ตำรวจปราบปรามยาเสพติด จับขบวนการค้ายารายสำคัญ ในปฏิบัติการทริปเปิ้ล 999 มูลค่ากว่าร้อยล้านบาท
ตำรวจปราบปรามยาเสพติด จับขบวนการค้ายารายสำคัญ 33 ราย พร้อมของกลางยาบ้า รวมประมาณ 172,000 เม็ด ไอซ์ 11 กิโลกรัม เคตามีนชนิดน้ำ 520 ขวด ยาอี 1,450 เม็ด กัญชา 1 กิโลกรัม เคตามีนชนิดผง 480 กรัม และชนิดเกร็ด 1 ซอง เงินสดประมาณ 30 ล้านบาท เครื่องประดับ เพชร-ทองรูปพรรณ อาวุธปืน ยาอันตราย(ยาปลุกเซ็กซ์)จำนวน 1 คันรถบรรทุก 6 ล้อ รถยนต์และอื่นๆอีกจำนวนมากรวมมูลค่ากว่า 100 ล้าน
วันที่ 15 กันยายน 2559 เวลา 10.00 น. ได้มีการแถลงข่าวการจับกุมยาเสพติดและยึดทรัพย์ตามคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ 41/2557 เรื่องการปราบปรามและหยุดยั้งการแพร่ระบาดของยาเสพติด โดยมีพลเอกไพบูลย์ คุ้มฉายา ผอ.ศอ.ปส./รอง หน.คสช./รมว.กระทรวงยุติธรรม เป็นประธานในการประชุมได้กำชับการปฏิบัติให้ทุกหน่วยดำเนินการป้องกันกันการแพร่ระบาดของยาเสพติดมิให้เพิ่มขึ้นและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รอง ผบ.ตร.(ปส.1) พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รองผบ.ตร.(ปป.2) และ พล.ต.ท.คำรบ ปัญญาแก้ว ผู้ช่วย ผบ.ตร.(ปส.2) ร่วมรับผิดชอบงานป้องกันปราบปรามยาเสพติด เพื่อขับเคลื่อนให้หน่วยงานในสังกัดที่เกี่ยวข้องถือดำเนินการตามคำสั่ง
โดยมีหลายหน่วยงานที่ร่วมมือแบบบูรณาการเช่น กองทัพบก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงาน ปปส. สำนักงาน ปปง. สำนักงานอาหารและยา นำโดย พล.ต.ท.เรวัช กลิ่นเกสร ผบช.ปส. พล.ต.ต.ศุภกิจ ศรีจันทรนนท์ รองผบช.ปส. พล.ต.ต.อาชวันต์ โชติกเสถียร รอง ผบช.ปส. พล.ต.ต.ชินภัทรา สารสิน รอง ผบช.ปส. พล.ต.ต.เพชรัตน์ แสงไชย รองผบช.ปส. พล.ต.ต.ชาตรี ไพศาลศิลป์ ปบก.ปส.4 พล.ต.ต.ณรงค์สักดิ์ ขันธวิจารณ์ ผบก.ขส. พล.ต.ต.ทนัย อภิชาตเสนีย์ ผบก.สกส. พ.ต.อ.ชัยโรจน์ ชัยยะ รองผบก.ปส.2 ทำหน้าที่โฆษก บช.ปส. พ.ต.อ.วรวิทย์ ไวถนอมสัตว์ รอง ผบก.ปส.1 หน.สนง.ผบช.ปส.ได้ร่วมกันอำนวยการสืบสวนเร่งรัดให้ผู้ใต้บังคับบัญชาปราบปรามยาเสพติดดังปรากฏผลการจับกุมขบวนการค้ายาเสพติดดังนี้ เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2559 เจ้าหน้าที่ ตร.ปช.ปส.ร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหาร เจ้าพนักงาน ป.ป.ส.เจ้าพนักงาน ปปง. เจ้าพนักงาน อย.พิสูจน์หลักฐานและ DSI สนธิกำลังปิดล้อมตรวจค้น เครือข่ายนักค้ายาเสพติดนายศดายุ เหลืองประดับใจ ในพื้นที่ จ.นครราชสีมา กรุงเทพฯ จ.นนทบุรี จ.สมุทรปราการ จ.นครปฐม จ.ชลบุรี จ.หนองคาย จ.ชุมพร สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 14 คน นอกจากนี้ได้ดำเนินคดีกลุ่มเครือข่ายที่ถูกจับกุมในข้อหา ร่วมกันครอบครองยาเสพติดเพื่อจำหน่าย จำนวน 17 คน (ส่งพนักงานสอบสวน สภ.หมูสี ภจว.นครราชสีมา) รวมผู้ต้องหาในคดีนี้ 33 ราย พร้อมด้วยของกลาง รวมทั้งสิ้น 16 รายการ ประกอบด้วย ยาบ้า จำนวน 172,000 เม็ด ยาไอซ์ จำนวจ 6 ก.ก. ยาอี จำนวน 1,450 เม็ด เคตามีนชนิดน้ำ จำนวน 520 ขวด กัญชา จำนวน 1 ก.ก.เคตามีนชนิดผง จำนวน 6.4 ก.