วันเสาร์, 20 เมษายน 2567

จังหวัดเชียงใหม่ประชุมเตรียมการจัดกิจกรรมจักรยานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ปั่นเพื่อพ่อ “BIKE FOR DAD”

Spread the love

จังหวัดเชียงใหม่ประชุมเตรียมการจัดกิจกรรมจักรยานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ปั่นเพื่อพ่อ “BIKE FOR DAD”

IMG_7412

 

 

จังหวัดเชียงใหม่ประชุมเตรียมการจัดกิจกรรมจักรยานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ปั่นเพื่อพ่อ “BIKE FOR DAD” เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนพรรษา 88 พรรษา 5 ธันวาคม 2558 เพื่อถวายเป็นราชสดุดีสนองพระราชปณิธานสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร  

วันที่ 30 ตุลาคม 2553  เวลา 10.00น. ณ  ห้องประชุม 3 ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ นายปวิณ ชำนิประศาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่เป็นประธานการประชุมเตรียมการจัดกิจกรรมจักรยานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ปั่นเพื่อพ่อ “BIKE FOR DAD”  ตามที่รัฐบาลเป็นเจ้าภาพในการจัดกิจกรรมจักรยานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนพรรษา 88 พรรษา 5 ธันวา 2558 ปั่นเพื่อพ่อ BIKE FOR DAD” ถวายราชสดุดีสนองพระราชปณิธานสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร   ในวันศุกร์ 11 ธันวาคม 2558 เวลา 15.00น. ณ พระลานพระราชวังดุสิตกรุงเทพมหานคร

ในส่วนของจังหวัดเชียงใหม่กำหนดจัดขึ้นพร้อมกันกับส่วนกลาง โดยมีจุดเริ่มต้น ณ  ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ ผ่านจุดสำคัญคือจุดมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ ประตูท่าแพ ประตูช้างเผือก วัดสวนดอก  ประตูเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ สนามกีฬาสมโภชเชียงใหม่700ปี และสิ้นสุดที่ศาลากลางเชียงใหม่

ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า จังหวัดเชียงใหม่ประชุมการเตรียมการจัดกิจกรรมจักรยานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว “BIKE FOR DAD” พร้อมกับส่วนกลางในวันที่ 11 ธันวาคม 2558 โดยจะปั่นตามเส้นทางสิริมงคลของ จังหวัดเชียงใหม่ อาทิ วัดสวนดอกซึ่งเป็นวัดที่สำคัญของจังหวัดเชียงใหม่ เป็นสถานที่ตั้งกู่พระอัฐิ เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ และ พระประยูรญาติ มาประดิษฐานรวมกัน และ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกของภาคเหนือ สถาบันแรกของชาวจังหวัดเชียงใหม่ คาดว่าน่าจะมีชาวจังหวัดเชียงใหม่จะแสดงความจงรักภักดีมาร่วมปั่นจักรยาน เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มากกว่าครั้งที่ผ่านมา จึงขอเชิญชวนพี่น้องชาวเชียงใหม่และเชิญชวนพี่น้องทั้งประเทศมาร่วมกิจกรรมโดยลงทะเบียนได้ทางเว็ปไซต์ www.bikefordad2015.com/ , และตั้งแต่วันที่2-10 พ.ย.58 จังหวัดเชียงใหม่ยังได้อำนวยความสะดวกจัดเครื่องคอมพิวเตอร์ พร้อมเจ้าหน้าที่ดูแลการลงทะเบียนไว้ที่ห้องประชุม1 ชั้น 2 ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ และที่ว่าการอำเภอของจังหวัดเชียงใหม่ สุดท้ายนี้ขอเชิญชวนให้พี่น้องชาวเชียงใหม่มาร่วมกิจกรรมกันเยอะๆ เพื่อแสดงความจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช

IMG_7413 IMG_7422 IMG_7426

เส้นทาง เส้นทาง1


จังหวัดเชียงใหม่ประชุมประเมินสถานการณ์น้ำและเตรียมการในการลดผลกระทบจากภาวะภัยแล้งฝนทิ้งช่วงเพื่อให้เพียงพอสำหรับใช้อุปโภคบริโภค

15 ต.ค. 2015
461
Spread the love

จังหวัดเชียงใหม่ประชุมประเมินสถานการณ์น้ำและเตรียมการในการลดผลกระทบจากภาวะภัยแล้งฝนทิ้งช่วงเพื่อให้เพียงพอสำหรับใช้อุปโภคบริโภค

