วันศุกร์, 19 เมษายน 2567

ท่าอากาศยานดอนเมืองโดนส้มหล่น

Spread the love

ท่าอากาศยานดอนเมืองโดนส้มหล่น

ขึ้นแท่นท่าโลว์คอสท์ใหญ่ที่สุดในโลก

scoop

            ท่านผู้อ่านครับ เรื่องนี้จะเรียกว่าอะไรดี ส้มหล่น บุญหล่นทับ แต่ก็น่าภามภูมิใจอยู่ เพราะในขณะที่ประเทศไทยมปัญหาในเรื่องการบิน เราก็พอมีข่าวดีบ้าง

            ที่จริง ท่าอากาศยานดอนเมืองเป็นท่าอากาศยานนานาชาติมาก่อน    แต่เมื่อสุวรรรภูมิสร้างเสร็จจึงกลายมาเป็นท่าอากาศยานสำหรับสายการบินในประเทศไป และเมื่อสายการบินเกืดขึ้นมากมายแล้วทุกสายการบินแห่ไปใช้ท่าอากาศยานดอนเมืองมันจึงเป็นเรื่องดีขึ้นมาแบบว่า ส้มหล่น ไงครับ

            มีข่าวปรากฏตามสื่อเมื่อสัปดาห์ก่อนโดยคุณนิตินัย   ศิริสมรรถการ ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือทอท. เปิดเผยในงานเสวนาเกี่ยวกับอุตสาหกรรมการบินระดับนานาชาติ เมื่อวันที่ 15 ก.ย. ว่า ขณะนี้ท่าอากาศยานดอนเมืองถูกจัดลำดับให้เป็นท่าอากาศยานบริการสายการบินต้นทุนต่ำ (โลว์คอสต์แอร์ไลน์) ที่ใหญ่สุดในโลก ภายหลังมีจำนวนผู้โดยสารใช้บริการมากถึง 22.5 ล้านคน/ปี สูงกว่าขีดความสามารถรองรับได้ที่ 18.5 ล้านคน/ปี แซงหน้าท่าอากาศยานของประเทศมาเลเซียจากที่เคยครองอันดับหนึ่งมาก่อนหน้านี้

                 คุณนิตินัยบอกว่าช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ดอนเมืองเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องประมาณ 50% จากเดิมในช่วงแรกที่กลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง หลังย้ายไปให้บริการที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ มีจำนวนผู้โดยสารเพียง 2 ล้านคน/ปี และคาดว่าจะเติบโตในอัตรานี้ไปอีกอย่างน้อย 10 ปี เพราะล่าสุด มีสายการบินทั่วโลกสั่งซื้อเครื่องบินใหม่ไปแล้ว 8,000 ลำ ในจำนวนนี้อยู่ในเอเชีย 2,800 ลำ เฉพาะในอาเซียนมีถึง 1,400 ลำ ดังนั้นจึงจะมีเครื่องบินให้บริการเพิ่มมากขึ้นแน่นอน ล่าสุดมีสายการบินใหม่จากจีน เกาหลี และญี่ปุ่น จะให้บริการเพิ่มเติมในเดือนพ.ย.นี้

คุณนิตินัยบอกอีกว่า เพื่อรองรับจำนวนผู้โดยสารและเที่ยวบินที่ใช้บริการเพิ่มมากขึ้น ทอท.อยู่ระหว่างเร่งปรับปรุงอาคาร 2 ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อให้รองรับ ผู้โดยสารได้ถึง 30 ล้านคน/ปี โดยจะเปิดให้บริการได้ประมาณปลายเดือนพ.ย.-ธ.ค. 2558 ซึ่งยังถือว่าอยู่ในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว (ไฮซีซั่น) และจะลดปัญหาความแออัดลงได้ ขณะเดียวกัน ทอท.ได้เตรียมแผนขยายระยะที่ 3 ไว้แล้ว เพื่อรองรับผู้ได้สารได้ถึง 40 ล้านคน/ปี โดยจะใช้งบประมาณ 5-7 พันล้านบาทดำเนินการ โดยจะรวมแผนการทำศูนย์ซ่อมบำรุงเครื่องบิน เรื่องของการขนส่งสินค้า และอื่นๆ เป็นต้น และเปิดให้ภาคเอกชนเข้ามาร่วมลงทุนด้วย

           ส่วน สถิติผู้โดยสารที่ใช้บริการท่าอากาศยานของ ทอท. ทั้ง 6 แห่ง ตั้งแต่เดือนต.ค. 2557-14 ก.ย. 2558 รวม 100 ล้านคนแล้ว ดังนั้นหลังสิ้นปีงบประมาณในสิ้นเดือนก.ย. 2558 นี้ จะเกิน 100 ล้านคนแน่นอน

