วันพฤหัสบดี, 25 เมษายน 2567

จังหวัดเชียงใหม่ร่วมกับส่วนล่วงหน้าสำนักพระราชวังประชุมเตรียมการรับเสด็จ

Spread the love

                จังหวัดเชียงใหม่ร่วมกับส่วนล่วงหน้าสำนักพระราชวังประชุมเตรียมการรับเสด็จสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ  สยามบรมราชกุมารี

        จังหวัดเชียงใหม่ร่วมกับส่วนล่วงหน้าสำนักพระราชวังและส่วนราชการที่เกี่ยวข้องร่วมประชุมเตรียมการรับเสด็จสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจในพื้นที่เชียงใหม่วันที่ 24 เมษายนนี้

เมื่อวันที่ 3 เม.ย.57 ที่ผ่านมา เวลา 09.00 น. ณ ห้องประชุม 3 ชั้น 3 อาคารอำนวยการ ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ นายชนะ แพ่งพิบูลย์ เป็นประธานการประชุมเตรียมการรับเสด็จ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ซึ่งจะเสด็จมาทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ในวันที่ 24 เมษายน 2557 โดยมีผู้แทนกองพระราชพิธี สำนักพระราชวัง ผู้แทนกรมโยธาธิการและผังเมือง ผู้แทนสมุหราชองครักกษ์ ผู้แทนสำนักงานนายตำรวจราชสำนักประจำ ผู้แทนหน่วยแยกรักษาความปลอดภัยบุคคลสำคัญประจำกรม ราชองครักษ์ หน่วยงานที่จัดตั้งกองอำนวยการร่วมถวายความปลอดภัย  และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่เข้าร่วมประชุม หลายหลังจากที่เมื่อวานนี้ (2 เม.ย.57) ได้มีการเดินทางไปตรวจพื้นที่เสด็จพระราชดำเนิน ฯ ทั้ง 4   ที่หมายเรียบร้อยแล้ว โดยการประชุมในวันนี้เพื่อชี้แจงเกี่ยวกับกำหนดการเสด็จฯ และขั้นตอนการปฏิบัติต่าง ๆ เกี่ยวกับการเสด็จ การจัดเตรียมสถานที่เสด็จพระราชดำเนิน ฯ อย่างสมพระเกียรติ รวมทั้งการถวายความปลอดภัยและการขอรับการสนับสนุนจากจังหวัดในด้านต่าง ๆ ด้วย

สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จะเสด็จมาทรงปฏิบัติพระราชกรณีกิจในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ในวันที่ 24 เมษายน 2557 ตามร่างกำหนดการ ดังนี้

เวลาประมาณ 10.30 น. จะเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดการแข่งขันดาราศาสตร์โอลิมปิกระดับชาติ ครั้งที่ 11 ณ หอประชุมมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ซึ่งจัดโดยมูลนิธิส่งเสริมโอลิมปิกวิชาการและการพัฒนามาตรฐานวิทยาศาสตร์ศึกษา ในพระอุปถัมภ์สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอเจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ (มูลนิธิ สอวน.) สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สถาบันดาราศาสตร์แห่งชาติ ร่วมกับ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ระหว่างวันที่ 24-29 เมษายน 2557 ณ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดยจะมีนักเรียนผู้เข้าแข่งขันทั่วประเทศ จำนวน 11 ศูนย์