DSC_0043

วันนี้ (14 ตุลาคม 2558) เวลา 09.30 น. ณ ห้องประชุม 4 ชั้น 4 อาคารอำนวยการ ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ นายปวิณ ชำนิประศาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานในการประชุมประเมินสถานการณ์น้ำและเตรียมการในการลดผลกระทบจากภาวะภัยแล้งฝนทิ้งช่วงครั้งที่ 1/2558 เพื่อให้เพียงพอสำหรับใช้อุปโภคบริโภค โดย นายเจนศักดิ์ ลิมปิติ ผู้อำนวยการชลประทานเชียงใหม่ เปิดเผยว่า  สถานการณ์การจัดการนำของจังหวัดเชียงใหม่ว่าสถานการณ์น้ำในพื้นที่ชลประทานเขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชลมีปริมาณน้ำเก็บกัก 25% ในพื้นที่แม่กวงมีปริมาณน้ำกักเก็บ 13% อยู่ในสภาวะวิกฤตในเรื่องน้ำ ในส่วนของอำเภอ ฝาง, แม่อาย และไชยปราการในภาพรวมของพื้นที่เป็น 30% มีน้ำไหลตลอดปี โดยกรมชลประทานต้องมีการจัดสรรน้ำเน้นเรื่องการอุปโภคบริโภคคาดว่าจะผ่านวิกฤตการณ์น้ำนี้ไปได้ส่วนสถานีสูบน้ำของการประปาส่วนภูมิภาคและการประปาส่วนท้องถิ่นสามารถทำการสูบน้ำได้ตามรอบเวรการส่งน้ำของแหล่งน้ำในแต่ละพื้นที่แผนปฏิบัติการทำฝนยังมีแผนปฏิบัติการทำฝนไปจนถึง 31 ตุลาคม 2558 และในช่วงต้นเดือน พฤษจิกายน 2558 – กุมภาพันธ์ 2558 อยู่ในช่วงติดตามเฝ้าระวังภัยแล้งและหมอก

          ทั้งนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ยังได้กล่าวอีกว่า ให้มีการจัดตั้งศูนย์บริการจัดการน้ำร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดให้มีการบริหารน้ำเป็นรายสัปดาห์ให้เหมาะสมและให้มีการขยายบ่อบาดาลตามหมู่บ้านไว้เพื่ออุปโภคและบริโภค และยังได้เน้นย้ำให้ประชาชนใช้น้ำด้วยความประหยัดเพื่อที่จะได้เพียงพอสำหรับอุปโภคบริโภคและการรักษาระบบนิเวศน์ตลอดฤดูแล้งนี้

CNX NEWS รายงาน

DSC_0044 DSC_0048 DSC_0057


จังหวัดเชียงใหม่ประชุมหารือการแก้ปัญหาการเปิดปิดประตูระบายน้ำป่าแดด ที่มีผลกระทบต่อเกษตรผู้เลี้ยงปลาในกระชัง

Spread the love

จังหวัดเชียงใหม่ประชุมหารือการแก้ปัญหาการเปิดปิดประตูระบายน้ำป่าแดด ที่มีผลกระทบต่อเกษตรผู้เลี้ยงปลาในกระชัง

S__13189137

การประชุมหารือการแก้ปัญหาการเปิดปิดประตูระบายน้ำป่าแดด ที่มีผลกระทบต่อเกษตรผู้เลี้ยงปลาในกระชัง เพื่อจัดระบบการเปิดปิดประตูน้ำ และจัดตั้งกลุ่มภาคประชาชนจิตอาสาเข้าร่วมเป็นคณะทำงานเพื่อร่วมขับเคลื่อนคืนความใสให้คลองแม่ข่า

นายชนะ  แพ่งพิบูลย์ เป็นประธานในการประชุมหารือการแก้ปัญหาการเปิดปิดประตูระบายน้ำป่าแดด ที่มีผลกระทบต่อเกษตรผู้เลี้ยงปลาในกระชัง โดยมีส่วนราชการ องค์ปกครองส่วนท้องถิ่น และตัวแทนเกษตรกรผู้เลี้ยงปลาในกระชังในพื้นที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม ณ อาคารหอประชุมเฉลิมพระเกียรติ หมู่ 11 บ้านน้ำบ่อเย็นตำบลป่าแดด อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่

ผลกระทบต่อเกษตรผู้เลี้ยงปลาในกระชัง มีหลายสาเหตุปริมาณน้ำไม่เพียงพอ มีการเลี้ยงปลาหนาแน่น ปลาขาดออกซิเจนได้ ในช่วงที่น้ำไม่เพียงพอ และน้ำจากคลองแม่ข่าลงไป การเลี้ยงปลาในกระชังต้องขออนุญาต โดยทางกรมเจ้าท่าได้ถ่ายโอนอำนาจให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และให้จังหวัดอนุญาต สำนักงานชลประทานจังหวัดเชียงใหม่ ไม่ได้นิ่งในการหาน้ำ ในการช่วยการเกษตร และการผันน้ำคลองแม่ข่า แก้น้ำเสียอย่างต่อเนื่อง

เรื่องเปิดปิดประตูระบายน้ำ จะมีการจัดระบบให้มีมาตรฐานในการทำงาน เหมือนกันทั้งอำเภอเมืองคลองแม่ข่าโดยจะได้จัดระเบียบร่วมกับผู้ใช้น้ำในเขตเทศบาลนครเชียงใหม่ และการจัดตั้งกลุ่มภาคประชาชนจิตอาสาเข้าร่วมเป็นคณะทำงานเพี่อร่วมขับเคลื่อนคืนความใสให้คลองแม่ข่าต่อไป ด้านการประชาสัมพันธ์ ส่งเสริมสนับสนุนให้ชาวชุมชนให้ความร่วมมือ ทั้งในรายการวิทยุและสื่อต่างๆ

