ทปอ.ประกาศผลแอดมิสชั่น เผย 8 เด็กเก่ง คะแนนสูงสุดคณะดัง

01 ก.ค. 2014
390
Spread the love

ทปอ.ประกาศผลแอดมิสชั่น เผย 8 เด็กเก่ง คะแนนสูงสุดคณะดัง

 

เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 1 ก.ค. ที่สมาคมอธิการบดีแห่งประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) ศ.นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล (มม.) ในฐานะประธานที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) แถลงผลการคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาต่อในสถาบันอุดมศึกษาระบบกลาง หรือแอดมิชชั่น ประจำปีการศึกษา 2557 ว่า ทปอ.ได้คัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาต่อในสถาบันอุดมศึกษาประจำปีการศึกษา 2557 เสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยจะประกาศผมอย่างเป็นทางการตั้งแต่เวลา 18.00 น.เป็นต้นไป ทาง www.cuas.or.th และเว็บไซต์ของหน่วยงานที่ร่วมประกาศผล 15 แห่ง โดยหลังจากนี้นักเรียนต้องเดินทางไปสอบสัมภาษณ์ในวัน เวลา และสถานที่ที่มหาวิทยาลัยกำหนด ระหว่างวันที่ 7-9 ก.ค.นี้ ส่วนมหาวิทยาลัยบูรพา จะกำหนดสอบข้างต้นระหว่างวันที่ 5-6 ก.ค.

ประธาน ทปอ. กล่าวต่อว่า สำหรับปีนี้มีผู้สมัครทั้งสิ้น 99,767 คน ที่สมัครเข้าศึกษาต่อในสถาบันอุดมศึกษาที่ ทปอ.คัดเลือกไว้ จำนวน 86 แห่ง เพื่อเข้าศึกษาใน 756 คณะ สาขาวิชา โดยมีรหัสคณะ สาขาวิชา ให้เลือกทั้งสิ้น 3,989 รหัส มีผู้ผ่านการคัดเลือกมีสิทธิ์สอบสัมภาษณ์และตรวจร่ายกาย ทั้งสิ้น 80,880 คน จำแนกเป็น 1.สถาบันอุดมศึกษาของรัฐที่อยู่ในสังกัดหรือกำกับของ สกอ. ประกอบด้วย มหาวิทยาลัยและสถาบัน 24 แห่ง แบ่งเป็นจำนวนรับ 79,308 คน มีสิทธิ์สอบสัมภาษณ์ 63,568 คน ส่วนมหาวิทยาลัยราชภัฏและมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล จำนวนรับ 23,677 คน มีสิทธิ์สอบสัมภาษณ์ 12,027 คน 2.สถาบันอุดมศึกษาของรัฐสังกัดหน่วยงานอื่น จำนวนรับ 1,166 มีสิทธิ์สอบสัมภาษณ์ 353 คน และ3.สถาบันอุดมศึกษาเอกชน จำนวนรับ 42,403 มีสิทธิ์สอบสัมภาษณ์ 4,932 คน

ศ.นพ.รัชตะ กล่าวอีกว่า โดยแอดมิชชั่นประจำปีการศึกษา 2557 นี้ มีนักเรียนทำคะแนนได้สูงสุดของคณะ สาขาวิชา จำนวน 8 ราย ประกอบด้วย 1.นายฉัตรมงคล ปิ่นทอง จาก ร.ร.กรุงเทพคริสเตียน ได้คะแนนร้อยละ 90.30 ในคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 2.น.ส.สุดารัตน์ วิรุฬห์ทรัพย์ จาก ร.ร.เซนต์โยเซฟคอนแวนต์ ได้คะแนนร้อยละ 88.59 ในคณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ 3.นายวิวัฒน์ เที่ยงธรรม จาก ร.ร.โยธินบูรณะ ได้คะแนนร้อยละ87.72 ในคณะนิติศาสตร์ จุฬาฯ 4.น.ส.ปภาวดี นิมิตกมลเลิศ จาก ร.ร.เตรียมอุดมศึกษา ได้คะแนนร้อยละ 87.21 ในคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาฯ

5.น.ส.กมลวรรณ สาระวารี จาก ร.ร.อำมาตย์พานิชนุกูล จ.กระบี่ ได้คะแนนร้อยละ 85.14 ในคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์(มธ.) 6.น.ส.สุวีรยา พิรัชต์ชัยกุล จากร.ร.โพธิสารพิทยากร ได้คะแนนร้อยละ 84.36 ในคณะจิตวิทยา จุฬาฯ 7.นายวิริยะ เธียรทนุกิจ จาก ร.ร.เตรียมอุดมศึกษา ได้คะแนนร้อยละ 84.14 ในคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ และ 8.นายชาคร ขจรไชยกูล จาก ร.ร.สาธิตจุฬาฯ ฝ่ายมัธยม ได้คะแนนร้อยละ 83.58 ในคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาฯ

