วันศุกร์, 26 เมษายน 2567

การประชุมคณะอนุกรรมการจัดทำและทบทวนแผนพัฒนาจังหวัดเชียงใหม่

Spread the love

การประชุมคณะอนุกรรมการจัดทำและทบทวนแผนพัฒนาจังหวัดเชียงใหม่ (พ.ศ.2557-2560)

และจัดทำแผนปฏิบัติราชการประจำปี พ.ศ.2560

unnamed (2)

การประชุมคณะอนุกรรมการจัดทำและทบทวนแผนพัฒนาจังหวัดเชียงใหม่ (พ.ศ.2557-2560) และจัดทำแผนปฏิบัติราชการประจำปี พ.ศ.2560 ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

เมื่อวันที่ 29 ก.ย. 58  ณ ห้องประชุม 4 ชั้น 4 อาคารอำนวยการ ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ นายชนะ แพ่งพิบูลย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการจัดทำและทบทวนแผนพัฒนาจังหวัดเชียงใหม่ (พ.ศ.2557-2560) และจัดทำแผนปฏิบัติราชการประจำปี พ.ศ.2560 ได้หารือนโยบาย หลักเกณฑ์และวิธีการจัดทำแผนปฏิบัติราชการประจำปีของจังหวัดหรือกลุ่มจังหวัดประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2560 รวมทั้งหลักเกณฑ์และแนวทางการกำหนดกรอบการจัดสรรงบประมาณจังหวัดและกลุ่มจังหวัด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2560 ให้มีความสมบูรณ์ เกิดประสิทธิผล สอดคล้องกับศักยภาพและโอกาสการพัฒนา รวมทั้งความต้องการของประชาชนในพื้นที่ โดยเป็นไปตามแนวทาง หลักเกณฑ์ และปฏิทินการดำเนินงานตามที่คณะกรรมการนโยบายการบริหารงานจังหวัดและกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ (ก.น.จ.) กำหนด

รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า จัดทำและทบทวนแผนพัฒนาจังหวัดเชียงใหม่ (พ.ศ.2557-2560) และจัดทำแผนปฏิบัติราชการประจำปี พ.ศ.2560 ให้ยึดหลักแผนการบริหารราชการแผ่นดิน ของรัฐบาล นำมาปรับใช้กับแผนพัฒนาจังหวัดและกลุ่มจังหวัด ซึ่งในครั้งนี้ได้กำหนดยุทธศาสตร์ กลยุทธ์ เป้าประสงค์ ตัวชี้วัดด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่จำเป็นจะต้องมุ่งเน้นการทำงานแบบเครือข่ายร่วมกันทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ เอกชน ประชาชนเพื่อร่วมกำหนดทิศทางให้เหมาะสมกับโอกาสและมีศักยภาพ โดยมีโครงการสำคัญที่จะดำเนินการได้แก่ การรักษาป่าสมบูรณ์จำนวน 10 ล้านไร่ การฟื้นฟูพื้นที่ป่าเสื่อมโทรมให้ได้รับการแก้ไขจำนวน 4,000 ไร่ ให้สำเร็จภายในปี 2561 การรักษาคุณภาพอากาศดีให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานไม่น้อยกว่าร้อยละ 95 หรือ 348 วันต่อปี ให้อยู่ในระดับร้อยละ 97 การลดจำนวน Hot spot หรือจุดที่ตรวจพบความร้อนมากผิดปกติของค่าความร้อนบนผิวโลก จากเดิม 2,028 จุด ให้ลดลงร้อยละ 1 ต่อปี การกำจัดขยะของจังหวัดเชียงใหม่ที่มีปริมาณ 600,000 ตัน/ปี โดยปี 2560 มีเป้าหมายในการลดร้อยละ 5 ทั้งนี้ จำเป็นจะต้องร่วมด้วยช่วยกันจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องขับเคลื่อนโครงการให้สอดคล้องกับปัญหาและความต้องการของประชาชนในพื้นที่ให้เกิดประสิทธิผลมากที่สุด

 

 

สำนักข่าว CNX NEWS เจาะข่าว ตรงใจคุณ