CNX NEWS รายงาน

S__13189124 S__13189125 S__13189126 S__13189127 S__13189128


จังหวัดเชียงใหม่ประชุมคณะกรรมการแก้ไขปัญหามลพิษหมอกควัน

Spread the love

จังหวัดเชียงใหม่ประชุมคณะกรรมการแก้ไขปัญหามลพิษหมอกควันจังหวัดเชียงใหม่

ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2557

 

จังหวัดเชียงใหม่ประชุมคณะกรรมการแก้ไขปัญหามลพิษหมอกควันจังหวัดเชียงใหม่ รายงานสรุปสถานการณ์ปัญหาไฟป่าและหมอกควันจังหวัดเชียงใหม่ประจำปี 2557 สรุปวันแห่งการเฝ้าระวังและควบคุมหมอกควันไฟป่าจังหวัดเชียงใหม่ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 ภายใต้ชื่อ 80 วันแห่งการเฝ้าระวังและควบคุมหมอกควันไฟป่า จังหวัดเชียงใหม่ และติดตามผลการดำเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในห้วงเวลาที่ผ่านมา

เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2557  เวลา 09.30 น. นายชนะ แพ่งพิบูลย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการแก้ไขปัญหามลพิษหมอกควันจังหวัดเชียงใหม่ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 ที่ห้องประชุม 3 ชั้น 3 อาคารอำนวยการ ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ มีการประชุมสรุปสถานการณ์ปัญหาไฟป่าและหมอกควันจังหวัดเชียงใหม่ประจำปี 2557 การดำเนินงานช่วงก่อนเกิดปัญหามลพิษหมอกควัน ตามแผนการดำเนินงาน ยุทธศาสตร์การควบคุมการเผาในพื้นที่ชุมชน การควบคุมการเผาในพื้นที่การเกษตร การควบคุมการเผาในพื้นที่การเกิดไฟป่า การนำแนวทาง 2P 2R มาปรับใช้ตามความเหมาะสมให้มีประสิทธิภาพป้องกันและแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง และการดำเนินการหลังเกิดหลังเกิดปัญหามลพิษหมอกควัน มีการฟื้นฟูพื้นที่โยการปลูกต้นไม้ ทำแนวกันไฟป่าเปียก ขยายความรู้เพิ่มมูลค่าเชื้อเพลิง และติดตามผลการดำเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ปัญหา อุปสรรค การแก้ไขปัญหามลพิษหมอกควันจังหวัดเชียงใหม่รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ยังสั่งกำชับว่า เรื่องของความชุ่มชื้นต้องทำอย่างต่อเนื่องถึงแม้ว่าอาจจะช่วยได้แค่ส่วนหนึ่งแต่ก็ต้องทำฝาก สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงใหม่ และ สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ประสานทุกหน่วยงานทุกพื้นที่ จังหวัดได้ขอความร่วมมือไปยังกองบิน 41 เพื่อโปรยน้ำในอากาศลดหมอกควันและดับไฟในพื้นที่ห่างไกล รวมถึงร่วมหารือ โครงการที่ดำเนินการทำในช่วง 80 วัน ว่าจะมีการปรับแผนอย่างไร มีวัสดุทางการเกษตรที่หลงเหลืออยู่มากน้อยเพียงใด ซังข้าวโพดในอำเภอแม่แจ่มส่วนหนึ่งอาจนำไปทำปุ๋ยในการเกษตร เพื่อลดปริมาณเชื้อเพลิง และต้องมีการรณรงค์ทั้งปีต่อเนื่อง ให้เกิดผลดีลดปัญหาได้มากที่สุดในปีต่อไปนอกจากนี้ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ยังกล่าวขอบคุณสื่อมวลชนทุกแขนงที่ได้ให้ความสนใจในเรื่องการแก้ไขปัญหามลพิษหมอกควันมาโดยตลอด ตั้งแต่เริ่มดำเนินการจนถึงในระหว่างการดำเนินการเป็นกรณีพิเศษ เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่จังหวัดเชียงใหม่ 

 

สำนักข่าว

cnxnews เจาะข่าว ตรงใจคุณ รายงาน

 


จังหวัดเชียงใหม่ประชุมหารือแนวทางการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรสวนยางพาราทั้งระบบในปี ๒๕๕๗

13 พ.ย. 2013
461
Spread the love

จังหวัดเชียงใหม่ประชุมหารือแนวทางการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรสวนยางพาราทั้งระบบในปี ๒๕๕๗

 

หัวหน้าสำนักงานจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานในการประชุมหารือแนวทางการให้ความช่วยเหลือแก่เกษตรกรชาวสวนยางพารา ตามกรอบแนวทางมาตรการแก้ไขปัญหาระยะสั้นและระยะกลางของรัฐบาลและ กนย. พร้อมเตรียมการจัดทำแผนแม่บทช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนยางในปี ๒๕๕๗

