ถ้าจับไม่ได้ก่อน คงก่อเหตุอีกหลายคดี โจ๋วัย 15และเพื่อนวิ่งราว ตร.สืบเมืองเชียงใหม่จับได้ไม่รอดคุก
เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2559 โดยการอำนวยการของ พล.ต.ต.มนตรี สัมบุณณานนท์ ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ , พ.ต.อ.ปรีชา วิมลไชยจิต รอง ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ , พ.ต.อ.ปิยะพันธ์ ภัทรพงศ์สินธุ์ รอง ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ , พ.ต.อ.อภิวัชร์ ไชยศรีสุทธิ์ ผกก.สภ.เมืองเชียงใหม่ , พ.ต.ท.บัณฑิต จิตต์ภาคภูมิ รอง ผกก.สส.สภ.เมืองเชียงใหม่ , นำโดย พ.ต.ต.ฐนศกณ ประมาณ สว.สส.ฯ , พ.ต.ต.อานนท์ เชิดชูตระกูลทอง สว.สส.ฯ , ร.ต.อ.อนันต์ คำมี รอง สว.สส.ฯ , ร.ต.ท.อนันต์ พรหมมานอก , ด.ต.ศักดา ถุงเงิน , ด.ต.เกียรติศักดิ์ หลักดี , ด.ต.พนาพันธ์ ผ่องพันธ์ , ด.ต.ธนวินท์ พรมวังขวา , ด.ต.สมทรัพย์ ดวงคำ , ส.ต.อ.ประดิษฐ์ แก้วก๋อง และ ส.ต.ต.เสถียร เปาแก้ว , ร.ต.อ.ธนัช ชัยสาร รอง สว.สส.ฯ , ร.ต.อ.ชัยพล ชัยชนะ รอง สว.สส.ฯ , ร.ต.ท.ทองอยู่ เชื้อยัง , ด.ต.วรรณชัย ตั๋นฟู , ด.ต.พยุง ยศสมบัติ , ด.ต.นิตินันท์ ลภัสไชยวัฒน์ , ด.ต.จีรวัฒน์ อาสาหม้อ , จ.ส.ต.ชิดติภัทร นิธิธนวิน , จ.ส.ต.ธฤต ดาวประกายเพชร , ส.ต.ท.ณัฐพล อุ่นเรือนพิงค์
ได้ร่วมกันจับกุม
1) นายเอ (นามสมมุติ) อายุ 15 ปี บ้านเลขที่ 63/1 ม.4 ต.ดอนแก้ว อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่
2) นายบี (นามสมมุติ) อายุ 17 ปี สัญชาติพม่า
พร้อมด้วยของกลาง
1.) ใบขับขี่ของ Mrs.Kaherine Sarah White จำนวน 1 ใบ
2.) บัตร BIG C จำนวน 1 ใบ
3.) ยาฉีดพี่น ยี่ห้อ VENPOINT จำนวน 1 ใบ
4.) กระเป๋าหนังสีครีม จำนวน 1 ใบ
5.) หมวกนิรภัย แบบเต็มใบ สีดำ มีลวดลาย จำนวน 1 ใบ
6.) หมวกนิรภัย แบบเต็มใบ สีขาวมีลวดลาย จำนวน 1 ใบ
7.) รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ ยามาฮ่า รุ่นสปาร์ค 115i สีแดง-ดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน (คันทะเบียน 1กภ-1390 เชียงใหม่) จำนวน 1 คัน
8.) เสื้อยืดคอกลม สีส้ม มีอักษร BITXH บริเวณหน้าอก จำนวน 1 ตัว
9.) เสื้อแจ็คเก็ตแขนยาว สีดำ จำนวน 1 ตัว
10.) กางเกงยีนส์ ขายาว จำนวน 2 ตัว
11.) รองเท้าผ้าใบ สีดำสลับอ่อน จำนวน 1 คู่
