วันพฤหัสบดี, 25 เมษายน 2567

ครั้งหนึ่งในชีวิตที่พิชิตหิมาลัย ณ เนปาล Part. 2

Spread the love

ครั้งหนึ่งในชีวิตที่พิชิตหิมาลัย ณ เนปาล Part. 2

จาก Part. 1 มาถึง Part. 2 มันก็จะเริ่มเข้มข้นขึ้นนะคะ สำหรับใครที่ยังไมได้อ่าน Part. 1 คลิกลิงก์ได้เลยค่ะ เพื่อความต่อเนื่องในเนื้อหา ที่จะเริ่มเข้มข้นขึ้นนั่นเพราะเป็นปกติธรรมดาสำหรับการเดินทางวันแรก ๆ ที่เรามาร่วมทริปกัน เราก็อาจจะยังไม่ค่อยสนิทสนมกันเท่าไหร่ ต่างคนต่างที่มา ต่างที่ทำงาน บางคนมาเดี่ยว บางคนมาคู่ แต่คราวนี้หละ เราจะมีครอบครัวใหม่กัน 555+++ กล่าวคือ พวกเราต้องนอนด้วยกัน กินด้วยกัน ต้องเดินร่วมทางกัน เป็นระยะเวลาหลาย ๆ วัน ถ้าคุณผู้อ่านจำตอนสมัยพวกเราเป็นนักเรียนเราก็จะมีการเข้าค่ายลูกเสือ เนตรนารี นั่นแหละค่ะ!!! พวกเราขาดแค่ผ้าพันคอกับไม้พลองเท่านั้นเอง

