วันศุกร์, 19 เมษายน 2567

‘ธาริต’ลุยสอบเองเหยื่อแชร์ธนธรรมไทยจ่อออกหมายเรียกสอบ 3 บริษัทใหญ่

13 ก.พ. 2013
439
Spread the love

ธาริต‘ลุยสอบเองเหยื่อแชร์ธนธรรมไทยจ่อออกหมายเรียกสอบ 3 บริษัทใหญ่ 

 

เผยหลายจังหวัดภาคเหนือถูกหลอกกว่า 1.2 หมื่นราย สูญเงินเบื้องต้นแล้วกว่า 30 ล้าน ส่วนดีเอสไอลุยจับผู้ต้องหาทันควันที่ปทุมธานี

วันที่ 11 ก.พ. 2556 นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เดินทางไปยังศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษ ภาคเหนือ จ.เชียงใหม่ เพื่อพอกับตัวแทนผู้เสียหายกว่า 50 คน ที่เข้าร้องเรียนถูกหลอกหลวงแชร์ลูกโซ่ที่ใช้ชื่อว่า  “สามระบบ สยบความจน” โดยที่ก่อนหน้านี้มีมีผู้เสียหายหลายจังหวัดในภาคเหนือทั้งเชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน  ลำปาง ทยอยเข้าร้องทุกข์กับดีเอสไอแล้วจำนวน 880 ราย ขณะที่ดีเอสไอได้รับเป็นคดีพิเศษเพื่อดำเนินการสอบ สวนเมื่อวันที่ 25 ม.ค. 2556

นายสุประดิษฐ์ ปัญญาสุริยะโชติ ตัวแทนผู้เสียหาย ให้ข้อมูลว่าในเดือน พ.ค. 2555 กลุ่มผู้เสียหายใน หลายจังหวัดภาคเหนือได้ถูกชักชวนให้เข้าร่วมเป็นสมาชิกสหกรณ์ออมทรัพย์ธนธรรมไทย อ้างว่ามีการดำเนิน ธุรกิจขายตรงน้ำมันรำข้าวและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ขณะเดียวกันสมาชิกยังมีสิทธิ์กู้เงิน 1 แสนบาท ทั้งยังมีกอง ทุนช่วยเหลือกรณีสมาชิกเสียชีวิตจะได้รับเงินรายละ 100,000 บาท คล้ายกับสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ ทั้ง หมดนี้ใช้ข้อความชวนเชื่อว่าแผนธุรกิจสามระบบสยบความจน คือ ตื่นได้เงินแสน ตายได้เงินแสน กู้ได้เงินแสน

การโฆษณาชักชวนให้สมัครสมาชิกมีทั้งผ่านทางเว็บไซต์และจัดอบรมตามโรงแรมต่าง ๆ ทั่วภาคเหนือ  โดยมีการเชิญเจ้าหน้าที่จากสหกรณ์จังหวัดเข้าไปบรรยายจนทำให้ชาวบ้านเชื่อถือยอมเสียเงินสมัครเป็นสมาชิกคนละ 2,650 บาท และยังมีอีกหลายรายที่ยอมซื้อหุ้น 5,000 หุ้น หุ้นละ 10 บาท เป็นเงิน 50,000 บาท  เพื่อเป็นหัวหน้าสาย หรือ stock kits เพื่อจะมีรายได้จากการหาสมาชิกรายละ 300 บาท

หลังจากมีชาวบ้านสมัครสมาชิจำนวนมาก ทางสหกรณ์มีการจ่ายเงินให้ตามที่ได้ระบุไว้ โดยเฉพาะ เงินกองทุนกรณีสมาชิกเสียชีวิต ที่เมื่อเป็นสมาชิกครบ 3 เดือน ได้ 30,000 บาท , 6 เดือน ได้ 50,000 บาท และ เป็นสมาชิกครบ 12 เดือน ได้รับเงิน 100,000 บาท ต่อมาไม่กี่เดือนนางณกนกภ์ ธุระกิจ ผู้ก่อตั้งสหกรณ์ออมทรัพย์ธนธรรมไทยได้ประชุมกรรมการ สหกรณ์ เชิญชวนให้เปลี่ยนจากการบริหารระบบสหกรณ์เป็นบริษัท โดยหว่านล้อมว่าการบริหารงานในรูปแบบ สหกรณ์จะทำให้การดำเนินการในส่วนต่าง ๆ ล่าช้า แต่หากเปลี่ยนเป็นบริษัทซึ่งมีตนเองเป็นกรรมการผู้มีอำนาจ จะทำให้การบริหารจัดการคล่องตัวโดยเฉพาะการปล่อยกู้ให้กับสมาชิกจะง่ายขึ้น ทำให้กรรมการที่มาจาก สมาชิกหลงเชื่อยอมให้เปลี่ยนเป็นบริษัทธรธรรมไทย เน็ทเวิร์ค จำกัด มีนางณกนกภ์เป็นกรรมการผู้มีอำนาจ กระทำการแทนบริษัท และยังจัดตั้ง หจก.ตื่นได้เงินแสน โโดยมีนายพรศิลป์ อินตานันท์ เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ  เข้าดำเนินการในการเปิดหาสมาชิกและฝึกอบรมสมาชิกตามจังหวัดต่าง ๆ

