วันเสาร์, 20 เมษายน 2567

จับตาผู้มีอิทธิพลพัวพันหลายคดี มีเอี่ยวปมมรดก 1,000 ล้านทายาท “วันดี ศรีตรัง”

07 มี.ค. 2013
11453
Spread the love

จับตาผู้มีอิทธิพลพัวพันหลายคดี มีเอี่ยวปมมรดก 1,000 ล้านทายาท “วันดี ศรีตรัง”

เป็นข่าวโด่งดังหน้าจอทีวีและหน้าหนึ่งหนังสื่อพิมพ์มาหลายวัน สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ ๑ มีนาคม 2555 ถึงวันที่  ๗ ธันวาคม ๒๕๕๕ นางสาวโซเบดา   พงษ์สว่าง ได้มาร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนคดีพิเศษให้ดำเนินคดีกับนางรัศมี คาน,นางสาววัชรี จันทร์เทอดไทย,นางสาวมาลินี พงษ์สว่างและนางสาวชญานิศ  พงษ์สว่าง โดยนางรัศมี คานและนางสาววัชรี จันทร์เทอดไทย เบิกความเท็จในการพิจารณาคดีต่อศาลว่า น.ส.วัชรีฯเป็นภริยาของนายสมชาย พงษ์สว่างที่มิได้จดทะเบียนสมรสและมีบุตรด้วยกัน 1 คนคือเด็กหญิงวัชชา หรือ ชญานิศ พงษ์สว่าง ในฐานะผู้แทนโดยชอบธรรมของเด็กหญิงวัชชาฯร้องขอให้ศาลมีคำสั่งตั้งนางรัศมี คาน เป็นผู้จัดการมรดกของนายสมชายฯถูกยิงเสียชีวิตเมื่อปี 2545 เมื่อเดือนกันยายน 2546 โดยยื่นใบสูติบัตรของด.ญ.วัชชาฯที่แจ้งว่าเกิดในบ้านนายสมชายฯและบัญชีเครือญาติ ซึ่งระบุเพียงน.ส.วัชรีฯเป็นภริยาและมีด.ญ.วัชชาฯเป็นบุตรเพียงคนเดียว เป็นหลักฐานสำคัญ โดยไม่มีชื่อน.ส.โซเบดาฯ ผู้กล่าวหาที่เป็นทายาทของนายสมชายฯกับนางสาธนา พงษ์สว่างหรือนางวันดี ศรีตรัง ดาราภาพยนต์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังในอดีตผู้ล่วงลับ ซึ่งเป็นที่รู้กันอยู่ทั่วไปรวมอยู่ด้วยจึงเป็นการใช้เอกสารอันเป็นเท็จ

นอกจากนี้น.ส.โซเบดาฯและครอบครัวยังถูกคุกคามและขู่ฆ่าและพยายามจะลักพาตัวลูกสาววัย 12 ปี จากนางรัศมี คาน  เพื่อให้โอนที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างที่จังหวัดเชียงใหม่ให้กับนางรัศมีฯในฐานะผู้จัดการมรดก เมื่อ น.ส.โซเบดาฯ ไม่ยินยอมนางรัศมีฯก็ส่งคนมาเพื่อจะลักพาตัวบุตรสาวของน.ส.โซเบดาฯไป จนน.ส.โซเบดาฯและครอบครัวเกิดความหวาดกลัวถึงขั้นต้องหลบหนีออกจากภูมิลำเนาที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยมาร้องขอความช่วยเหลือจากมูลนิธิปวีณาและกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพซึ่งได้จัดให้น.ส.โซเบดาฯและครอบครัวอยู่ในโครงการคุ้มครองพยานจนถึงปัจจุบัน ส่วนนางสาวมาลินี พงษ์สว่างและนางสาว ชญานิศ พงษ์สว่าง ได้เบิกความเท็จในการพิจารณาคดีต่อศาลจังหวัดเชียงใหม่,แจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงาน(พนักงานสอบสวนกองปราบปรามและพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ)ยืนยันว่า น.ส.วัชรีฯเป็นภริยาของนายสมชายฯและมีบุตรด้วยกัน คือเด็กหญิงวัชชาหรือชญานิศฯ และผู้ต้องหาทั้ง๔คน ได้ร่วมกันยักยอกทรัพย์มรดกที่ดินจำนวนหลายแปลงเพื่อประโยชน์ของตนและพวก

ในการนี้ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษได้สั่งการให้พ.ต.ท.ศันสนะ แก้วทับทิมและพนักงานสอบสวนดำเนินการสืบสวนจนได้พยานหลักฐานจึงรวบรวมเสนอคณะกรรมการคดีพิเศษ ซึ่งคณะกรรมการคดีพิเศษมีมติรับเป็นคดีพิเศษที่ 190/2555

