วันเสาร์, 20 เมษายน 2567

กวาดล้างทัวร์ศูนย์เหรียญ เห็นผล นทท.จีนมาเอง ใช้เงินมากขึ้น

24 เม.ย. 2017
289
Spread the love

scoop213

สกู๊ปพิเศษ CNX NEWS

 

กวาดล้างทัวร์ศูนย์เหรียญ เห็นผล นทท.จีนมาเอง ใช้เงินมากขึ้น

 

         ท่านผู้อ่านครับ จากข่าวที่รัฐบาล คสช.ทำการกวาดล้างทัวร์ศูนย์เหรียญอย่างหนัก  มีการจับกุมดำเนินคดี ยึดทรัพย์ ฯลฯ ต่อผู้กระทำผิด ท่ามกลางข่าวสารกระหน่ำบนโลกออนไลน์ ทั้งประเภทเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย และฝ่ายที่ไม่เห็นด้วย ถึงขนาดออกมาสร้างภาพว่า การปราบทัวร์ศูนย์เหรียญเป็นการทำลายบรรยากาศการท่องเที่ยวของไทย ทำลายนักท่องเที่ยวจีน ทำให้ตัวเลขการมาท่องเที่ยวลดน้อยไปจนถึงระดับย่ำแย่ คนไทยที่มีธุรกิจและมีรายได้จากนักท่องเที่ยวจีนกระทบกระเทือน วันนี้ มีข่าวคืบหน้าในเรื่องนี้ครับ

          ก่อนอื่นขอเล่าถึงที่มาที่ไปของทัวร์ศูนย์เหรียญก่อนครับ ทัวร์ศูนย์เหรียญ หรือ Zero-Dollar Tour หมายถึง  คณะนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทย โดยซื้อทัวร์จากประเทศของตนเองในราคาที่ต่ำกว่าต้นทุน ก่อนที่บริษัททัวร์เหล่านั้นจะส่งลูกทัวร์ทั้งกรุ๊ปมาให้บริษัททัวร์ในประเทศไทย โดยที่ไม่ต้องจ่ายค่าทัวร์แฟร์ อันเป็นค่าใช้จ่ายในการพาเที่ยวที่เก็บมาจากลูกทัวร์ให้กับเอเยนต์ฝ่ายไทยเลยแม้แต่เหรียญเดียว(จึงเป็นที่มาของคำว่า “ศูนย์เหรียญ” คือ ไม่เก็บเงินค่าทัวร์เลยแม้แต่เหรียญดอลล่าร์เดียว)

               อย่างไรก็ตาม เมื่อของฟรีไม่มีในโลก นักท่องเที่ยวจีนที่หลงกล ก็จะถูกไกด์เถื่อนพาตระเวนซื้อของแพงๆ ด้วยราคาสินค้าราคาสุดโหด รวมถึงโชว์ต่างๆ เพื่อรีดเอากำไร หากนักท่องเที่ยวไม่ยอมจ่าย หรือจ่ายน้อย บริษัททัวร์ก็ไม่มีรายได้พอกับค่าใช้จ่าย ไกด์จึงต้องใข้กลยุทธ์ต่างๆ ทั้งอ้อนวอน ทั้งบังคับขู่เข็ญ เช่น ไม่ให้กุญแจห้อง ยึดพาสปอร์ต บางทีร้ายแรงถึงขั้นลงไม้ลงมือทำร้าย หรือลูกทัวร์อาจจะถูกลอยแพไปเลยก็ได้ทัวร์ศูนย์เหรียญ ก่อกรรมทำเข็ญกับนักท่องเที่ยวจีนมานาน จนโดนปราบปรามเงียบหายไปประมาณ 2 ปี วันนี้ มีรายงานครับ

           โดย คุณศรีสุดา วนภิญโญศักดิ์ รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวเมื่อต้นสัปดาห์ว่า เพื่อให้ธุรกิจนำเที่ยวและโรงแรมไทยที่เข้าไปทำตลาดในจีน ปรับตัวไปตามสภาวะการณ์  ในการทำโรดโชว์ที่จีนต่อจากนี้จะสอดแทรกรูปแบบการประชุมเชิงปฏิบัติการ (เวิร์คช็อป) โดยนำบริษัทนำเที่ยวจากจีน ไทย และโรงแรมในไทย แบ่งเป็นกลุ่ม จากนั้นให้แต่ละกลุ่มออกแบบเส้นทางท่องเที่ยวสำหรับทัวร์คณะย่อยที่เหมาะสม โดยททท.เป็นผู้ช่วยป้อนข้อมูลด้านสินค้าท่องเที่ยวที่เหมาะสมกับตลาดนี้ เช่น โปรแกรมวอล์กกิ้ง ทัวร์ (เดินเที่ยว) 11 เส้นทางน่าสนใจ ซึ่งปกติอาจไม่สามารถนำเสนอให้กับทัวร์คณะใหญ่ได้กิจกรรมดังกล่าวแบ่งเป็นออกเป็น 5 กลุ่ม ให้เวลาประชุมกลุ่มละ 30 นาที จากนั้น นำเสนอเส้นทางที่ออกแบบให้ผู้เข้าร่วมรับทราบ เพื่อเป็นแนวทางให้ผู้ประกอบการทั้งหมด ซึ่งเป็นการคิดแบบกลับมุมมองจากปกติ ททท.จะเป็นผู้ออกแบบเส้นทางให้ แต่หากมีเวิร์คช็อปดังกล่าว จะทำให้บริษัทนำเที่ยวและโรงแรมในฐานะที่มีความใกล้ชิดนักท่องเที่ยว สามารถผลิตโปรแกรมที่ตรงกับความต้องการตลาด โดยมี ททท.เป็นผู้ให้คำแนะนำชี้แนะแทน