แอดขอแนะนำเลยนะคะ สำหรับการมาเทรคนั้น เราควรเตรียมอุปกรณ์การเทรคให้พร้อม ถึงแม้มันจะเยอะไปหน่อยแต่เมื่อเราขึ้นเขาไปแล้ว บางอย่างมันไม่สามารถหาซื้อได้ และจะทำให้เราลำบากมากในการเดินทางค่ะ อุปกรณ์ที่ต้องเตรียม ก็มีดังต่อไปนี้นะคะ เสื้อกันหนาว ควรเป็นแบบสองชั้น คือ ข้างในกันหนาวข้างนอกกันฝนและควรมีฮูด เสื้อตัวที่ใส่ด้านในควรจะเป็นแบบเก็บอุณหภูมิและแห้งเร็ว เพราะเหงื่อจะออกตลอดการเดินทาง กางเกงเดินป่าแบบกันน้ำเบาและแห้งเร็ว เบสเลเยอร์ หรือลองจอนเพื่อให้ร่างกายอบอุ่นเมื่อเราเดินทางขึ้นบนเขาจะหนาวมากค่ะ ถ้าจำไม่ผิดจะเป็นเลขตัวเดียวตลอด หลังจากขึ้นความสูงที่ 2,170 เมตร ที่หมู่บ้าน (Chhomrong) โชมโรง รองเท้าหุ้มข้อสำหรับเดินเขาพร้อมถุงเท้าเทรคกิ้งอย่างหนา (ต้องอย่างหนาจริง ๆ นะคะ) เพราะจะกันการเสียดสีระหว่างเท้ากับรองเท้าเพราะเราต้องเดินตลอด ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนร่วมทริปหรือ คนอื่น ๆ ที่เดินสวนทางกับพวกเรา หลายคนมีปัญหาเรื่องนี้ค่ะ บางคนต้องถอดรองเท้าลากแตะกันลงมาเลยเพราะ ไม่เล็บขบ ก็เท้าเสียดสีจนเป็นแผลค่ะ เรื่องเล็บขบอย่ามองข้ามเด็ดขาดนะคะ นรกชัด ๆ เลยหละค่ะที่เตือนอย่างดุเดือดนี้เพราะอยากให้เพื่อน ๆ ที่อยากมาเทรคที่เนปาลได้มีความทรงจำที่สวยงามตลอดการเดินทางค่ะ  ส่วนถุงมือกันหนาวจะได้ใช้ก็ประมาณความสูงที่  3,320 เมตร ที่หมู่บ้าน ดีลราลี่ (Deurali) ถ้าไม่มีมืออาจจะแข็งได้ค่ะ 5555  หมวกแก๊ปด้วยค่า เป้ประจำตัว (เอาไว้ใส่ ยาดม ยาลม ยาหม่อง ขนม น้ำดื่มระหว่างทาง) ไม้เท้าเทรคกิ้ง (Treking Pole) อุปกรณ์ซัพพอร์ตเข่าและข้อเท้า (Ankle and Knee Supporters) สำหรับผู้ที่มีน้ำหนักมากนิดหนึ่งนะคะ เพราะเท้าและขาต้องรับน้ำหนักตัวตลอดการเดินทางค่ะ กระบอกน้ำดื่มสแตนเลสเก็บความร้อน ยาประจำตัว ผ้าบัฟ ผ้าปิดจมูก
แว่นกันแดด ไฟฉายคาดศรีษะ ทิชชูเปียก เสื้อผ้ากางเกงอย่างน้อย 3 ชุด ของว่างสำหรับเพิ่มพลังงานระหว่างเทรค เช่นช็อคโกแลต ถ้ามาจากเมืองไทย ติดกล้วยตากมาด้วยก็ดีค่ะ อิอิ
ครีมกันแดด โลชั่นทาผิว ลิปมัน ยาดม ยาลม ยาหม่อง ยาคลายกล้ามเนื้อ ยากันโรคแพ้ความสูง (Diamox) ยาตัวนี้ซื้อมาจากเมืองไทยเลยก็ดีนะคะ เพราะคุณภาพจะดีกว่าที่เนปาลค่ะ ผ้าเช็ดตัวผืนบางแห้งง่ายเพราะที่พักบนเขาไม่มีให้ค่ะอุปกรณ์อาบน้ำ สบู่ แชมพู ยาสีฟัน แปรงฟัน (ขนาดเล็ก) รองเท้าแตะไว้ใส่เข้าห้องน้ำและบริเวณที่พักหมวกไหมพรมใส่นอน ถุงนอน
เสื้อกันฝน สเปรย์ดับกลิ่นรองเท้า บางคนอ่านแล้ว โห้!!! เยอะจัง แต่ต้องเตรียมทุกอย่างค่ะ เพื่อการพิชิตหิมาลัยที่สมบูรณ์แบบ ป่ะเราจะเริ่มเดินทางกันเลย ใน Part. 2 นี้เราจะเริ่มเทรคจาก กาลดรุก (Ghandruk) ไปยัง โชมโรง (Chhomrong) ความสูง 2,170 เมตร จาก โชมโรง (Chhomrong) ไปแบมโบ (Bamboo) ความสูง 2,310 เมตร จาก แบมโบ (Bamboo) ถึง ดีลราลี่ (Deurali)  ความสูง 3,320 เมตร และจาก ดีลราลี่ (Deurali) ถึง ABC Base Camp  ความสูง 4,130 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล นั่นคือปลายทางของพวกเรา