แต่หลังจากนั้นกลับพบว่าบริษัทเริ่มบ่ายเบี่ยงไม่ยอมจ่ายเงินให้สมาชิกหลายราย เมื่อติดตามสอบถาม ไปยังนางณกนภ์และนายพรศิลป์กลับได้รับการบ่ายเบี่ยง เมื่อสอบถามไปยังบรรดาสมาชิกที่รู้จักกันโดยเฉพาะใน  อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ ทำให้พบว่ามีเกือบพันรายที่ไม่ได้เงิน ขณะที่นางณกนกภ์ยังข่มขู่ด้วยว่าหากนำเรื่องไปแจ้ง ความจะไม่มีใครไเงินอีกเลย เมื่อชาวบ้านหลายคนทีลงทุนสมัครสมาชิกและซื้อหุ้นเริ่มรู้ตัวว่าถูกหลอกจึงรวมตัว เข้าร้องทุกข์กับดีเอสไอ

นายธาริต กล่าวว่า จากการตรวจสอบพบว่ามีการนำธุรกิจขายตรงมาบังหน้าแต่ไม่เคยให้สมาชิกได้ จำหน่ายสินค้าตามเงื่อนไข มีเพียงสินค้าตัวอย่างมาเป็นข้ออ้าง ขณะเดียวกันยังพบว่สสหกรณ์ที่เปิดดำเนินการ ไม่มีการจดทะเบียนจัดตั้งตามกฏหมาย พฤติกรรมทั้งหมดจึงเข้าข่ายการฉ้แโกงประชาชนและการกู้ยืมเงินที่เป็น การฉ้อโกงประชาชน หรือที่เรียกง่าย ๆ ว่าแชร์ลูกโซ่

ทั้งนี้หลังจากลงพื้นที่สอบสวนพบว่ามีผู้เสียหายทั้งหมดกว่า 12,000 ราย มีมูลค่าความเสียหายเบื้อง ต้นที่คำนวนจากสมาชิกที่เข้าร้องทุกข์กับดีเอสไอ 880 ราย เป็นเงินประมาณ 30 ล้านบาท ขณะที่นางณกนกภ์และนายพรศิลป์พบว่าเปิดบริษัทอยู่ที่ อ.คลองสอง จ.ปทุมธานี โดยดีเอสไอได้รวบรวมพยานหลักฐานเข้าจับกุมตัวได้ แล้วในช่วงสายวันนี้  11 ก.พ.

นายธาริต กล่าวว่า มูลค่าความเสียหายคาดว่าจะมากกว่า 30 ล้านบาท เชื่อว่ามูลค่าความเสียหายจะ มากขึ้นตามจำนวนผู้เสียหายที่จะเข้าแจ้งความหลังจากที่ผู้ต้องหาถูกจับกุมได้แล้ว

ด้าน พ.ต.อ.วิรัตน์  ถาดทอง รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์  กล่าวว่า หลังพนักงานสอบสวนตำรวจภูธรจังหวัด ได้เรียกสอบ  พาณิชย์จังหวัด เจ้าหน้าที่องค์การคลังสินค้า (อคส.)  และชุดเฉพาะกิจกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์  กรณีมันสำปะหลังในโครงการรับจำนำปีการผลิต 2554/55 ของบริษัทแสงอีสานการเกษตร จำกัด , บริษัท ชโลบลอินเตอร์ไพร์ส จำกัด  ที่มาเช่าเปิดลานรับจำนำที่ อ.หนองกี่และบริษัทธงฟ้าเทรดดิ้งจำกัดเช่าเปิดลานที่ อ.ละหานทราย  ได้หายไปกว่า 34,000 ตัน รวมมูลค่ากว่า 250ล้าน
จากผลการสอบสวนมีประโยชน์ต่อทางคดี ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างพนักงานสอบสวนเร่งตรวจสำนวน และรวมรวบข้อมูลพยานหลักฐาน   เพื่อออกหมายเรียกทั้ง 3 บริษัท เข้าให้ปากคำและแจ้งข้อกล่าวหาภายใสัปดาห์นี้ เพราะจากการสอบปากคำหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ทราบชัดเจนแล้วว่า มันในโครงการรับจำนำได้หายไปจากลาน ไม่ได้หายจากโกดังกลาง

รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด   ยังกล่าวอีกว่า   การเรียกสอบทั้ง 3 บริษัทในครั้งนี้  หากข้อมูลหลักฐานเชื่อมโยงไปถึงใครในขั้นตอนไหน ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการ หรือบุคคลใด  ก็จะดำเนินคดีตามกฎหมายโดยไม่ละเว้น เพราะเป็นการสร้างความเสียหายแก่งบประมาณของรัฐเป็นมูลค่ามหาศาลถึง 250
ล้านบาท

 

ขอบคุณภาพจาก http://www.chaoprayanews.com

สำนักข่าว

cnx news เจาะข่าว ตรงใจคุณ รายงาน