12.) รองเท้าแตะ แบบหูคีบ จำนวน 1 คู่
13.) ปลอกแขนผ้ายืด สีดำ จำนวน 1 คู่
โดยกล่าวหาว่า “ร่วมกันวิ่งราวทรัพย์ โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นการจับกุมหรือรับของโจร” ผู้ต้องหาทั้งสองคนให้การรับสารภาพในข้อหาร่วมกันวิ่งราวทรัพย์ โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นการจับกุม แต่ให้การปฏิเสธในข้อหารับของโจร เหตุเกิดเมื่อ วันที่ 14 ก.ย. 2559 เวลาประมาณ 23.30 น. โรงแรมแบตเตอรี่พาร์ค มิดทาวน์วิลล่า ถ.ช้างม่อยเก่า ต.ช้างม่อย อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ตำรวจสืบสวน สภ.เมืองเชียงใหม่ ได้รับแจ้งจากพนักงานสอบสวนว่าเกิดเหตุวิ่งราวทรัพย์ฯนักท่องเที่ยวชาวอเมริกา บริเวณโรงแรมแบตเตอรี่พาร์ค มิดทาวน์วิลล่า ถ.ช้างม่อยเก่า ต.ช้างม่อย อ.เมือง จ.เชียงใหม่ เวลาประมาณ 23.30 น. สอบสวนปากคำผู้เสียหาย ทราบว่าตามวันเวลาเกิดเหตุ ขณะที่ผู้เสียหายกำลังเดินทางกลับที่พักคือโรงแรมแบตเตอรี่พาร์ค มิดทาวน์วิลล่า ถ.ช้างม่อยเก่า ต.ช้างม่อย อ.เมือง จ.เชียงใหม่ มาถึงบริเวณหน้าโรงแรมแบตเตอรี่พาร์ค(ที่เกิดเหตุ) มีคนร้ายเป็นชาย 2 คน สวมหมวกกันน็อคสีดำ ขับขี่รถจักรยานยนต์ไม่ทราบยี่ห้อ ทะเบียน และสีรถ เข้ามาประชิดจากทางด้านหลังแล้วคนร้ายที่ซ้อนท้ายได้กระชากเอากระเป๋าสะพายหนังสีเทาเข้ม ซึ่งภายในมีหนังสือเดินทางประเทศอังกฤษของผู้เสียหาย จำนวน 1 เล่ม , เงินสด จำนวน 1,500 บาท แล้วขับขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไป จึงได้มาแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนพร้อมทั้งแจ้งตำหนิรูปพรรณคนร้ายและยานพาหนะที่คนร้ายขับขี่มาก่อเหตุ
ต่อมาวันที่ 16 ก.ย. 2559 เกิดเหตุวิ่งราวทรัพย์ฯนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ บริเวณหน้าวัดธาตุคำ ต.หายยา อ.เมือง จ.เชียงใหม่ เวลาประมาณ 23.00 น. ขณะที่ผู้เสียหายกำลังปั่นจักรยานอยู่บนถนนสุริยวงษ์ มีคนร้ายเป็นชาย 2 คน สวมหมวกกันน็อคสีดำ ขับขี่รถจักรยานยนต์ไม่ทราบยี่ห้อ ทะเบียน และสีรถ เข้ามาประชิดจากทางด้านหลังแล้วคนร้ายที่ซ้อนท้ายได้กระชากเอากระเป๋าซึ่งภายในมีโทรศัพท์มือถือ,เอกสาร,เงินสด แล้วหลบหนีไป(แยกดำเนินคดีอีกส่วนหนึ่ง)