วันนี้ (12 พฤศจิกายน 2556) เวลา 13.30 น. นายวิรุฬ พรรณเทวี หัวหน้าสำนักงานจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานในการประชุมมอบนโยบายการให้ความช่วยเหลือแก่เกษตรกรชาวสวนยางพารา ณ ห้องประชุมกลุ่มงานยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัด ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อวางแนวทางการช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนยาง ในปี พ.ศ.2557 ตามกรอบของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 10 กันยายน 2556 และมติคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ (กนย.) เกี่ยวกับการแก้ไขปัญหายางพาราทั้งระบบ โดยมีผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมการประชุม

ที่ประชุมได้มีการพิจารณาผลการดำเนินการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนยางพารา ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 10 กันยายน 2556 ที่เห็นชอบและอนุมัติตามมติคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ (กนย.) เกี่ยวกับการแก้ไขปัญหายางพาราทั้งระบบ ดังนี้

  1. เห็นชอบโครงการแก้ปัญหายางพาราทั้งระบบ ปี 2557 ที่ได้มีการปรับปรุงตามมติ กยน. เมื่อวันที่ 5 และวันที่ 9 กันยายน 2556 ในส่วนของการแก้ไขปัญหายางพาราระยะสั้นเร่งด่วน
  2. อนุมัติงบกลางรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นหรือการดำเนินงานตามแนวทางแก้ไขปัญหาระยะสั้นของโครงการ วงเงิน 21,248.95 บาท ที่คณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3 กันยายน 2556 ได้อนุมัติงบกลางรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นไว้แล้ว จำนวน 5,628.01 บาท เพิ่มขึ้นจำนวน 15,620.95 บาท
  3. มอบหมายกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมร่วมหารือเพื่อหาแนวทางช่วยเหลือเกษตรกรสวนยางภายใต้ขอบเขตของกฏหมายต่อไป
  4. เห็นชอบการเพิ่มเติมผู้แทนเกษตรกรชาวสวยยาง 1 คน เป็นกรรมการใน กนย. คือ ประธานสภาเกษตรกรแห่งชาติ และประธานเครือข่ายเกษตรกรชาวสวนยางพาราแห่งประเทศไทย
  5. รับทราบผลการพิจารณาทบทวนการเก็บเงินสงเคราะห์ (เงิน Cess) เป็นเวลา 4 เดือน ตั้งแต่วันที่ 2 กันยายน ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2556

โดยการขึ้นทะเบียนเกษตรกรชาวสวนยางพาราเพื่อรับความช่วยเหลือตามโครงการฯ ได้เสร็จสิ้นไปแล้วเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2556 ซึ่งในส่วนของจังหวัดเชียงใหม่ มีเกษตรกรมาขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกยางพารา ปี 2556/2557 จำนวน 1,902 ราย 2,815 แปลง พื้นที่ปลูก 27,424,05 ไร่ ผ่านการตรวจสอบแล้วเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2556 จำนวน 249 ราย 393 แปลง พื้นที่ปลูก 3,115.91 ไร่ โดยสำนักงานเกษตรอำเภอจะทำการออกใบรับรองผลการขึ้นทะเบียนเพื่อให้เกษตรกรนำไปขอขึ้นเงินกับ ธกส.ตามโครงการฯ ให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2556 สำหรับการช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนยางในปี 2557 ที่ประชุมได้เห็นชอบให้มีการจัดแผนแม่บทในการดำเนินการช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนยางให้ครอบคลุมในทุกด้าน โดยกำหนดให้เสร็จสิ้นภายในเดือนธันวาคม 2556

นายเสริมศักดิ์ ศุขเกษม หัวหน้าแผนกปฏิบัติการ สำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง จังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า ในส่วนของจังหวัดเชียงใหม่ ดำเนินการตามมาตรการตามโครงการแก้ไขปัญหายางพาราทั้งระบบ ปี 2557 ในสองมาตรการ คือมาตรการระยะสั้นที่ให้เงินอุดหนุนแก่เกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนภายในวันที่ 15 ตุลาคม ที่มีเอกสารหรือหนังสือรับรองสิทธิ์ตามเงื่อนไขที่กำหนด ที่มีพื้นที่ยางเปิดกรีดไม่เกิน 25 ไร่ (เกษตรกรที่มีพื้นที่ยางเปิดกรีด 25 ไร่ขึ้นไป จะได้รับความช่วยเหลือไม่เกิน 25 ไร่) เป็นเงิน  2,520 บาท/ไร่ ตลอดฤดูการเปิดกรีด (ก.ย.56-มี.ค.57) และมาตรการระยะกลางคือการสนับสนุนสินเชื่อดอกเบี้ยผ่อนปรนแก่สถาบันเกษตรกร เพื่อไปใช้ประโยชน์จากโรงงานแปรรูปยางที่ได้สร้างไว้แล้วหรือจัดสร้างโรงงานแปรรูปใหม่ ในวงเงินสินเชื่อ 5,000 ล้านบาท ซึ่งจังหวัดเชียงใหม่มีสถาบันเกษตรกรยื่นเสนอขอสนับสนุนสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ จำนวน 5 สหกรณ์ ได้แก่ สหกรณ์กองทุนสวนยางแม่แตง สหกรณ์กองทุนสวนยางเวียงฝาง สหกรณ์กองทุนสวนยางชัยปราการ สหกรณ์กองทุนสวนยางชัยปราการ และสหกรณ์กองทุนสวนยางเมืองนะ ซึ่งขณะอยู่ระหว่างการพิจารณา