จากการสืบสวนสอบสวน มีพยานหลักฐานตามสมควรเชื่อได้ว่า นางสาววัชรี จันทร์เทอดไทยไม่น่ามีความสัมพันธ์ฉันท์สามี-ภริยากับนายสมชาย พงษ์สว่างโดยเฉพาะใบสูติบัตร ที่เป็นหลักฐานสำคัญสิ่งเดียวที่ยืนยันว่าเป็นบุตรนั้น พบว่าการออกใบสูติบัตรมีประเด็นน่าสงสัยหลายประการตั้งแต่น.ส.มาลินีฯแจ้งว่า เด็กเกิดในบ้านของนายสมชายฯ บ้านเลขที่ 3 ซอย 13 ถนนพหลโยธิน ต.ปากเพรียว อ.เมือง จ.สระบุรี ซึ่งบ้านของนายสมชายฯอยู่กลางใจเมืองสระบุรี มีโรงพยาบาลสระบุรีห่างออกไปเพียง 900เมตร จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องทำคลอดเอง, การตรวจสอบหลักฐานการแจ้งเกิด นางสำเนา จันทนป ผู้ช่วยนายทะเบียนราษฎร์ฯและเป็นผู้ลงชื่อในใบสูติบัตรให้การยอมรับว่า ไม่ได้ตรวจสอบหลักฐานด้วยตัวเองแต่เป็นลูกจ้างชั่วคราวเป็น ผู้ตรวจสอบจึงไม่ทราบว่าการแจ้งเกิดมีหลักฐานครบถ้วนตามระเบียบหรือไม่ ซึ่งในใบสูติบัตรขาดรายละเอียดเกี่ยวกับเด็กหลายประการ นอกจากนี้ยังมีพยานหลายปากที่เป็นข้าราชการตำรวจ ชั้นผู้ใหญ่,บุตรเขยของนางรัศมี คาน,มารดาเลี้ยงและพี่น้องของน.ส.วัชรีฯคู่ความที่ฟ้องร้องคดีในศาลให้การว่า ในช่วงปี 2532-2533 ไม่พบเห็นว่าน.ส.วัชรีฯเคยแต่งงานกับนายสมชายฯหรือตั้งครรภ์และในช่วงนั้นนายสมชายฯไม่ได้อยู่ในไทย แต่ได้หลบหนีคดีไปอยู่ที่ประเทศปากีสถาน ส่วนน.ส.ชญานิศฯแม้ให้การยืนยันว่าเป็นบุตรของนายสมชาย-วัชรี (ซึ่งพนักงานสอบสวนคดีพิเศษร่วมกับพนักงานอัยการได้อธิบายให้เข้าใจถึงตัวบทกฎหมายตามมาตรา 131/1 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาและผลเสียของการไม่ยอมตรวจตามข้อสันนิษฐานของกฎหมาย) แต่เมื่อให้ทำการตรวจสารพันธุกรรมน.ส.ชญานิศฯกลับไม่ยินยอมให้ตรวจโดยไม่มีเหตุอันควรซึ่งผิดวิสัยของคนปกติทั่วไปถ้าตัวเองมั่นใจว่าเป็นบุตรของน.ส.วัชรีฯ ก็ต้องรีบดำเนินการให้ตรวจเพื่อพิสูจน์ความจริงและช่วยเหลือน.ส.วัชรีฯมารดาซึ่งต้องหาว่าเบิกความเท็จฯ

การที่น.ส.มาลินีฯและน.ส.ชญานิศฯเบิกความเท็จต่อศาลในการพิจารณาคดีและแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงาน เพื่อต้องการปกปิดความจริงและให้ศาลกับเจ้าพนักงานเชื่อว่า น.ส.วัชรีฯเป็นภริยาของนายสมชาย พงษ์สว่าง เจ้ามรดกและมีบุตรด้วยกันคือน.ส.ชญานิศฯ เพื่อให้นางรัศมี คานได้เป็นผู้จัดการมรดกต่อไป และร่วมกับนางรัศมีฯ เบียดบังทรัพย์มรดกที่ดินไปเพื่อประโยชน์ของตนและพวก โดยตั้งแต่นางรัศมีฯ เป็นผู้จัดการมรดกได้นำทรัพย์มรดกอันเป็นที่ดินไปขายแล้วจำนวน 3 แปลงโดยไม่นำมาแบ่งให้กับทายาท

ศาลอาญาได้อนุมัติหมายจับนางรัศมีฯในข้อหาเบิกความเท็จฯและยักยอกทรัพย์ตามหมายจับที่ 1658/2555 ลงวันที่ 11กันยายน 2555และนางสาววัชรีฯในข้อหาเบิกความเท็จฯตามหมายจับที่ 1657/2555ลงวันที่ 11กันยายน 2555 และต่อมาศาลอาญาได้อนุมัติหมายจับน.ส.มาลินีฯและน.ส.ชญานิศฯในข้อหาแจ้งความเท็จฯ,เบิกความเท็จฯและยักยอกทรัพย์ตามหมายจับที่ 333/2556และหมายจับที่334 ลงวันที่ 27กุมภาพันธ์ 2556

