำเลยที่ 3,4 ทราบตลอดเส้นทาง การกระของพวกจำเลยมีลักษณะเป็นกระบวนการ  – แบ่งหน้าที่กันทำ เพื่อให้พ้นการจับกุม ข้ออ้างของจำเลยที่ 1,2 เป็นข้ออ้างลอย  ๆ ไม่สามารถหักล้างพยานหลักฐานโจทก์ได้

พิพากษาว่า จำเลยทั้งสี่ กระทำผิด พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษพ.ศ. 2522  มาตรา 15  วรรคสาม (2),66 วรรคสาม และ 102  , พ.ร.บ.มาตรการในการปราบปรามผู้กระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ.2534   มาตรา 8  ให้ลงโทษประหารชีวิตจำเลยทั้งสี่  คำรับสารภาพของจำเลยที่ 3,4  เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษกึ่งหนึ่งเหลือจำคุกทั้งสองไว้ตลอดชีวิต ส่วนจำเลยที่ 1,2 คงประหารชีวิตสถานเดียว ริบของกลาง
ขอบคุณภาพและข่าว
CNX NEWS รายงาน