ก. ยาปลุกเซ็กซ์ จำนวน 1 คันรถหกล้อ รถยนต์เก๋ง รถยนต์กระบะ รถยนต์ตู้ รวมกันจำนวน 11 คัน รถจักรยานยนต์ จำนวน 2 คัน เงินสด 33,560,970 บาท เงินสดในบัญชีประมาณ 600,000 บาท (อายัดบัญชี) ตู้เซฟ จำนวน 1 ตู้ อาวุธปืน จำนวน 7 กระบอก เครื่องกระสุนปืนขนาด .45 ประมาณ 800 นัด สำเนาพันธบัตรเงินลาวจำนวน 1 หมื่น 7 พันล้านกลีบ มูลค่าเป็นเงินไทยประมาณ 56 ล้านบาท โทรศัพท์มือถือจำนวนหลายเครื่อง โดยกล่าวหาว่า ร่วมกันมียาเสพติดประเภทที่ 1 (ยาบ้า,ไอซ,ยาอี) ไว้ในครอบครองและจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันมียาเสพติดประเภท 5 (กัญชา) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ร่วมกันมีวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทประเภท 2 (เคตามีน) ไว้ในครอบครอง เพื่อขายโดยไม่ได้รับอนุญาต และแจ้งข้อหา สมคบโดยตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ได้มีการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน ร่วมกันฟอกเงิน
ในการจับกุมครั้งนี้ ผู้ต้องหาส่วนมากเป็นวัยรุ่นช่วงอายุ 20-25 ปีโดยมีนายศดายุ หรือโน้ต เหลืองประดับใจ มีพฤติกรรมลักลอบค้ายาเสพติดให้ได้มาซึ่งเงินไปใช้จ่ายซื้อทรัพย์สินสิ่งของไปใช้ในชีวิตประจำวันอย่างฟุ้งเฟ้อ โดยติดต่อหายาเสพติดมาจากกลุ่มผู้ค้าฝั่งประเทศเพื่อนบ้านและนำมากระจายให้ลูกค้าในพื้นที่ กรุงเทพฯ ปริมณฑล และจังหวัดใกล้เคียง จากการเฝ้าสะกดรอยติดตามพฤติกรรม ทำให้ทราบเครือข่ายบุคคลต่าง ๆ รวมถึงหน้าที่ ที่แบ่งกันทำอย่างชัดเจน ซึ่งเมื่อวัยรุ่นกลุ่มนี้ได้เงินจำนวนมาจากการค้ายาเสพติด นำไปเที่ยวเตร่นัดหมายมั่วสุมตามจังหวัดต่าง ๆ จากการรวบรวมพยานหลักฐานของเครือข่ายกลุ่มนี้ ทำให้สามารถขอนุมัติศาลออกหมายจับ ผู้เกี่ยวข้องในระดับสั่งการ คือ นายสดายุ เหลืองประดับใจ และ นางไชยวรรณ อังคะโชติ และระดับอื่น ๆ เช่นเฝ้าและรับส่งยาเสพติด กดถอนเงินที่ได้จากจำหน่ายยาเสพติดรวมจำนวน 8 หมาย วันที่ 13 กันยายน 2559 ทราบว่าเครือข่ายยาเสพติด นายศดายุ เหลืองประดับใหญ่ หรือโน้ต มีการรวมตัวจัดปาร์ตี้เสพยาเสพติดที่รีสอร์ทแห่งหนึ่งในเขตพื้นที่เขาใหญ่ จ.นครราชสีมา จึงสนธิกำลังวางแผนเข้าตรวจค้นจุดซุกซ่อนยาเสพติด จุดเก็บเอกสารทางการเงิน และจุดสำคัญต่าง ๆ ในพื้นที่ กรุงเทพฯ ปริมณฑล จ.หนองคาย จ.ชุมพร รวมถึงวางแผนปิดล้อมตรวจค้นจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ และบุคคลที่เกี่ยวข้องเขาใหญ่ แต่กลุ่มผู้ต้องหาได้ไหวตัวทัน และทราบการปฏิบัติการ พยายามขับรถหนี รวมทั้งใช้อาวุธปืนยิงต่อสู้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจถูกยิงได้รับบาดเจ็บ ส่วนผู้ต้องหาถูกวิสามัญฯ จำนวน 1 คน ตลอดจนขยายผลตรวจค้นสถานที่ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นที่พักอาศัยและสถานที่เก็บยาเสพติดของกลุ่มเครือข่ายดังกล่าวทำให้สามารถจับกุมผู้ต้องหาและของกลางยาเสพติด เงินสด บ้าน ที่ดิน รถยนต์ พระเครื่อง ทองรูปพรรณ เครื่องประดับ อาวุธปืน และทรัพย์สินอื่น ๆ มีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 150 ล้านบาท ซึ่งผู้ต้องหาและของกลางทั้งหมดได้นำส่งพนักงานสอบสวน บช.ปส.เพื่อขยายผลออกหมายจับบุคคลที่เกี่ยวข้องและดำเนินการตรวจสอบทรัพย์สินต่อไป หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจแถลงข่าวไปในช่วงเช้า ช่วงบ่ายได้ทำการเปิดตู้เซฟที่เป็นของกลางในคดีนี้ พบเงินสดเพิ่มจำนวนกว่า 60 ล้านบาทและอาวุธปืนกลและปืนพกสั้นจำนวนหลายกระบอก
CNX NEWS เจาะข่าว ตรงใจคุณ
รายงาน
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
