วันพฤหัสบดี, 25 เมษายน 2567

ดีเอสไอลงพื้นที่เชียงใหม่สอบปลอมบัตรโยงเครือข่ายยาเสพติด-อาชญากรข้ามชาติ

Spread the love

ดีเอสไอลงพื้นที่เชียงใหม่สอบปลอมบัตรโยงเครือข่ายยาเสพติด-อาชญากรข้ามชาติ

ดีเอสไอลงพื้นที่เชียงใหม่สอบปลอมบัตรโยงเครือข่ายยาเสพติด-อาชญากรข้ามชาติ

 

ดีเอสไอ ฝ่ายทะเบียนและบัตร 75 หน่วยในจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมกันหาแนวทางการป้องกันการสวมบัตรประชาชน และ การทุจริตของเจ้าหน้าที่เพิ่มชื่อในทะเบียนราษฎร์ ในจังหวัดเชียงใหม่ หลังพบความผิดปกติของเจ้าพนักงานปกครอง ที่ไทยพีบีเอส และดีเอสไอ ร่วมตรวจสอบ โดยเฉพาะการสวมบัตรประชาชนของเครือข่ายยาเสพติด

เมื่อวันนี้  11 ก.พ.56  นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้เดินทางมาประชุมและติดตามคดีเกี่ยวกับการทุจริตในการเพิ่มชื่อในทะเบียนราษฎรและสวมตัวบัตรประชาชน ที่ห้องประชุม 3 ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ โดยมีนายอดิศร กำเนิดศิริ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วยนายอำเภอ และนายทะเบียนราษฎร ทั้งหมด 75 หน่วยในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ร่วมเข้าประชุมในครั้งนี้

นายธาริต เปิดเผยว่า ในวันนี้ทางดีเอสไอ ได้รับกับจังหวัดเชียงใหม่ กรมการปกครอง สำนักงานปกครองส่วนท้องถิ่น จัดสัมมนานายอำเภอ หัวหน้าส่วนฝ่ายทะเบียน 75 หน่วยในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อมาพูดคุยซักซ้อม ทำความเข้าใจปัญหาการปลอมบัตรประจำตัวประชาชนและการเพิ่มชื่อในทะเบียนราษฎร์ที่ผิดกฎหมาย และไม่ถูกต้อง ซึ่งปัจจุบันทางดีเอสไอพบปัญหาและความร้ายแรงในการปลอมบัตรและการเพิ่มชื่อในทะเบียนราษฎร์จำนวนมาก ถึงแม้การปลอมบัตรและการเพิ่มชื่อจะเป็นเพียงความผิดพื้นฐาน แต่กลุ่มบุคคลเหล่านี้อาจจะไปไกระทำความผิดหรือทำอันตรายร้ายแรงในลักษณะขององค์กรอาชญากรรม

คนพวกนี้ในสมัยก่อนอาจจะเป็นคนที่ลี้ภัย หรือหลบหนีเข้าเมือง ภาวะสงคราม ภาวะยากจนก็แล้วแต่ แต่ปัจจุบันไม่ใช่ ซึ่งเป็นการแฝงตัว พรางตัวเข้ามาเพื่อกระทำความผิดในรูปแบบของอาชญากรรมร้ายแรง ไม่ว่าจะเป็นแก๊งค้ายาเสพติด กลุ่มอาชญากรรมที่ค้ามนุษย์  และอาชญากรข้ามชาติที่จะมาตั้งแก๊งในเมืองใหญ่ โดยเฉพาะเมืองท่องเที่ยว เชียงใหม่ พัทยา ภูเก็ต ชลบุรี แล้วก็เพิ่มจำนวนมากขึ้นตามลำดับ ถือว่าเป็นอาชญากรรมร้ายแรง แล้วก็มีการทวีความรุนแรงที่สูงขึ้น ถ้าไม่รีบป้องกันในขณะนี้ อาจวิกฤติ โดยเฉพาะประเทศไทยที่จะเข้าสู่ประชาคมอาเซียน จะทำให้มีปัญหาหลายเท่าตัวและทวีคูณยากแก่การป้องกันได้

การประชุมครั้งนี้เพื่อมาแลกเปลี่ยนปัญหากับผู้ปฏิบัติจริงทั้งนายอำเภอ และนายทะเบียนท้องถิ่น เพื่อคุยว่ามันเกิดมาจากอะไร ปัญหามาจากอะไร แล้วหาทางป้องปรามไม่ให้เจ้าหน้าที่นั้นเห็นแก่อามิสสินจ้างแล้วยอมให้พวกคนต่างด้าว การเพิ่มชื่อในทะเบียนราษฎร ซึ่งจะอันตรายร้ายแรงมาก และก่อนหน้านี้ในห้วงตั้งแต่วันที่ 4 – 9 ก.พ. นั้นจากการตรวจสอบในจังหวัดเชียงใหม่ ได้พบรายชื่อในทะเบียนราษฎรของนายสมชัย รักยอดยิ่ง ซึ่งนายสมชัย นั้นเป็นบุคคลต่างด้าวที่เข้ามาเพิ่มชื่อในทะเบียนราษฎรในขณะที่มีอายุ 15 ปี โดยมีนายบุญเชิด รักยอดยิ่ง ให้การรับสารภาพว่าได้รับการร้องขอจากอดีตผู้ใหญ่บ้านให้เพิ่มชื่อชายชาวจีนฮ่อ โดยให้รับรองว่าเป็นบุตร ซึ่งไม่เป็นความจริง และมีการพบหน้ากันเพียงครั้งเดียว

