วันเสาร์, 20 เมษายน 2567

คณะแพทยศาสตร์ มช. จัดใหญ่! วันคล้ายวันสถาปนา ครบรอบ 54 ปี

29 ต.ค. 2013
194
Spread the love

คณะแพทยศาสตร์  มช.

จัดใหญ่! วันคล้ายวันสถาปนา ครบรอบ 54 ปี 

 

คณะแพทยศาสตร์  มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จัดกิจกรรมเนื่องในโอกาสวันคล้ายวันสถาปนาครบรอบ 54 ปี  โดยได้จัดให้มีพิธีทำบุญและพิธีเชิดชูเกียรติบุคลากรดีเด่นคณะฯ  ในวันจันทร์ ที่ 28 ตุลาคม 2556

ศ.เกียรติคุณ นพ.กำพล กลั่นกลิ่น อดีตคณบดีคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวว่า  ในวาระครบรอบวันสถาปนา คณะแพทยศาสตร์เชียงใหม่ 28 ตุลาคม 2556 นับเป็นปีที่ 54 นี้ได้จัดให้มีพิธีทำบุญเพื่อเป็นสิริมงคลแก่คณะแพทยศาสตร์และบุคลากรที่ปฏิบัติงาน อีกทั้งเพื่อส่งเสริมและสร้างจิตสำนึกให้รักและผูกพันกับองค์กร เพื่อเกิดความสามัคคีในหมู่คณะฯ ตลอดจนเป็นการสืบสานขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงาม รวมทั้งมีพิธีมอบโล่และรางวัลต่าง ๆ  แก่นักวิจัยแพทย์ พยาบาล และบุคลากรคณะฯ  ซึ่งประกอบด้วย พิธีมอบโล่นักวิจัยดีเด่น ประจำปี 2556 อาทิ  ผู้มีผลงานวิจัยที่ได้รับรางวัลระดับชาติ  จำนวน 4 ราย , ผู้มีผลการวิจัยที่ได้รับรางวัลระดับชาติ  จำนวน 4 ราย , นักวิจัยที่มีผลงานตีพิมพ์ในวารสารวิชาการนานาชาติมากที่สุด  ประจำปี 2555 ,นักวิจัยที่มีผลงานตีพิมพ์ในวารสารวิชาการที่มี  Impact factor สูงที่สุด ประจำปี 2555 และนักวิจัยที่มีผลงานได้รับการอ้างอิงสูงสุด ประจำปี 2551-2555 ,ทั้งนี้ยังมีการมอบรางวัลอาจารย์แพทย์ต้น  แบบ 3 ท่าน ,พิธีมอบเกียรติบัตรบุคลากรดีเด่น  คณะแพทยศาสตร์ จำนวน 68 ราย พร้อมด้วยการมอบทุน “แม่กิ้มหน้อย  นันทจิต” จำนวน 3 ราย  โดยบรรยากาศภายในงานเป็นไปอย่างคึกคัก มีผู้เข้าร่วมงานเป็นจำนวนมากประกอบด้วย อาจารย์อาวุโสคณะแพทยศาสตร์  , ผู้แทนจากสำนักสถาบันต่างๆ และบุลากรคณะแพทยยศาสตร์อีกจำนวนมากต่างเข้าร่วมพิธีด้วยความภาคภูมิใจและให้ความร่วมมือกันอย่างดียิ่ง