หลังจากที่เกิดเหตุวิ่งราวทรัพย์ในพื้นที่บ่อยครั้ง และคาดว่าน่าจะเป็นคนร้ายกลุ่มเดียวกัน เนื่องจากมีตำหนิรูปพรรณและยานพาหนะคล้ายคลึงกัน เมื่อทราบข้อมูลแล้วเจ้าพนักงานตำรวจฯได้ออกสืบสวนติดตามคนร้ายที่ก่อเหตุวิ่งราวทรัพย์ฯและทรัพย์สินที่ถูกประทุษร้ายอย่างต่อเนื่อง พร้อมกำหนดแนวทางการสืบสวนโดยตรวจสอบรายละเอียดจากกล้องวีดิโอวงจรปิดของเทศบาลนครเชียงใหม่,สถานที่เกิดเหตุและในบริเวณใกล้เคียง ซึ่งคาดว่าเป็นเส้นทางที่คนร้ายเดินทางมาก่อเหตุและหลบหนี(เมื่อวันที่ 14 ก.ย. 2559) จนกระทั่งทราบตำหนิรูปพรรณของคนร้ายและยานพาหนะที่นำมาก่อเหตุ โดยใช้เส้นทางก่อนก่อเหตุ มาจากถนนลอยเคราะห์ซอย 1 มุ่งหน้าเข้าสู่ถนนลอยเคราะห์ , ตรงเข้าถนนท่าแพ ซอย 4 ออกถนนท่าแพ , เลี้ยวเข้าซอยช้างม่อยเก่า แล้วตรงเข้าไปก่อเหตุวิ่งราวทรัพย์ผู้เสียหายชาวอังกฤษ ที่โรงแรมแบตเตอรี่พาร์ค มิดทาวน์วิลล่า และหลบหนีโดยใช้เส้นทาง ผ่านโรงแรมที่เกิดเหตุ เลี้ยวขวาเข้าสู่ถนนสิทธิวงศ์ , เลี้ยวซ้ายเข้าถนนช้างม่อย , แยกประตูจีนเลี้ยวขวาเข้าถนนช้างม่อยตัดใหม่ และผ่านแยกกำแพงดิน จากนั้นนำกระเป๋าของผู้เสียหายไปทิ้งไว้บริเวณปากซอยโรงเรียนศรีปิงเมือง ก่อนออกถนนมหิดลขาออกเมือง ซึ่งทรัพย์สินของผู้เสียหายชาวอเมริกัน ในอีกคดีหนึ่งที่เกิดเหตุเมื่อวันที่ 16 ก.ย. 2559 ก็ถูกนำมาทิ้งไว้บริเวณจุดนี้เช่นกัน
จากการสืบสวนขยายผลการกระทำความผิดของคนร้ายในคดีนี้รับว่า ได้ร่วมกันก่อเหตุวิ่งราวทรัพย์ในลักษณะเดียวกันในเขตท้องที่ สภ.เมืองเชียงใหม่ อีกจำนวน 2 ครั้ง ดังนี้
1.) วันที่ 16 ก.ย. 59 เวลากลางคืน ร่วมกันก่อเหตุวิ่งราวทรัพย์ฯชาวต่างชาติ ได้ทรัพย์สินไป ได้แก่ เงินสดประมาณ 3,000 บาท , เอกสารต่างๆ , โทรศัพท์มือถือ จำนวน 2 เครื่อง , กระเป๋าสะพายแบบผู้หญิง บริเวณหน้าวัดธาตุคำ ต.หายยา อ.เมือง จ.เชียงใหม่ เวลาประมาณ 23.00 น. หลังจากก่อเหตุได้เอาไปเพียงเงินสด ส่วนทรัพย์สินอื่นได้นำไปทิ้งปากซอยโรงเรียนศรีปิงเมือง ฝั่งถนนมหิดล
2.) วันที่ 16 ก.ย. 59 เวลากลางคืน ร่วมกันก่อเหตุวิ่งราวทรัพย์ฯ ได้ทรัพย์สินไปคือ โทรศัพท์มือถือยี่ห้อซัมซุง สีทอง จำนวน 1 เครื่อง ที่โรงแรมเลิฟโบต ถ.โพธาราม ต.ช้างเผือก อ.เมือง จ.เชียงใหม่
จึงได้นำตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 รายส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีต่อไป