เวลา 12.40 น. เฮลิคอปเตอร์พระที่นั่งถึงสนามเฮลิคอปเตอร์ชั่วคราว ศูนย์ราชการอำเภอกัลยาณิวัฒนา เพื่อทรงเปิดศูนย์ราชการอำเภอกัลยาณิวัฒนาและที่ว่าการอำเภอกัลยาณิวัฒนา ซึ่งเป็นอำเภอที่ 878 และอำเภอสุดท้ายของการจัดตั้งอำเภอของประเทศไทย เป็นอำเภอที่ก่อสร้างขึ้นเพื่อเทิดพระเกียรติสมเด็จพระเจ้า พี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ อำเภอกัลยาณิวัฒนาจึงเป็นอำเภอเฉลิมพระเกียรติที่ได้รับการจัดตั้งเป็นกรณีพิเศษ โดยประวัติความเป็นมานั้น จังหวัดเชียงใหม่ได้ขอจัดตั้งอำเภอวัดจันทร์เฉลิมพระเกียรติเป็นกรณีพิเศษเพื่อเทิดพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ เนื่องด้วยทรงมีพระมหากรุณาธิคุณในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของราษฎรบนพื้นที่สูงในทุกเรื่อง และทรงเลือกให้อำเภอแม่แจ่มเป็นต้นแบบทางการศึกษาของผู้ด้อยโอกาสบนพื้นที่สูง ให้มีโอกาสทางการศึกษา อักทั้งสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้เสด็จพระราชดำเนินเพื่อทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจในพื้นที่อำเภอแม่แจ่ม เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2544 ทรงมีรับสั่งเกี่ยวกับปัญหาความเดือดร้อนของราษฎรที่อำเภอแม่แจ่มเนื่องจากเป็นท้องที่อยู่ห่างไกล ทุรกันดาร ราษฎรมีปัญหาในด้านคุณภาพชีวิต การปกครอง และปัญหายาเสพติด โดยแนวทางในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวหากมีการแบ่งแยกเขตการปกครองของอำเภอแม่แจ่ม โดยเอาพื้นที่ตำบลบ้านจันทร์ ตำบลแม่แดด และตำบลแจ่มหลวง ไปร่วมกันจัดตั้งเป็นอำเภอก็จะสามารถบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ราษฎรได้อย่างเป็นรูปธรรม ดังนั้นจังหวัดเชียงใหม่จึงได้ริเริ่มโครงการจัดตั้งอำเภอขึ้นใหม่ ซึ่งเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2552 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ประกาศพระราชกฤษฎีกา ตั้งอำเภอกัลยาณิวัฒนา จังหวัดเชียงใหม่ พ.ศ.2552 และได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 126 ตอนที่ 97 ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา คือ ตั้งแต่วันที่ 26 ธันวาคม 2552 เป็นต้นมา ถือเป็นอำเภอลำดับที่ 25 ของจังหวัดเชียงใหม่ และเป็นอันดับที่ 878 ของประเทศ มีเขตพื้นที่การปกครอง ประกอบด้วย 3 ตำบล 22 หมู่บ้าน มีราษฎรทั้งสิ้นประมาณ 11,071 คน โดยร้อยละ 50 เป็นชุมชนชาวเขาหลายเผ่า เช่น กะเหรี่ยง ม้ง ลีซอ เป็นต้น ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพทำไร่ ทำนา   ทำสวน และการทอผ้าเป็นอาชีพเสริม

หลังจากทรงเปิดศูนย์ราชการอำเภอกัลยาณิวัฒนาและที่ว่าการอำเภอกัลยาณิวัฒนา แล้ว จะเสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่งไปทรงประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์การก่อสร้างโรงเรียนมัธยมศึกษาประจำอำเภอกัลยาณิวัฒนา ซึ่งตั้งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติที่ได้รับอนุญาตให้จัดตั้งโรงเรียนแล้ว บนเนื้อที่ 88 ไร่ 3 งาน 69 ตารางวา ณ บริเวณบ้านห้วยบง หมู่ที่ 4 ตำบลบ้านจันทร์ อำเภอกัลยาณิวัฒนา จังหวัดเชียงใหม่  ซึ่งมีรูปแบบการจัดการเรียนการสอน เป็นแบบกึ่งพักนอนสำหรับเด็ก ในอำเภอกัลยาณิวัฒนา และเด็กที่พักอาศัยในพื้นที่เขตรอยต่อจังหวัดเชียงใหม่-แม่ฮ่องสอน  เปิดการเรียนการสอนในระดับมัธยมศึกษาปีที่ 1 – 6 ตั้งแต่             ปีการศึกษา 2554 เป็นต้นมา