สำหรับผลประกอบการในช่วง 3 ไตรมาสแรกของปี 2558 ทอท.มีกำไรแล้วประมาณ 1.3 หมื่นล้านบาท เท่ากับปีที่แล้วทั้งปี ดังนั้นคาดว่าตลอดทั้งปีจะมีกำไรมากที่สุดเท่าที่เคยดำเนินงานมา โดยในช่วง 5 ปีหลังจากนี้ ทอท.ยังมีแผนจะใช้งบประมาณ 1.4 แสนล้านบาท พัฒนาขีดความสามารถทุกท่าอากาศยานให้รองรับผู้โดยสารได้มากขึ้น

       ยังไม่ทันไร ล่าสุดมีข่าวดีตามมาอีกข่าว

คุณอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม เปิดเผยวันต่อมา ว่า หลังหารือกับผู้บริหารระดับสูงสายการบินแอร์ฟรานซ์ เคแอลเอ็ม ว่า แอร์ฟรานซ์ฯสนใจลงทุนจัดตั้งศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานร่วมกับบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ที่ท่าอากาศยานอู่ตะเภา จ.ชลบุรี เนื่องจากมองว่าไทยเป็นประเทศที่มีศักยภาพด้านการบินของอาเซียนสูง เชื่อมต่อการเดินทางเอเชียแปซิฟิกและยุโรปได้ ทั้งนี้ได้มอบหมายให้การบินไทยและแอร์ฟรานซ์ฯร่วมกันทำการศึกษาจัดตั้งศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยาน โดยแบ่งเป็น 3 ระยะ ให้แล้วเสร็จภายใน 9 เดือน (ต.ค.58-มิ.ย.59) เพื่อนำแผนเสนอให้คณะกรรมการบริษัทการบินไทยพิจารณาต่อไป โดยระยะที่ 1 เดือน ต.ค.-ธ.ค.58 ให้ศึกษารูปแบบความเหมาะสม ระยะที่ 2 เดือน ม.ค.-มี.ค.59 ศึกษารูปแบบการลงทุน และระยะที่ 3 เดือน เม.ย.-มิ.ย. 59 เริ่มจัดตั้งบริษัทร่วมทุนฯซึ่งหากจัดตั้งสำเร็จจะจ้างงานมากกว่า 350 คน ส่งผลให้ไทยเป็นศูนย์กลางด้านการซ่อมบำรุงอากาศยานที่สำคัญของโลก เนื่องจากปัจจุบันศูนย์ซ่อมบำรุงแบบครบวงจรยังไม่มีในไทย ทำให้สายการบินจะต้องบินไปซ่อมในประเทศสิงคโปร์ จีน และยุโรป

ข่าวรายงานว่า รายละเอียดโครงการนำร่องก่อนจัดตั้งศูนย์ซ่อมอากาศยานอู่ตะเภา มูลค่าลงทุนโครงการรวมทั้งสิ้น 15,273 ล้านบาท แบ่งการดำเนินการออกเป็น 3 ระยะ คือ ระยะที่ 1 ปี 59-61 ก่อสร้างโรงซ่อมเครื่องบิน 2 อาคาร โรงงาน 1 อาคาร และโรงซ่อมเครื่องยนต์ 1 อาคาร วงเงินลงทุนรวม 5,377 ล้านบาท ระยะที่ 2 ปี 64-66 เป็นการก่อสร้างโรงซ่อม โรงงานต่อเนื่องจากเฟสแรก วงเงินลงทุนรวม 4,799 ล้านบาท และระยะที่ 3 ปี 69-71 วงเงินลงทุนรวม 5,096 ล้านบาท.

                      ประเทศไทยเราแม้จะมีปัญหาการเมือง แต่จริงๆแล้ว การเมืองคือการเมือง แต่การเศรษฐกิจ การลงทุน ก็ยังเดินหน้าต่อไป  น่าสังเกตว่า สื่อ มักจะไปให้ความสำคัญกับข่าวการเมืองจนเกินงาม มีข่าวที่ไม่น่าเป็นข่าวเกิดขึ้นทุกวัน วันละมากมายจนเกินความพอดี แต่ข่าวที่ดีมีประโยชน์ ไม่ค่อยนำเสนอกัน

 

เนื้อหาโดย สำนักข่าวอิศรา-ไทยรัฐออนไลน์

 

อรุณ ช้างขวัญยืน.เรียบเรียงและรายงาน

เรียบเรียงและรายงานโดย อรุณ ช้างขวัญยืน

สำนักข่าว CNX NEWS เจาะข่าว ตรงใจคุณ