นายฉัตรมงคล หรือน้องคิด ซึ่งทำคะแนนได้สูงสุดร้อยละ 90.30 ให้สัมภาษณ์ว่า ดีใจมากที่สอบได้คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาฯ เพราะเลือกไว้เป็นอันดับ 1 เนื่องจากชอบเรียนวิชาคณิตศาสตร์มาก โดยเคล็ดลับการเรียนคือตั้งใจเรียนในห้องเรียน และไม่ค่อยเรียนพิเศษมากนัก เพราะส่วนตัวเชื่อหากเราตั้งใจเรียนในห้องให้เข้าใจแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องไปเรียนพิเศษ รวมถึงหมั่นทบทวนเนื้อหาวิชาต่าง ๆ และฝึกทำข้อสอบและแบบฝึกหัดอย่างสม่ำเสมอ ที่สำคัญต้องมีวินัย มีความตั้งใจ และมีความรับผิดชอบ โดยเฉพาะช่วงใกล้สอบควรทุ่มเวลาอ่านหนังสือให้เต็มที่ ซึ่งตนปฏิบัติมาโดยตลอดจนทำให้ผลการเรียนอยู่ในเกณฑ์ค่อนข้างดี คือ 3.97 แต่ก็ไม่ได้เคร่ดเครียดกับการเรียนอย่างเดียว หากโรงเรียนมีกิจกรรมอะไรก็จะเข้าร่วมตลอดเวลา สำหรับเพื่อน ๆ ที่ยังไม่มีที่เรียน อย่าเพิ่งหมดหวังเพราะยังมหาวิทยาลัยอีกหลายแห่งที่ยังเปิดรับอยู่

ส่วน น.ส.กมลวรรณ หรือน้องอ๋อม ให้สัมภาษณ์ว่า รู้สึกตกใจมาก ไม่คิดว่าจะได้คะแนนสูงมาเป็นอันดับหนึ่ง พ่อแม่ดีใจมาก เพราะเป็นลูกคนสุดท้อง พี่น้องเรียนจบหมดแล้ว ทั้งนี้โดยส่วนตัวชอบเรียนภาษาจึงใฝ่ฝันอยากเรียนที่คณะศิลปศาสตร์ มธ. อยู่แล้ว อนาคตอยากเป็นนักแปล ปกติไม่ใช่เด็กที่เรียนเก่งมาก ผลการเรียนอยู่ในระดับกลางๆ แต่ชอบอ่านหนังสือ หาความรู้จากอินเตอร์เน็ต และฝึกทำแบบฝึกหัดอยู่เสมอ อยากเป็นกำลังใจให้เพื่อนๆ ที่ยังสอบไม่ติด ว่าอย่าท้อถอย ยังมีมหาวิทยาลัยอีกหลายแห่งเปิดรับ และขอให้พ่อแม่ทุกคนเข้าใจและให้กำลังใจคนที่พลาดแอดมิชชั่นทุกคน ซึ่งตนคติประจำใจที่ท่องไว้เสมอว่า แค่วันนี้มันแย่ แต่ไม่ใช่ชีวิตมันจะแย่ตลอดไป