หลังจากนั้นได้เสด็จไปทรงประกอบพิธียกช่อฟ้าอุโบสถวัดจันทร์ ตำบลบ้านจันทร์ อำเภอกัลยาณิวัฒนา ซึ่งเป็นวัดแรกในอำเภอกัลยาณิวัฒนา ที่เป็นศูนย์กลางในการเผยแผ่พระพุทธศาสนา โดยได้อบรมสั่งสอนชุมชนชาวไทยภูเขาที่นับถือพระพุทธศาสนาให้รูหลักคำสอน เป็นคนดีของสังคม รักษาไว้ซึ่งชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์  ซึ่งการจัดสร้างอุโบสถแห่งนี้ได้มีพุทธศาสนิกชนผู้มีจิตศรัทธาร่วมบริจาคสมทบทุนก่อสร้าง ซึ่งได้มีการเบิกผู้มีจิตศรัทธาดังกล่าวเข้าฯ รับพระราชทานของที่ระลึกด้วย ซึ่งเมื่อเสร็จสิ้นพิธีการ ได้เสด็จประทับรถยนต์พระที่นั่งไปยังสนามเฮลิคอปเตอร์ชั่วคราว ศูนย์ราชการอำเภอกัลยาณิวัฒนา เพื่อประทับเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่งไปยังท่าอากาศยานกองบิน 41 จากนั้นจะเสด็จประทับเครื่องบินพระที่นั่งเสด็จกลับกรุงเทพมหานครต่อไป

 

 

ำนักข่าว

cnxnews เจาะข่าว ตรงใจคุณ รายงาน


จังหวัดเชียงใหม่ร่วมกับคณะสงฆ์เตรียมจัดงานเนื่องในสัปดาห์มาฆบูชา ประจำปี 2556

Spread the love

จังหวัดเชียงใหม่ร่วมกับคณะสงฆ์เตรียมจัดงานเนื่องในสัปดาห์มาฆบูชา ประจำปี 2556

 

จังหวัดเชียงใหม่ ร่วมกับคณะสงฆ์จังหวัดเชียงใหม่ กำหนดจัดโครงการงานสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนา เนื่องในเทศกาลมาฆบูชา จังหวัดเชียงใหม่ ประจำปี 2556 พร้อมเชิญชวนพุทธศาสนิกชนละเว้นความชั่ว เข้าวัดปฏิบัติธรรม ณ วัดใกล้บ้าน และขอความร่วมมือสถานบันเทิงเริงรมย์หยุดกิจกรรม งดจำหน่ายเครื่องดื่มของมึนเมา และสิ่งอบายมุขทุกชนิดในวันมาฆบูชา

วันนี้ (5 ก.พ.56) เวลา 13.30 น. ณ วัดพันอ้น อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ นายอดิศร กำเนิดศิริ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานการประชุมเตรียมงานสัปดาห์ส่งเสริมวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาเนื่องในวันมาฆบูชา ประจำปี 2556 ระหว่างวันที่ 21 – 25 กุมภาพันธ์ 2556 โดยมี พระเทพมังคลาจารย์ เจ้าอาวาสวัดท่าตอน อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ รองเจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่ ประธานฝ่ายสงฆ์ พระสังฆาธิการ และผู้แทนหน่วยงานต่าง ๆ ร่วมประชุมเตรียมการจัดงานดังกล่าว ซึ่งได้กำหนดจัดกิจกรรม ประกอบด้วย การมอบเกียรติคุณบัตรแก่นักเรียนผู้ทำคุณประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนาและสถานศึกษาที่ส่งเสริมสนับสนุนกิจกรรมวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาของจังหวัดเชียงใหม่อย่างต่อเนื่องซึ่งกำหนดจัดขึ้นในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา 09.00 น. ณ พุทธสถานเชียงใหม่

 