การเดินเทรคในโปรแกรม ABC TREK (Annapurna Base Camp Trekking) นั้น ถ้าคิดเป็นกิโลเมตรก็จะประมาณ 160 กิโลเมตร สิ่งที่พวกเราเจอ คือ บันไดหินสุดโหด สะพาน แม่น้ำ ป่าดิบชื้น ฝนตก ลูกเห็บ ความร้อนจากแดด ในการเดินทางของพวกเรา กรุ๊ป B จะออกเดินทางไปก่อน แล้วตามด้วยกรุ๊ป A แอดไม่ได้พิมพ์ผิดนะคะ แต่กรุ๊ป B จะออกเดินทางก่อนเสมอ ระยะแรก ๆ ก็จะเป็นกลุ่มก้อนกันดีอยู่ค่ะ หลัง ๆ เริ่มมี กรุ๊ป C เพิ่มขึ้น ก็มันเหนื่อยนี่หว่า 5555 ขอรั้งท้ายขบวนหน่อย สลับกันไปมาในกลุ่ม แอดจำได้ขึ้นใจเพราะแอดจะเดินปิดท้ายขบวนตลอด ก็คุยกับพี่คนหนึ่งในกรุ๊ปว่า เอ..เราต้องหาเรื่องอะไรคุยกันละ เพื่อให้ลืมความเหนื่อย และเรื่องที่พวกเราเลือกที่จะคุยกันก็คือ “การเมืองของไทย” ช่วงที่เราเดินไปด้วย คุยไปด้วยนั้น ไม่นายกลุงตู่ หรืออดีตนายกทักษิณ คงจะไอหรือจามกันไปตาม ๆ กัน 5555 ปรากฏว่ามันได้ผลค่ะ เผลอแป๊บเดียวเราถึงที่พักแล้ว ตลอดการเดินทางของพวกเรา ถามว่าราบรื่นไหม ตอบเลยค่ะว่า ไม่ค่อยเท่าไหร่ มันเหมือนการเดินทางในชีวิตคนเรานั่นแหละค่ะ ที่มีทั้งทุกข์ และสุข มีทั้งหัวเราะและร้องไห้ มีทั้งคนเป็นตะคริว มีทั้งคนที่แพ้ความสูง จากที่เราต้องเดินตากแดด ตากฝน โดนลูกเห็บ หนาวเหน็บจนอยากถอดใจ นี่พวกเรามาทำอะไรกันที่นี่ ? แต่พวกเราไม่สามารถหยุดได้ เราต้องเดินต่อไปจนกว่าจะถึงจุดหมายในแต่ละวัน เราไม่สามารถเหนื่อยแล้วขอพักนอนกลางทางได้ ในแต่ละจุดที่เดินขึ้นหรือเดินลง คุณต้องถึงที่พักเท่านั้น คุณถึงจะหยุดแล้วล้มตัวลงนอนได้ การเดินทางครั้งนี้มันสอนอะไรได้มากมายจริง ๆ นี่ไม่ใช่แค่บทพิสูจน์ร่างกายเท่านั้น แต่มันพิสูจน์จิตใจด้วย เพราะคุณต้องท่องไว้ในใจตลอดการก้าวเดินว่า อดทน อดทน และอดทนเท่านั้น  แอดขอแนะนำอีกแล้วค่ะ แนะนำให้คนที่เป็นคู่รักกัน คนที่กำลังคบกัน มาเดินเทรคด้วยกันค่ะ พวกคุณจะได้อะไรมากมายมหาศาล จากการเดินทาง ถ้ากลับไปแล้วคบกันต่อ แสดงว่าพวกคุณต้องเดินทางร่วมกันไปตลอดชีวิตได้แน่นอน แต่ถ้ากลับไปแล้วเลิกกัน นั่นก็ตัวใครตัวมันนะคะ แฮร่ ๆ ๆ

สำหรับใน Part. นี้ แอดต้องขอขอบคุณเพื่อนร่วมทริปทุกคนที่เดินร่วมทางกันมา ขอบคุณ Nepal 101 ที่จัดโปรแกรมนี้ให้เราได้มาพิชิตหิมาลัยด้วยกันค่ะ ขอบคุณภาพสวย ๆ บางส่วนจากพี่น้องในทริป ไม่ว่าจะเป็น พี่โด้ น้องเต้ คุณปอม ใน Part.3 แอดจะมาเล่าถึงเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันสำหรับโรคแพ้ความสูง หรือ AMS (Acute Mountain sickness) แอดเจอกับตัวในทริปนี้เลยค่ะ อาการเป็นอย่างไร ต้องป้องกันอย่างไร ในPart. 3 จะมีรายละเอียดให้ครบถ้วนเลยค่ะ โปรดติดตามนะคะ

 


ครั้งหนึ่งในชีวิตที่พิชิตหิมาลัย ณ เนปาล Part.1

Spread the love

 