การริเริ่มรูปแบบดังกล่าว มีข้อจำกัดด้านพื้นที่การทำตลาดเฉพาะทางตอนใต้และภาคตะวันออก อาทิ เสินเจิ้น กวางโจว ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ ที่มีฐานตลาด FIT สูง และมีบริษัทนำเที่ยวที่มีความกระตือรือร้นในการทำตลาดรูปแบบใหม่ ขณะที่ตลาดฝั่งตะวันตกและภาคกลาง ที่ยังต้องพึ่งพิงตลาดทัวร์ในรูปแบบดั้งเดิม อาจใช้เวลาระยะหนึ่งจึงค่อยขยายทัวร์รูปแบบใหม่เข้าไป ในระหว่างนี้อาจทยอยสร้างฐานในเมืองหลวง เช่น เฉินตู และฉงชิ่ง

แม้ว่าตลาดทัวร์จะมีสัดส่วน 30-40% แต่ยังให้ความสำคัญในการทำตลาดเช่นเดิม เนื่องจากยังมีส่วนในการเข้าไปอุดหนุนให้เกิดรายได้ต่อธุรกิจต่อเนื่อง เช่น โรงแรมระดับ 3 ดาว ที่ต้องพึ่งพากรุ๊ปทัวร์จากจีนเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้น การส่งเสริมการตลาดทั้งรูปแบบเก่าและใหม่จะเดินหน้าไปแบบคู่ขนาน

ในช่วงไตรมาสแรก นักท่องเที่ยวจีนมาไทยมีจำนวน 2.4 ล้านคน ลดลง 8% ถือว่าอยู่ในระดับใกล้เคียงกับที่ประเมินไว้ว่าจะยังได้รับผลกระทบต่อเนื่องจากการจัดระเบียบทัวร์ผิดกฎหมาย

                      สำคัญมากคือ คุณไพสิฐ แก่นจันทน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แกรนด์ แอสเสท โฮเทลส์ แอนด์ พรอพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ขณะนี้ตลาดจีนถือเป็นกลุ่มที่มีศักยภาพในการจับจ่ายระดับสูง สังเกตได้จากโรงแรมระดับ 5 ดาว ใน กทม.จำนวนหนึ่ง มีตลาดจีนเข้ามาเป็นอันดับ 3 และจองเข้ามาเองในราคา 4,000-5,000 บาทต่อคืน ซึ่งถือว่าราคาสูงพอสมควร และพฤติกรรมส่วนใหญ่ของนักท่องเที่ยวจีน  เดินทางเข้ามาด้วยตัวเอง ผ่านการจองออนไลน์ ไม่ได้มากับกรุ๊ปทัวร์   คุณไพสิฐ บอกว่า

           “การจัดระเบียบทัวร์ศูนย์เหรียญที่ผ่านมาของรัฐบาล ถือว่ามาถูกทางแล้ว เพราะทำให้ได้การใช้จ่ายในประเทศไทยมีคุณภาพขึ้น เสริมความแข็งแกร่งในเชิงปริมาณที่นักท่องเที่ยวจีนมีฐานตลาดใหญ่ และยังเติบโตได้อีกมากในอนาคตอันใกล้ เพราะเมื่อเทียบกับประชากรที่มีกว่า 1,200 ล้านคน ปัจจุบันยังเดินทางมาไทยไม่ถึง 1%”

             มีรายงานด้วยว่า จากการประเมินของสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) ระบุว่า หากไตรมาส 2 ไม่มีเหตุการณ์ผิดปกติ ตลาดจีนน่าจะเข้ามาอีกราว 2.35 ล้านคน เพิ่มขึ้น 3.49% เทียบช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา และเป็นการปรับตัวสู่แดนบวก หลังจาก  สทท.ประเมินตลาดนี้ในไตรมาสแรก ลดลง 3.31% คิดเป็นจำนวน 2.54 ล้านคน

                ผมจึงสรุปได้ว่า การปราบปรามทัวร์ศูนย์เหรียญไม่ใช่การทำลายบรรยากาศการท่องเที่ยว เพราะ เมื่อไม่มีทัวร์ศูนย์เหรียญ นักท่องเที่ยวจีนก็ยังมาไทย แบบ มาเอง ไมพึ่งทัวร์ แถมยังควักกระเป๋ามากขึ้น ใช้จ่ายมีคุณภาพขึ้น ครับ

…………………………………………………………………………………………………………………

ขอขอบคุณข้อมูลจาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

อรุณ ช้างขวัญยืน/เรียบเรียง/รายงาน