วันศุกร์, 19 เมษายน 2567

ผลการประชุมร่วม ครม.ไทย-ลาว เห็นพ้องให้เร่งดำเนินการความร่วมมือ 8 ข้อ

Spread the love

 

                ผลการประชุมร่วม ครม.ไทย-ลาว เห็นพ้องให้เร่งดำเนินการความร่วมมือ 8 ข้อ โดยเร่งรัดให้เกิดความคืบหน้า พร้อมทั้งสานความร่วมมือให้เกิดผลสัมฤทธิ์อย่างเป็นรูปธรรม ภายใต้บรรยากาศของความใกล้ชิด จริงใจ และเต็มไปด้วยไมตรีจิตที่ดีต่อกัน

 

การประชุมคณะรัฐมนตรีร่วมไทย-ลาวอย่างไม่เป็นทางการ ครั้งที่ 2 หรือ The 2nd Thai-Lao Joint Cabinet Retreat  ณ โรงแรมเลอ เมอริเดียน จังหวัดเชียงใหม่ วันที่ 19 พ.ค.56 ที่ผ่านมา เริ่มขึ้นในเวลา 10.00 น. โดย นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ นายทองสิง ทำมะวง นายกรัฐมนตรีแห่ง สปป.ลาว พร้อมด้วยคณะรัฐมนตรีสำคัญของทั้งสองประเทศ โดยมีการหารือในประเด็นสำคัญ และเร่งรัดให้เกิดความคืบหน้า พร้อมทั้งสานความร่วมมือให้เกิดผลสัมฤทธิ์อย่างเป็นรูปธรรม ภายใต้บรรยากาศของความใกล้ชิด จริงใจ และเต็มไปด้วยไมตรีจิตที่ดีต่อกัน โดยผลการประชุมได้มีการหารือและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในประเด็นความมั่นคง เศรษฐกิจ และ วัฒนธรรม รวม 8 ประเด็น สรุปได้ดังนี้

ความร่วมมือด้านการเมืองและความมั่นคง ได้มีการหารือใน 4 ประเด็น ได้แก่ การรักษาความสงบเรียบร้อยตามแนวชายแดน โดยจะร่วมมือตรวจตราสอดส่องและป้องกันการกระทำของกลุ่มผู้ไม่หวังดีต่ออีกประเทศ หากพบเบาะแสหน่วยงานความมั่นคงจะแจ้งและประสานงานอย่างรวดเร็ว โดยไทยยืนยันจะไม่ให้บุคคลใดใช้ประเทศไทยเป็นที่พักพิงหรือวางแผนก่อความไม่สงบและต่อต้านรัฐบาล ด้านความร่วมมือในการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดน ทั้งสองฝ่ายจะร่วมมือกันเร่งรัดการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนให้สำเร็จลุล่วงโดยเร็ว ด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด  จะมีการยกระดับความร่วมมือในการป้องกันปัญหายาเสพติด การปราบปรามและนำส่งผู้กระทำความผิดและผู้หลบหนีการจับกุมลงโทษคดียาเสพติด โดยเห็นควรใช้ช่องทางติดต่อที่มีอยู่อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลและสั่งการได้อย่างรวดเร็ว ความร่วมมือด้านแรงงานและการป้องกันการค้ามนุษย์ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะร่วมมือป้องกันและปราบปรามการล่อลวงเด็กและสตรีเข้าสู่กระบวนการค้ามนุษย์ โดยฝ่ายไทยแสดงความพร้อมที่จะแก้ไขปัญหาแรงงานลาวผิดกฎหมายที่อาศัยอยู่ในราชอาณาจักรไทยและพร้อมอำนวยความสะดวกเรื่องการนำเข้าแรงงานลาวที่ถูกกฎหมายตามบันทึกความเข้าใจด้านการจ้างแรงงานไทย-ลาว โดยคณะรัฐมนตรีไทยมีมติขยายเวลาดำเนินการของศูนย์ One Stop Service เพื่อการพิสูจน์สัญชาติแรงงานลาวไปอีก 120 วัน นับตั้งแต่วันที่ 14 เมษายน 2556

สำหรับความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ ทั้งสองฝ่ายได้แสดงความมุ่งมั่นที่จะร่วมกันส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจและการค้า ใน 4 ประเด็น ได้แก่ การอำนวยความสะดวกในการผ่านแดน โดยเฉพาะการดำเนินการเรื่องการตรวจปล่อยสินค้า ณ จุดเดียว หรือ Single Stop Inspection (SSI) และปรับปรุงพื้นที่จุดผ่านแดนและเส้นทางคมนาคมที่ต่อเนื่องเพื่อแก้ไขปัญหาความล่าช้าในการเดินทางผ่านแดนและความแออัดของการสัญจรบริเวณจุดผ่านแดนสำคัญ  การส่งเสริมการค้าไทย-ลาว ซึ่งฝ่ายไทยพร้อมส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจ เพื่อช่วยสร้างรายได้ของประชาชน สปป.ลาว เพื่อประโยชน์ร่วมกันของไทยและลาว การใช้ประโยชน์จากเส้นทางถนนหมายเลข 8 และ 12 โดยให้เป็นเส้นทางเชื่อมโยงทางโครงสร้างพื้นฐานของภูมิภาค และส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจ การค้าและการลงทุนตามแนวเส้นทางทั้งสอง โดยฝ่ายไทยพร้อมส่งเสริมภาคเอกชนไทยให้ไปลงทุนบริเวณเส้นทางดังกล่าวอย่างเป็นรูปธรรม และฝ่ายลาวจะอำนวยความสะดวกและปรับปรุงการเก็บค่าธรรมเนียมการใช้เส้นทางให้ได้มาตรฐานในส่วนของการท่องเที่ยว นอกจากนี้ทั้งสองฝ่ายยังเห็นพ้องในการพัฒนาความเชื่อมโยงด้านการคมนาคม เพื่อเชื่อมโยงกับอนุภูมิภาค และระหว่างไทย-ลาว-จีน เช่น การสร้างสะพานเชื่อมต่อทางรถไฟ (หนองคาย-ท่านาแล้ง) เพื่อเป็นเส้นทางเชื่อมโยงกับทางรถไฟความเร็วสูงกับจีนตามแนวพื้นที่เศรษฐกิจเหนือ-ใต้และการประกาศเปิดจุดผ่านแดนถาวรไทย-ลาว 2 แห่ง ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 19 พ.ค.56  ได้แก่ จุดผ่านแดนภูดู่ จ.อุตรดิตถ์ และจุดผ่านแดนบ้านสบรวก จ.เชียงราย และ ความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว จะร่วมกันส่งเสริมการท่องเที่ยวในภูมิภาค และเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวไปมาระหว่างไทยและลาว รวมทั้ง สนับสนุนการใช้ ACMECS Single Visa หรือ ASV เพื่อเป็นแนวทางส่งเสริมการท่องเที่ยวและสร้างรายได้ในภูมิภาคและอาเซียน ซึ่งไทยและกัมพูชาได้เริ่มโครงการนำร่องก่อนหน้านี้แล้ว ทั้งนี้ที่ประชุมได้ร่วมกันพิจารณาการลงนามเอกสาร 3 ฉบับ ได้แก่ แถลงการณ์ร่วมการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างไม่เป็นทางการไทย-ลาว ครั้งที่ 2 บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการเกษตรไทย-ลาว และความตกลงว่าด้วยกรรมสิทธิ์ การนำใช้ การบริหาร และการบูรณรักษาสะพานมิตรภาพแห่งที่ 4 (เชียงของ-ห้วยทราย) และในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีทั้งสองประเทศยังได้แสดงความยินดีที่ปี 2556 เป็นปีแห่งการฉลองครบรอบ 20 ปี การก่อตั้งสมาคมไทย-ลาว / ลาว-ไทย เพื่อมิตรภาพ ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาคประชาชน สังคมและวัฒนธรรมและมีคุณูปการสำคัญในการส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศด้วย

 

สำนักข่าว
cnx news เจาะข่าว ตรงใจคุณ