ครั้งหนึ่งในชีวิต ที่พิชิตหิมาลัย ณ เนปาล  Part. 1

 

สวัสดีคุณผู้อ่านทุกท่านค่ะ รีวิวนี้ต้องขออภัยผู้อ่านทุกท่านที่บางครั้งอาจจะใช้ถ้อยคำที่ผสมผสานความรู้สึกที่เป็นธรรมชาติของคนตามความเป็นจริง อาจจะไม่สวยงามหรือสุภาพเท่าไหร่ ต้องขออภัยก่อนล่วงหน้านะคะ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เรามาเริ่มตะลุย หิมาลัยกันเลยดีกว่า สำหรับการเดินทางมาเนปาลในครั้งนี้ของแอดมินเอง ไม่ได้เดินทางมาพร้อมกับกรุ๊ปนะคะ แอดเดินทางมาก่อนตั้งแต่เดือนมกราคมค่ะ แต่พอได้มีโอกาสได้เจอกรุ๊ปที่มาจากเมืองไทย เราก็มีความดีใจหนักมาก ที่ได้มีโอกาสร่วมทริปด้วยเพราะด้วยความเป็นคนไทย ที่มาอาศัยอยู่ต่างบ้านต่างเมืองก็คิดถึงคนไทย คิดถึงบ้านอย่างน้อยยังไม่ได้กลับแต่ก็ขอเจอคนไทยด้วยกันก็ยังดี  กรุ๊ปของพวกเรามีผู้ร่วมชะตากรรมทั้งหมด 23 คน และพวกเราก็ถูกแบ่งให้มีจำนวนเท่า ๆ กัน คือ กรุ๊ป A 11 คน และกรุ๊ป B 12 คน เพื่อให้ง่ายต่อการดูแลของไกด์ค่ะ โดยมี #Nepal101 เป็นบริษัททัวร์ที่ทำหน้าที่พาพวกเราไปพิชิตหิมาลัย โปรแกรมอย่างเป็นทางการของพวกเราคือ ABC TREK (Annapurna Base Camp Trekking) 11 คืน 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 12 เมษายน- ถึงวันที่ 23 เมษายน 2018 ถามว่าพร้อมมั๊ย ตอบเลยว่าไม่ ฮ่า ๆ สำหรับแอดเอง พอรู้ว่าจะได้ไปเทรค ก็เริ่มจัดเลยค่ะเต้นแอโรบิก T25 วันละประมาณ 20 นาที ก่อนไปประมาณ 1 อาทิตย์และเดินอีกวันละ 5 กิโลเมตรประมาณ 3 เดือนก่อนเทรค เพราะแอบไปอ่านรีวิวของคนอื่นมาก่อนแล้วในการเตรียมตัว แต่ลืมแอบถามเพื่อน ๆ ในกรุ๊ปว่าออกกำลังกายกันอย่างไร ก่อนจะเดินทางมาเทรคนั้น การออกกำลังกายสำคัญมากนะคะ สำหรับเพื่อน ๆ ที่ยังไม่เคยมาเพราะการเดินขึ้นบนเขาความสูง 4,130 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ต้องใช้กำลังขาเยอะมากในการเดินขึ้นเขาที่มีความสูงชันและฝึกการหายใจให้สัมพันธ์กับความเหนื่อย ที่ประเมินค่าเป็นกิโลไม่ได้ นึกถึงคนที่เขียนรีวิวว่า ทริปหลักหมื่นเหนื่อยหลักล้าน ก่อนเดินทางพวกเราไม่รู้หรอกค่ะว่าสิ่งที่พวกเขาเขียนนั้นมันจริงเท็จแค่ไหน จนวันนี้ได้มาเหยียบเนปาลพวกเราก็เริ่มเหนื่อยกันตั้งแต่เดินเข้าพักโรงแรม เดินไปที่จอดรถทัวร์ เพราะที่นี่ไม่มีนะคะ ไม่มีอะไรที่อำนวยความสะดวกให้พวกเราเหมือนเมืองไทยมันก็จำเป็นหล่ะค่ะ ไหน ๆ ก็ตั้งใจมาทรมานร่างกายอยู่แล้ว เดินแค่นี้จะเป็นไรไปเนาะ หลังจากรับประทานอาหารเย็นเสร็จ  กลุ่มของพวกเรากำลังจะเดินกลับโรงแรม มีน้องคนหนึ่งในกลุ่มเหลือบไปเห็นรถเข็นขายโรตี ว๊าว!!! เรารอดแล้ว สั่งไป 3 อัน ในระหว่างรอนั้น พวกเราก็ถ่ายรูปไปคุยกันไป มองร้านต่าง ๆ รอบ ๆ ตัวในย่านทาเมล ช่างแปลกหูแปลกตาเหลือเกินทันใดนั้น ก็ได้ยินเสียงคนขายโรตีถาม  Do you want Tomato? หา !!! พวกเราหันมามองหน้ากัน อ่าว โรตีในฝันของกรู ต้องนุ่ม ๆ เหนียว ๆ หอมเนย ราดด้วยนมข้นไม่ใช่เหรอวะ แล้วทำไมต้องมาใส่ Tomato ให้กรูด้วย จบกัน จบกัน จะไม่เอาก็ไม่ได้ สีหน้าคนขายมันเอาเรื่องน่าดู ดังนั้นเพื่อความอยู่รอดและให้ได้ไปเทรคในวันพรุ่งนี้ พวกเราถูกยัดเยียดความอร่อยนี้ในราคาอันละ 150 รูปี (โรตีห่าไรวะ ใส่มะเขือเทศ หอมแดง พริก 5555) ราตรีสวัสดิ์ เนปาล