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

อนุชา นาคฤทธิ์                                    สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงใหม่     12 พฤศจิกายน 2556

CNXNEWS รายงาน

 


จังหวัดเชียงใหม่ประชุมติดตามการเตรียมความพร้อมรับเสด็จฯ องค์ประธานโครงการ TO BE NUMBER ONE อย่างต่อเนื่อง

Spread the love

จังหวัดเชียงใหม่ประชุมติดตามการเตรียมความพร้อมรับเสด็จฯ องค์ประธานโครงการ TO BE NUMBER ONE อย่างต่อเนื่อง

 

จังหวัดเชียงใหม่ประชุมติดตามการเตรียมความพร้อมรับเสด็จฯ ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี องค์ประธานโครงการ TO BE NUMBER ONE ซึ่งจะเสด็จมาทรงเยี่ยมการดำเนินงานโครงการ TO BE NUMBER ONE จังหวัดเชียงใหม่ และทรงเปิดศูนย์เพื่อนใจ TO BE NUMBER ONE ณ โรงเรียนนวมนทราชูทิศ พายัพ ในวันที่ 2 ธันวาคมนี้ เพื่อให้การรับเสด็จเป็นไปอย่างสมพระเกียรติ โดยวันนี้มีการประชุมทั้งภาคเช้า และภาคบ่าย

วันนี้ (12 พ.ย.56) เวลา 09.30 น. ณ ห้องประชุมโรงเรียนนวมินทราชูทิศ พายัพ อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ นายอดิศร กำเนิดศิริ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานการประชุมเตรียมการรับเสด็จทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี องค์ประธานโครงการ TO BE NUMBER ONE ที่ทรงประทานวโรกาสเสด็จเยี่ยมการดำเนินงานโครงการ TO BE NUMBER ONE จังหวัดเชียงใหม่ และทรงเปิดศูนย์เพื่อนใจ TO BE NUMBER ONE ณ โรงเรียนนวมินทราชูทิศ พายัพ จังหวัดเชียงใหม่ โดยการประชุมในวันนี้เป็นแบ่งเป็น 2 ภาค โดยภาคเช้าเป็นการประชุมคณะทำงานฝ่ายจัดหาทุนสมทบโครงการ TO BE NUMBER ONE โดยจังหวัดเชียงใหม่ได้ขอความร่วมมือทุกภาคส่วนในการประชาสัมพันธ์เชิญชวนประชาชนร่วมบริจาคเงินโดยทูลเกล้าฯ ถวายเงินตั้งแต่ 30,000 บาทขึ้นไป จะได้เข้ารับพระราชทานเข็มพระนามย่อ อร. เข็มทองจากพระหัตถ์ด้วย ผู้บริจาค 5,000 บาทขึ้นไปแต่ไม่ถึง 30,000 บาท จะได้รับพระราชทานเข็ม TO BE NUMBER ONE ,  ผู้ถวายเงินซื้อนิตยสาร TO BE NUMBER ONE  2,000 บาท จะเข้ารับพระราชทานนิตยสารจากพระหัตถ์ 1 คน/1 เล่ม นอกจากนั้นยังสามารถร่วมสมทบทุนโดยสมัครเป็นสมาชิกนิตยสาร TO BE NUMBER ONE แบบสมาชิกถาวร จำนวน 300 บาท/ปี ๆ ละ 4 เล่ม โดยโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารกรุงไทย สาขาถนนสุเทพ ชื่อบัญชี งานยาเสพติด บัญชีเลขที่ 521-0-41116-8 ทั้งนี้ขอให้จัดส่งแบบตอบรับและใบโอนเงินไปยังฝ่ายเลขานุการโครงการ TO BE NUMBER ONE จังหวัดเชียงใหม่ หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ ทางโทรสารหมายเลข 0-5328-9102 ภายในวันที่ 22 พฤศจิกายน 2556 รวมทั้งการบริจาคเงินเข้ามูลนิธิ TO BE NUMBER ONE ตั้งแต่ 1 บาทขึ้นไป ผ่านตู้รับบริจาคซึ่งจะตั้งไว้ที่ธนาคารในจังหวัดเชียงใหม่ และขอความอนุเคราะห์ตั้งรับบริจาคในห้างสรรพสินค้าด้วย