อดีตคณบดีคณะแพทยศาสตร์ ยังได้กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า  “เมื่อ 54 ปีก่อน ประเทศไทยมีการสอนแพทย์แผนปัจจุบันอยู่ที่กรุงเทพมหานคร   2 แห่ง ขณะนั้นยังขาดแคลนแพทย์อยู่เป็นอันมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนภูมิภาค  รัฐบาลจึงมีนโยบายที่จะขยายการผลิตแพทย์ให้เพียงพอแก่ความต้องการของประเทศ  และเห็นความสำคัญของการมีโรงเรียนแพทย์ในส่วนภูมิภาคของประเทศไทย เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม  พุทธศักราช 2499   จึงมีมติให้จัดตั้งคณะแพทยศาสตร์แห่งที่ 3 ขึ้นที่จังหวัดเชียงใหม่   โดยให้เลือกสถานที่ตั้งที่มีการคมนาคมสะดวก อยู่ใกล้แหล่งชุมชน มีไฟฟ้าใช้เพียงพอ ไม่เสี่ยงต่อการเกิดอุทกภัย และมีโอกาสขยายได้ในอนาคต  เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม พศ. 2501  ที่ประชุมของกระทรวงสาธารณสุขประกอบด้วย  หลวงเฉลิมพรมมาส  รัฐมนตรีว่าการการทรวงสาธารณสุข  พระบำราศนราดูร   ปลัดกระทรวงสาธารณสุข   หลวงพิณพากย์พิทยาเภท   อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์   หลวงนิตย์เวชชวิศิษฏ์  อธิบดีกรมการแพทย์ ได้ตกลงมอบ  โรงพยาบาลนครเชียงใหม่ของกรมการแพทย์ให้แก่มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ โดยในเบื้องต้นมีพื้นที่ 35 ไร่ ขณะนั้นมีนายแพทย์ระเบียบ ฤกษ์เกษม ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการโรงพยาบาล ต่อมาได้มีการซื้อที่ดินเพิ่มเติมรวมมีพื้นที่ 276ไร่ เมื่อมีที่ดินแล้วจึงแต่งตั้งคณะกรรมการวางแผนสร้างคณะแพทยศาสตร์ขึ้นประกอบด้วยปลัดกระทรวงสาธารณสุข อธิบดีมหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ รักษาการคณบดี  คณะแพทยศาสตร์เชียงใหม่ พร้อมทั้งผู้เชี่ยวชาญฝ่าย USOM และท่านอื่นๆ ในขณะเดียวกันมีการเปิดรับนักศึกษาแพทย์รุ่นแรกในปีพุทธศักราช 2501

เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม พศ. 2502 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ตราพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งคณะแพทยศาสตร์เชียงใหม่ในมหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์     จึงถือเอาวันที่ 28 ตุลาคม พศ. 2502 เป็นวันก่อตั้งคณะแพทยศาสตร์เชียงใหม่   ภายหลังจากที่มีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ คณะแพทยศาสตร์จึงได้โอนมาสังกัดมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 16 มีนาคม พศ. 2508   โดยในขณะนั้น ศาสตราจารย์ นายแพทย์บุญสม  มาร์ติน    ดำรงตำแหน่งคณบดีคณะแพทยศาสตร์ มช.  และศาสตราจารย์นายแพทย์ระเบียบ ฤกษ์เกษม  ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่  ในเบื้องต้นมีการสอนหลักสูตรพยาบาลศาสตร์  ทันตแพทยศาสตร์  เภสัชศาสตร์ และเทคนิคการแพทย์ในคณะแพทยศาสตร์ด้วย ซึ่งในเวลาต่อมาได้แยกออกไปเป็นคณะวิชาต่าง ๆ

นับถึงปัจจุบันคณะแพทยศาสตร์เชียงใหม่ได้ก่อตั้งมาครบ  54  ปี   มีความเจริญก้าวหน้ามาเป็นลำดับ มีพื้นที่กว่า 300 ไร่  มีการสอนหลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิต และระดับบัณฑิตศึกษา    ทั้งปริญญาโท และปริญญาเอก มีอาจารย์รวม 449 ท่าน มีบุคลากรกว่า5,000 คน มีนักศึกษา   1,505 คน  มีการพัฒนาทั้งในด้านกายภาพ และคุณภาพ เป็นองค์กรแห่งการศึกษาวิชาการ ให้บริการรักษาพยาบาลที่มีจำนวนเตียงมากเป็นที่ 2 ของประเทศ   มีศูนย์ศรีพัฒน์  และศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์เพื่อเสริมการบริการวิชาการแก่สังคมต่อไป

 

สำนักข่าว cnxnews รายงาน