 

NAMASTE NEPAL…วันแรกของการเทรคพวกเราเดินทางจากโรงแรมในเมืองกาฐมาณฑุ ไปยังเมืองโพคราในระยะทางประมาณ 200 กิโลเมตร ถ้าเป็นเมืองไทยก็คงไม่เกิน 3 ชั่วโมงในการเดินทางโดยรถบัสแต่นี่ซัดเข้าไป 6 ชั่วโมงเป็นไงหล่ะ ก้นของแต่ละคนด้านไปตาม ๆ กันเลยค่า พอถึงเมืองโพคราพวกเราก็พักโรงแรม1 คืนและเริ่มเทรคจริง ๆ ก็วันที่ 14 เมษายน โดยเริ่มจากหมู่บ้านนายาพูน (Nayapul) ในช่วงแรกนี้จะเดินขึ้นเนินเขาไม่สูงชันเท่าไหร่ 555 (ประโยคนี้จำได้แม่นเลย) แม่งเดินโคตรเหนื่อย แดดก็ร้อน แม่เจ้านี่แค่ด่านแรก กรูจะรอดถึง 4,130 เมตรมั๊ย!! นี่แค่กาลรุก (Ghandruk) ความสูง 1,940 เมตร ในหมู่บ้านนี้ เป็นหมู่บ้านที่เก่าแก่ยังคงความเป็นเนปาลได้ทุกกระเบียดนิ้ว มีพิพิธภัณฑ์ที่เก่าแก่ของหมู่บ้าน และยังมีชุดชนเผ่าพื้นเมืองของเนปาลให้เช่าถ่ายรูปด้วย สวยงามตามท้องเรื่องเพราะเพื่อนร่วมทริปของพวกเราสวย ๆหล่อ ๆ ทั้งน๊านนน Good Night Ghandruk

นี่แค่การเริ่มต้น หนทางพิชิตหิมาลัยยังยาวไกลใน Part หน้ายังมีการเดินทางที่ หฤโหดมาเล่าให้ฟังอีกเยอะค่ะ พร้อมภาพสวย ๆ จากพวกเราในทริป ขอบคุณภาพบางส่วน จาก น้องเต้ คุณปอม พี่โด้ ขอบคุณ Nepal 101 ในการเดินทางมาท่องเที่ยวประเทศเนปาลในครั้งนี้ด้วยค่ะ