สำหรับภาคบ่าย ซึ่งเริ่มขึ้นในเวลา 13.30 น. โดยมี นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานได้มีการประชุมเพื่อติดตามความพร้อมด้านพิธีการ จุดรับเสด็จทุกจุดภายในโรงเรียน    นวมินทราชูทิศ พายัพ ทั้งนี้เพื่อให้การเตรียมงานเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และสมพระเกียรติ โดยจะมีการประชุมอีกครั้งในวันที่ 22 พฤศจิกายน 2556 หลังจากนั้น ในวันที่ 25 พฤศจิกายน 2556 ที่ปรึกษาโครงการ TO BE NUMBER ONE และทีมงานจะเดินทางมาติดตามการรับเสด็จครั้งที่ 2 ต่อไป

ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี มีกำหนดการเสด็จทรงงานจังหวัดเชียงใหม่ ในวันที่ 2 ธันวาคม 2556 โดยในเวลา 17.00 น. จะเสด็จถึงกองบิน 41 ซึ่ง ณ ที่นั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ อธิบดีผู้พิพากษาภาค 5 ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 33 ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ผู้บังคับการ    กองบิน 41 ข้าราชการและประชาชนเฝ้ารับเสด็จ ฯ จากนั้นจึงเสด็จไปยังโรงเรียนนวมินทราชูทิศ พายัพ เพื่อทรงประกอบพิธีเปิดป้าย “ชมรม TO BE NUMBER ONE และศูนย์เพื่อนใจ TO BE NUMBER ONE” ของโรงเรียน    นวมินทราชูทิศ พายัพ ซึ่งตั้งขึ้นภายในอาคารโรงเรียน พร้อมทั้งทรงเยี่ยมสมาชิก TO BE NUMBER ONE และทอดพระเนตรกิจกรรมศูนย์   เพื่อนใจ TO BE NUMBER ONE ทอดพระเนตรบูธนิทรรศการเกี่ยวกับกิจกรรม ต่าง ๆ ตามโครงการซึ่งจัดขึ้นภายในงาน หลังจากนั้นจะเสด็จขึ้นประทับพระเก้าอี้บนเวทีการแสดงกิจกรรมเพื่อรับการกราบทูลรายงานผลงาน TO BE NUMBER ONE ระดับประเทศจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข จากนั้นจะพระราชทานเข็ม TO BE NUMBER ONE เข็มทองพระนามย่อ อร. โล่ และพระราชทานนิตยสารแก่ผู้มีจิตศรัทธาและผู้มีอุปการคุณร่วมสมทบทุนสนับสนุนกิจการโครงการ TO BE NUMBER ONE  และทอดพระเนตรการแสดงหน้าพระที่นั่งของสมาชิก TO BE NUMBER ONE ทรงติดตามการดำเนินงานชมรม TO BE NUMBER ONE และศูนย์เพื่อนใจ TO BE NUMBER ONE  ของโรงเรียนนวมินทราชูทิศ พายัพ จากนั้นจึงเสด็จไปยังสนามบาสเกตบอลของโรงเรียนเพื่อเป็นองค์ประธานเปิดการแสดงคอนเสิร์ตของศิลปินและนักแสดงจากค่าย GMM GRAMMY และเสด็จกลับที่ประทับแรมในเวลาต่อมา ดังนั้น จังหวัดเชียงใหม่ขอเชิญชวนสมาชิกชมรม TO BE NUMBER ONE และประชาชนชาวเชียงใหม่ ร่วมรับเสด็จในวัน เวลา และสถานที่ดังกล่าว

………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….

ราตรี  จักร์แก้ว           สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงใหม่               12 พฤศจิกายน  2556

CNXNEWS รายงาน


จังหวัดเชียงใหม่ประชุมเตรียมจัดงานมหกรรมไม้ดอกไม้ประดับ ครั้งที่ 38 ประจำปี 2557

Spread the love

จังหวัดเชียงใหม่ประชุมเตรียมจัดงานมหกรรมไม้ดอกไม้ประดับ ครั้งที่ 38 ประจำปี 2557

 

จังหวัดเชียงใหม่ประชุมเตรียมจัดงานมหกรรมไม้ดอกไม้ประดับ ครั้งที่ 38 ประจำปี 2557 ภายใต้แนวคิด “งามสพรั่งบุปผา พันธุ์พฤกษาแห่งอาเซียน” ระหว่างวันที่ 7 – 9 กุมภาพันธ์ 2557 ณ บริเวณเชิงสะพานนวรัฐ ลานอเนกประสงค์ข่วงประตูท่าแพ และสวนสาธารณะหนองบวกหาด โดยนำผลการประเมินความพึงพอใจและข้อเสนอแนะของผู้ร่วมงานในปีที่ผ่านมา มาปรับปรุงให้การจัดงานในปีนี้บรรลุตามวัตถุประสงค์และสร้างความประทับใจแก่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และต่างประเทศที่มาร่วมชมความยิ่งใหญ่ตระการตาของขบวนรถบุปผชาติกว่า 20 คัน และความงามของไม้ดอก ไม้ประดับนานาพันธุ์ที่นำมาแสดงและจัดประกวดภายในงาน