พ.ต.ท.ศันสนะ แก้วทับทิม กับพวกได้สืบสวนติดตามความเคลื่อนไหวและที่หลบซ่อนของผู้ต้องหา จนทราบที่อยู่จึงทำการจับกุมตัวผู้ต้องหาจำนวน 3 รายคือน.ส.วัชรีฯ,น.ส.มาลินีฯและน.ส.ชญานิศฯได้เมื่อวันที่ 1มีนาคม 2556 นำตัวดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ซึ่งคดีนี้เป็นที่สนใจของคนไทยนับถือศาสนาอิสลามเป็นจำนวนมาก มีการติดตามความคืบหน้าของคดีมาโดยตลอดประกอบกับตระกูลไบคานเป็นผู้มีอิทธิพลในจังหวัดสระบุรี,ลพบุรีและนครราชสีมา มีส่วนพัวพันในคดีฆาตกรรมหลายคดีจนกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ต้องตั้งชุดสืบสวนติดตามพฤติกรรมของตระกูล

นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยว่า พ.ต.ท.ศันสนะ แก้วทับทิม พร้อมทีม ได้สืบสวนติดตามความเคลื่อนไหวและที่หลบซ่อนของผู้ต้องหา คือ น.ส.วัชรี จันทร์เทอดไทย, น.ส.มาลินี พงษ์สว่าง และ น.ส.ชญานิศ พงษ์สว่าง จนสามารถจับกุมได้ เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2556 ที่ผ่านมา หลังศาลอาญาได้อนุมัติหมายจับ นางรัศมี คาน ในข้อหาเบิกความเท็จฯ และยักยอกทรัพย์ตามหมายจับ และ น.ส.วัชรี ในข้อหาเบิกความเท็จฯ และต่อมา ศาลอาญาได้อนุมัติหมายจับ น.ส.มาลินี และ น.ส.ชญานิศ ในข้อหาแจ้งความเท็จฯ, เบิกความเท็จฯ และยักยอกทรัพย์ กรณีระหว่างวันที่ 1 มีนาคม 2555 ถึงวันที่ 7 ธันวาคม 2555 น.ส.โซเบดา พงษ์สว่าง ได้มาร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ให้ดำเนินคดีกับ นางรัศมี และพวก เบิกความเท็จในการพิจารณาคดีต่อศาล ทั้งนี้ จะนำตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

สำหรับคดีนี้ เป็นที่สนใจของคนไทยที่นับถือศาสนาอิสลามเป็นจำนวนมาก มีการติดตามความคืบหน้าของคดีมาโดยตลอด ประกอบกับตระกูลไบคาน เป็นผู้มีอิทธิพลใน จ.สระบุรี, ลพบุรี และ นครราชสีมา มีส่วนพัวพันในคดีฆาตกรรมหลายคดี จนกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ต้องตั้งชุดสืบสวนติดตามพฤติกรรมของตระกูลนี้ โดยเฉพาะ นายสมชาย พงษ์สว่าง (หยอง ไบคาน)

ย้อนถึงประวัติ วันดี ศรีตรัง อดีตนางเอกชื่อดัง แจ้งเกิดในภาพยนตร์เรื่อง “ชู้” ของผู้กำกับเปียก โปสเตอร์ แสดงร่วมกับกรุง ศรีวิไล และมานพ อัศวเทพ เมื่อปี 2515หลังจากสร้างชื่อจากภาพยนตร์เรื่องแรกในบทของเรียม วันดี ศรีตรัง ก็มีผลงานภาพยนตร์ต่อเนื่อง 14 เรื่อง ใน 3 ปี เช่น เหลือแต่รัก สรรค์เวียงพิงค์ น้ำเซาะทราย และเรื่องสุดท้าย ตัณหา ในปี 2518 ก่อนเสียชีวิตอย่างปริศนา โดยวันดีรับบทเป็นนางเอกแสดงร่วมกับพระเอกชื่อดังในยุคนั้นหลายคนทั้งสมบัติ เมทนี ไพโรจน์ ใจสิงห์ นาท ภูวนัย ยอดชาย เมฆสุวรรณ

สำหรับครอบครัวไบคาน เป็นผู้กว้างขวางในจังหวัดสระบุรี มีนายไบคาน พงษ์สว่าง ที่มาจากประเทศกากีสถาน เมื่อปี 2473 เป็นต้นตระกูล ก่อนแต่งงานกับนางเหลี่ยม พงษ์สว่าง หญิงไทย มีบุตร 9 คน โดยมีนายสมชาย หรือหยอง ไบคาน เป็นบุตรคนที่ 6 เป็นผู้กว้างขวางทำธุรกิจในพื้นที่จังหวัดลพบุรี และจังหวัดใกล้เคียง ทำกิจจนแขกปาทานมีทรัพย์สินมากมายมหาศาล

ธนวรรธน์  จรณชัยวัจน์

ทีมข่าว CNXNEWS รายงาน