จากนั้นจะมีการตั้งขบวนของพุทธศาสนิกชนจากทุกภาคส่วนรวมถึงเยาวชนจากสถานศึกษาในเขตอำเภอเมืองเชียงใหม่ และเคลื่อนขบวนจากพุทธสถานผ่านสะพานนวรัฐไปยังท่าน้ำบริเวณเชิงสะพานฝั่งตะวันออกหน้าโบสถ์คริสตจักรที่ 1 เพื่อร่วมกันปล่อยปลาลงสู่แม่น้ำปิงในกิจกรรม “ปล่อยปลาคืนชีวามัจฉามาฆฤกษ์” ส่วนวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2556 กำหนดจัดแข่งขันตอบปัญหาธรรมะและบรรยายหัวข้อธรรมะ ชิงโล่พระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พร้อมทุนการศึกษา โดยช่วงเช้าเริ่มตั้งแต่เวลา 08.00 น.กำหนดจัดประกวดบรรยายธรรมะ ณ วัดพันอ้น และภาคบ่ายเวลา 13.00 น. เป็นการแข่งขันตอบปัญหาธรรมะ ณ พุทธสาถนเชียงใหม่วันมาฆบูชา ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 เป็นวันที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมโอวาทปาฏิโมกข์แก่ พระอรหันต์จำนวน 1,250 องค์ ที่วัดเวฬุวันมหาวิหาร เมืองราชคฤห์ เป็นวันจาตุรงคสันนิบาต โดยมีเหตุการณ์เกิดขึ้น 4 ประการ คือ พระสงฆ์ 1,250 รูปที่มาประชุมล้วนเป็นพระอรหันต์ทั้งสิ้น พระอรหันต์ที่มาประชุมล้วนบวชด้วยวิธีเอหิภิกขุอุปสัมปทา พระอรหันต์ทั้งหมดมาประชุมกันโดยมิได้นัดหมาย และวันดังกล่าวเป็นวันเพ็ญเดือน 3 นอกจากนั้นยังเป็นวันที่พระพุทธองค์ทรงประกาศแต่งตั้งพระอัครสาวกเบื้องซ้าย เบื้องขวา และเป็นวันที่พระพุทธองค์ทรงปลงพระชนมายุสังขารว่าอีก 3 เดือนข้างหน้าพระองค์จะเสด็จดับขันธปรินิพพาน ซึ่งวันมาฆบุชาในปีนี้ ตรงกับวันจันทร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ 2556 โดยจังหวัดเชียงใหม่ขอเชิญชวนชาวพุทธทุกหมู่เหล่าร่วมจัดงานวันสำคัญนี้ รวมทั้งร่วมประดับตกแต่งธงชาติ ธงเสมาธรรมจักร บริเวณวัด สถานที่ราชการ และอาคารบ้านเรือนระหว่างวันที่ 21 – 25 กุมภาพันธ์ 2556รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวเพิ่มเติมว่า จังหวัดเชียงใหม่โดยผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ และนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ ได้มีแนวคิดร่วมกันที่จะกำหนดพื้นที่บริเวณ 4 มุมเมือง รวมถึงข่วงหลวงเวียงแก้ว เป็นเขตอนุรักษ์เมืองเก่าที่มิให้มีสถานบริการเกิดขึ้นในพื้นที่ดังกล่าว โดยจะมีการแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อหารือแนวทางดำเนินการร่วมกัน โดยในส่วนของการปรับปรุงพื้นที่ข่วงหลวงเวียงแก้วนั้น ได้มีแนวคิดในการย้ายที่ว่าการอำเภอเมืองเชียงใหม่ไปจัดตั้งในบริเวณศูนย์ราชการจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งจะมีมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการศึกษาด้านโบราณคดี มีการบันทึกวีดีทัศน์เป็นอนุสรณ์เก็บไว้ในพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ รวมทั้งกำหนดจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนด้วย ส่วนการจัดสร้างพุทธมณฑลนั้น ได้เตรียมสถานที่จัดสร้างไว้ ณ อำเภอดอยสะเก็ดซึ่งมีเนื้อที่บริเวณที่กว้างขวางไว้แล้ว

 

ขอบคุณภาพและข่าวจาก http://region3.prd.go.th/ct/news/viewnews.php?ID=130205232541

สำนักข่าว

cnx news เจาะข่าว ตรงใจคุณ รายงาน