ด้าน น.ส.สุดารัตน์ หรือ น้องมุก ให้สัมภาษณ์ว่า ดีใจมากที่สอบติดคณะดังกล่าว เพราะเป็นคณะที่ตนเองใฝ่ฝันอยากเข้าเรียน และเป็นอันดับหนึ่งที่เลือกเรียน ส่วนที่เลือกเรียนคณะดังกล่าว เนื่องจากตนชอบศึกษาเรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่างประเทศต่างๆ และคณะรัฐศาสตร์ มีสาขาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ซึ่งเมื่อได้ศึกษารายละเอียดของการเรียนการสอน ทำให้รู้ว่าคณะ และสาขานี้เหมาะสมกับเราที่สุด ตนเรียนสายวิทย์-คณิต จบมาด้วยเกรดเฉลี่ย 3.94 โดยตอนแรกที่เลือกเรียนสายดังกล่าว เพราะยังไม่มั่นใจว่าตัวเองอยากเรียนคณะอะไร ทำอาชีพอะไร จนเมื่อเรียน ม.4 จบ และค้นหาตัวเองก็รู้ว่าตัวเองสนใจเรื่องราวระหว่างประเทศไทยกับประเทศต่างๆ อีกทั้งได้พูดคุยกับอาจารย์ที่จบคณะ สาขาดังกล่าวมา จึงตัดสินใจเลือกเรียน ตอนเรียนม.ปลาย จึงมุ่งตั้งใจเรียนในห้องเรียน เพื่อทำคะแนนให้อยู่ในระดับดี และเรียนกวดวิชาเฉพาะในวิชาอังกฤษ วิชาสายสังคม เพราะต้องใช้ในการเรียนต่อ การเรียนกวดวิชามีความจำเป็นอย่างมาก เพราะโจทย์ ข้อสอบบางข้อ ในห้องเรียนก็ไม่ได้สอน ดังนั้น การเรียนในห้องเรียนอย่างเดียวไม่เพียงพอต่อเด็ก หากได้เรียนเสริมนอกห้องเรียนด้วยจะช่วยเพิ่มเติมความรู้ได้ อยากให้เพื่อนๆ น้องๆ ทุกคน ค้นหาตัวเองให้เจอว่าอยากเรียนอะไร อยากทำอาชีพอะไร และศึกษาว่าคณะที่เลือกเรียนนั้นเรียนอะไรบ้าง และมุ่งมั่นตั้งใจ อ่านหนังสือ เรียนในห้องเรียน และอย่าเครียด เพราะถ้าเราเครียดเราจะทำข้อสอบไม่ได้

นายวิวัฒน์ หรือ น้องต้น ให้สัมภาษณ์ว่า ดีใจที่สอบติดคณะดังกล่าว เพราะตอนนี้ตนกำลังศึกษาอยู่คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ แต่รู้สึกลังเลว่าสิ่งที่ตนเองเรียนอยู่นั้น เหมาะสมกับตัวเองหรือไม่ ดังนั้น เมื่อสอบติดคณะนิติศาสตร์ จุฬาฯ นี้ ตนก็จะได้ตัดสินใจว่าควรเลือกเรียนอะไร เพื่อเหมาะสมกับตัวเองมากที่สุด ส่วนการเลือกเรียนดังกล่าว จะถือเป็นการกันสิทธิ์เด็กคนอื่นหรือไม่นั้น คนอื่นอาจมองว่ากันสิทธิ์ แต่ตนเองก็ถือว่าเป็นสิทธิ์ที่จะยื่นคะแนนได้ สำหรับเคล็ดลับในการเรียนนั้น อยากให้น้องๆ ทุกคนตั้งใจอ่านหนังสือ และเรียนในห้องเรียน เพื่อให้ได้คะแนนดีๆ ส่วนการเรียนกวดวิชานั้น ถ้าเรียนก็จะช่วยมีความรู้เพิ่มเติม และทำข้อสอบโจทย์ต่างๆ ได้ดีขึ้น

ปิดท้ายที่นายวิริยะ หรือ น้องมิกกี้ ให้สัมภาษณ์ว่า ตกใจมากไม่คิดมาก่อนว่าจะสอบติดเป็นอันดับหนึ่งของคณะ เพราะมีคนเข้าสอบเยอะและแต่ละคนก็เก่งๆ เคล็บลับในการเรียนคือต้องมีเป้าหมายในการเรียน เมื่อตัดสินใจเลือกคณะแล้วก็ต้องวางแผนในการอ่านหนังสือและมุ่งมั่น ส่วนตัวไม่ได้ให้ความสำคัญกับการกวดวิชา แต่มองว่าเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง หากวิชาไหนที่ไม่มั่นใจก็กวดวิชาเพิ่ม อย่างไรก็ตามมองว่าการศึกษาของเด็กไทยวันนี้ให้เด็กเรียนหนักเกินไป จนบางทีพลาดการทำกิจกรรม การออกกำลังกาย แต่ที่จะให้เรียนวิชาประวัติศาสตร์และหน้าที่พลเมือง ตนเห็นด้วยเพราะมีประโยชน์ทำให้ได้รู้จักตัวเอง และปลูกฝังความรักชาติ สุดท้ายขอเป็นกำลังใจให้คนที่แอดมิชชั่นไม่ติดต่อสู้ต่อไป เพราะไม่ใช่สิ่งตัดสินชีวิตเรา

 

ที่มา http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRRd

 

สำนักข่าว CNX NEWS เจาะข่าว ตรงใจคุณ