จากนั้นอดีตผู้ใหญ่บ้านและเจ้าหน้าที่ของสำนักทะเบียนอำเภอแม่สรวย จ.เชียงราย ก็ได้ดำเนินการให้ขั้นตอนการเพิ่มชื่อในทะเบียนราษฎรและจัดทำบัตรประจำตัวประชาชน เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2539 ต่อมามีการถ่ายรูปทำบัตร อีกสองครั้งที่สำนักงานทะเบียนอำเภอแม่สรวย และที่สำนักงานอำเภอสันกำแพง หลังจากได้บัตรประจำตัวประชาชน นายสมชัย ได้มีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับยาเสพติด โดยทำหน้าที่เป็นผู้รวบรวมยาแก้หวัดสูตรซูโดอีเฟรดีน ก่อนนำส่งไปประเทศเพื่อนบ้านเพื่อนำไปใช้เป็นสารตั้งต้นในการผลิตยาเสพติด

เมื่อถูกออกหมายจับ ก็หลบหนีไปประเทศเมียนย์ม่า และเมื่อถูกเจ้าหน้าที่ของประเทศเมียนย์ม่าจับกุมก็แสดงตัวว่าไม่ใช่คนไทย เพื่อหลบหนีเลี่ยงไม่ให้มีการส่งผู้ร้ายข้ามแดน และยังพบอีกหลายคดีที่มีการปลอมบัตรประชาชนและเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ซึ่งก็สามารถยึดทรัพย์ได้หลายสิบล้านบาท นอกจากนั้นทางดีเอสไอ ก็มีการตรวจสอบผู้ที่ปลอมบัตรอีกหลายรายเพื่อเป็นการขยายผล และได้พบตัวเลขที่น่าตกใจเช่นใน อ.เวียงแหง จ.เชียงใหม่ มีสถิติการเพิ่มชื่อที่ผิดปกติถึง 18,587 ราย ซึ่งในจำนวนนี้ได้มีการตรวจสอบแล้วพบว่ามีทั้งที่ถูกต้องและไม่ถูกต้อง การเพิ่มชื่อในทะเบียนราษฎรมากน้อยนั้นไม่สำคัญ

แต่สำคัญตรงที่การเพิ่มไป 1 – 2 รายแล้วพวกนั้นเป็นพวกแก๊งใหญ่ เป็นอาชญากรร้ายแรงก็จะส่งผลต่อความปลอดภัยของชาติบ้านเมือง ถึงแม้ว่าความร้ายแรงจะไม่ได้อยู่ที่จำนวนแต่ความร้ายแรงอยู่ที่พวกที่ได้บัตรประชาชน ว่าพวกที่ได้ชื่อปลอมไปแล้วจะไปก่ออาชญากรรมร้ายแรงแค่ไหน ซึ่งในวันนี้ถือเป็นโครงการนำร่องร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แต่การที่เลือกจังหวัดเชียงใหม่ครั้งนี้ไม่ใช่เพราะว่าจังหวัดเชียงใหม่ มีการกระทำความผิดที่ร้ายแรง แต่เราเห็นว่าเป็นเมืองท่องเที่ยวและติดชายแดน ซึ่งบางส่วนที่พบว่าผิดนั้นก็อยู่ในขั้นตอนการดำเนินการอยู่ เราได้ตั้งศูนย์ขึ้นมาตรวจสอบในเรื่องนี้แล้ว

ส่วนรูปแบบของการเข้ามานั้น จะมีหลายรูปแบบ ทั้งเรื่องของการสวมสิทธิ์ของคนที่ตายไปแล้ว สวมสิทธิ์คนติดคุก หรือคนที่ไม่ได้มีการเคลื่อนไหวทางทะเบียน บางรายก็จะก็อบปี้ชื่อบุคคลนั้นไปเลย บางรายก็ถือโอกาสเพิ่มชื่อโดยแอบแฝงมากับโครงการของรัฐบาลที่เปิดโอกาสให้บุคคลที่ไม่มีสัญชาติ หรือไม่มีสถานะทางทะเบียน หรือตกสำรวจ พวกนี้ก็แฝงตัวเข้ามาด้วย ซึ่งการกระทำต่างๆ เหล่านี้เจ้าหน้าที่ของรัฐต้องมีส่วนรู้เห็นด้วยแน่นอน เพราะกลุ่มผู้กระทำความผิดไม่สามารถที่จะกระทำได้เพียงลำพัง และเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องนั้นก็อาจจะเริ่มต้นมาตั้งแต่ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ขึ้นมาจนถึงระดับบน ซึ่งอาจจะหลอกกันมาหรือรู้เห็นกันมาก็แล้ว

โดยขณะนี้ทางดีเอสไอ ได้ข้อมูลมาแล้ว และกำลังติดตามอยู่ และมีแบล็คลิสขึ้นบัญชีไว้แล้วประมาณ 10 ราย เพราะกลุ่มเหล่านี้หากเคลื่อนย้ายไปที่ไหน ก็จะมีเหตุการณ์ในลักษณะนี้เกิดขึ้น ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ก็เฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิดเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป

ขอบคุณภาพจาก www.partykita.com

สำนักข่าว

cnx news เจาะข่าว ตรงใจคุณ รายงาน