วันนี้ (11 พ.ย.56) เวลา 13.30 น. ณ ห้องประชุมศูนย์อำนวยความเป็นธรรม ที่ทำการปกครองจังหวัดเชียงใหม่ ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ นายชนะ แพ่งพิบูลย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานการประชุมเตรียมจัดงานมหกรรมไม้ดอก ไม้ประดับ ครั้งที่ 38 ประจำปี 2557 ภายใต้แนวคิด “งามสพรั่งบุปผา พันธุ์พฤกษาแห่งอาเซียน” ซึ่งกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 7 – 9 กุมภาพันธ์ 2557 ณ บริเวณเชิงสะพานนวรัฐ ลานอเนกประสงค์ข่วงประตูท่าแพ และสวนสาธารณะหนองบวกหาด โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเชิดชูและคงไว้ซึ่งขนบธรรมเนียม ประเพณี และความงดงามตระการตาของไม้ดอกไม้ประดับนานาพันธุ์ของจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อเสริมสร้างการมีส่วนร่วมระหว่างภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ ภาคเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและประชาชนชาวจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อส่งเสริมอาชีพ รายได้ และการมีงานทำให้แก่ประชาชน ตลอดจนเสริมสร้างเศรษฐกิจโดยรวมของจังหวัดเชียงใหม่ให้ดียิ่งขึ้น รวมทั้งเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวตามแผนยุทธศาสตร์ของจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อพัฒนาระบบเศรษฐกิจให้เจริญเติบโต เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยว นำรายได้เข้าสู่ประเทศและจังหวัดเชียงใหม่ รวมทั้งเป็นการเผยแพร่ภาพลักษณ์ที่ดีของจังหวัดเชียงใหม่สู่นานาประเทศต่อไป กำหนดจัดกิจกรรมหลักภายในงานรวม 9 กิจกรรม ประกอบด้วย การจัดนิทรรศการ การประกวดไม้ดอกไม้ประดับและการจัดสวน การประกวดขบวนรถบุปผชาติ การแสดงนาฏศิลป์ดนตรีในสวนและการแสดงดนตรีของสถาบันการศึกษา การประกวดนางงามบุปผชาติและนางงามบุปผชาตินานาชาติ การจัดกาดหมั้ว การแสดงและจำหน่ายสินค้าผลิตภัณฑ์ชุมชนของจังหวัดเชียงใหม่ การตกแต่งเส้นทาง/ถนนดอกไม้ การจัดมหกรรมอาหารและการประกวดหน้าบ้านน่ามอง ซึ่งทุกกิจกรรมที่จัดภายในงานได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศเดินทางมาท่องเที่ยวและร่วมกิจกรรมจำนวนมาก

สำหรับการประชุมในครั้งนี้ ที่ประชุมได้หยิบยกประเด็นปัญหาอุปสรรคที่เกิดขึ้นในการจัดงานมหกรรมไม้ดอกไม้ประดับในปีที่ผ่านมาซึ่งมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ได้ประเมินความพึงพอใจของผู้ร่วมชมงานทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ มาร่วมพิจารณาเพื่อปรับปรุงแนวทางการจัดงานให้เกิดความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น เพื่อสร้างความประทับใจแก่นักท่องเที่ยวที่มาร่วมงาน อาทิ การขาดความต่อเนื่องของขบวนรถบุปผชาติ การจัดระเบียบผู้ชมที่อยู่ตลอดเส้นทางการแห่ขบวน การจัดห้องน้ำให้เพียงพอและมีความสะอาด การจัดระเบียบจราจร รวมทั้ง การแสดงราคาอาหารที่จำหน่ายภายในงาน เนื่องจากได้รับการร้องเรียนว่ามีการจำหน่ายอาหารราคาแพงในช่วงของการจัดงานในปีที่ผ่านมา เป็นต้น

……………………………………………………………………………………………………………………………………………….

ราตรี  จักร์แก้ว                สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงใหม่                    11 พฤศจิกายน  2556

CNXNEWS รายงาน


จังหวัดเชียงใหม่ประชุมหารือโครงการสีสันสดใสเมืองไทยน่าเที่ยว

02 ก.พ. 2013
461
Spread the love

จังหวัดเชียงใหม่ประชุมหารือโครงการสีสันสดใสเมืองไทยน่าเที่ยว 

 

จังหวัดเชียงใหม่ประชุมหารือกับคณะกรรมการในการดำเนินงานโครงการถนนสายท่องเที่ยวและโครงการสีสันสดใสเมืองไทยน่าเที่ยว (แต่งสีประเทศไทย) จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อดูความคืบหน้าของการดำเนินโครงการ

เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา 15.00 น. ณ ห้องประชุม 2 ชั้น 2 ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานในการประชุมการดำเนินงานโครงการถนนสายท่องเที่ยวและโครงการสีสันสดใสเมืองไทยน่าเที่ยว (แต่งสีประเทศไทย) จังหวัดเชียงใหม่ ประจำปีงบประมาณ 2556 จากงบของกรมการท่องเที่ยว กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา ร่วมกับ ตัวแทนสำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงใหม่ เทศบาลนครเชียงใหม่ และภาคเอกชน ผู้ประกอบการในจังหวัดเชียงใหม่

โดยรองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า ตามที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยสำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงใหม่ ได้รับใบโอนจัดสรรเงินงบประมาณจากสำนักงานปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เพื่อดำเนินงานโครงการถนนสายท่องเที่ยวและโครงการสีสันสดใสเมืองไทยน่าเที่ยว(แต่งสีประเทศไทย)จังหวัดเชียงใหม่ ประจำปีงบประมาณ 2555 แต่ไม่สามารถดำเนินการได้ทันปีงบประมาณ 2555 จึงได้กันเงินไว้เบิกจ่ายเหลื่อมปี แบบไม่มีหนี้ผูกพัน ซึ่งขณะนี้ทางสำนักงานปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้ส่งใบโอนจัดสรรเงินงบประมาณประจำปี 2555 เพื่อให้ดำเนินงานทั้ง 2 โครงการมาให้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และเพื่อให้การดำเนินงานทั้ง 2 โครงการเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของโครงการและเบิกจ่ายให้ทันเวลาจึงได้ทำการแต่งตั้งคณะกรรมการฯเพื่อปรึกษาหารือ พร้อมกำหนดรูปแบบ รายการ สถานที่ดำเนินการของทั้ง 2 โครงการ

ด้านตัวแทนเทศบาลนครเชียงใหม่ กล่าวว่า ทางเทศบาลฯได้รับงบประมาณประมาณ 6 ล้าน 7 แสนบาทในการดำเนินโครงการพัฒนาถนนสายท่องเที่ยวและโครงการสีสันสดใสเมืองไทยน่าเที่ยว จังหวัดเชียงใหม่ โดยได้แบ่งกิจกรรมดังนี้ โครงการพัฒนาถนนสายท่องเที่ยวคือการปรับปรุงโคมไฟฟ้าทางเท้ารอบคูเมืองทั้งด้านในและด้านนอก ปรับปรุงโคมไฟฟ้าทางเท้าริมตลิ่งแม่น้ำปิงฝั่งทิศตะวันออก ปรับปรุงโคมไฟฟ้าส่องสว่างสะพานเหล็ก ปลูกซ่อมแซมต้นไม้ใหญ่ รอบคูเมือง จำนวน 130 ต้น และซ่อมแซมปรับปรุงน้ำพุดนตรี 2 ข้าประตูท่าแพ และน้ำพุรอบคูเมือง 4 มุมเมือง

ด้านตัวแทนผู้ประกอบการและภาคเอกชน ได้เสนอให้ทางเทศบาลฯได้เน้นการซ่อมแซมให้มีความสวยงาม ปลอดภัย รวมทั้งการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงป้ายโฆษณาที่อาจกีดขวางทางเดิน ควรเปลี่ยนมาเป็นป้ายบอกเส้นทางแหล่งท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงใหม่ตามเส้นทางและถนน เช่น ถนนท่าแพ ถนนวัวลาย และนอกจากนั้นอยากเสนอให้ทางเทศบาลฯให้ความสำคัญกับการจัดทำที่นั่งพักริมทางพร้อมเพิ่มแสงสว่างให้มากทุกจุด

สำหรับโครงการสีสันสดใสเมืองไทยน่าอยู่ (แต่งสีประเทศไทย) จังหวัดเชียงใหม่ ทางเทศบาลฯได้เสนอเส้นทางบริเวณหน้าเทศบาลนครเชียงใหม่ถึงเชิงสะพานนครพิงค์ ในเรื่องของการก่อสร้างพื้นคอนกรีตพิมพ์ลาย ก่อสร้างกระบะต้นไม้ ก่อสร้างเก้าอี้ สร้างทางสำหรับคนพิการ เพิ่มจำนวนหลอดไฟชนิดฝังพื้น รวมถึงปลูกต้นปีบทอง ต้นไทรเกาหลี และต้นคริสติน่า เป็นต้น และเส้นทางระหว่างฝังสะพานนครพิงค์ถึงตลาดเทศบาลฯ ซึ่งการเลือกสถานที่แห่งนี้เนื่องจากจะเป็นการต่อยอดไปสู่โครงการอื่นๆ โดยในที่ประชุมเห็นด้วยกับสถานที่ในการทำโครงการ เพราะเนื่องจากจะเป็นการสร้างภูมิทัศน์ที่ดีและสวยงามบริเวณตลาดแล้ว ยังจะสามารถต่อยอดในการสร้างบรรยากาศการล่องเรือเที่ยวในยามค่ำคืนให้กับนักท่องเที่ยวได้ชมความงดงามสองฝั่งแม่น้ำปิง

หลังจากนี้ไปทั้งทางเทศบาลนครเชียงใหม่และสำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงใหม่ จะได้กลับไปสรุปแผนการดำเนินงานให้ชัดเจนเพื่อนำเสนอต่อผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ในการกำหนดรูปแบบของโครงการทั้งสองให้ชัดเจนเพื่อเริ่มดำเนินการต่อไป.

 

สำนักข่าว

cnx news เจาะข่าว ตรงใจคุณ รายงาน