สกู๊ปพิเศษ CNX NEWS
กวาดล้างทัวร์ศูนย์เหรียญ เห็นผล นทท.จีนมาเอง ใช้เงินมากขึ้น
ท่านผู้อ่านครับ จากข่าวที่รัฐบาล คสช.ทำการกวาดล้างทัวร์ศูนย์เหรียญอย่างหนัก มีการจับกุมดำเนินคดี ยึดทรัพย์ ฯลฯ ต่อผู้กระทำผิด ท่ามกลางข่าวสารกระหน่ำบนโลกออนไลน์ ทั้งประเภทเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย และฝ่ายที่ไม่เห็นด้วย ถึงขนาดออกมาสร้างภาพว่า การปราบทัวร์ศูนย์เหรียญเป็นการทำลายบรรยากาศการท่องเที่ยวของไทย ทำลายนักท่องเที่ยวจีน ทำให้ตัวเลขการมาท่องเที่ยวลดน้อยไปจนถึงระดับย่ำแย่ คนไทยที่มีธุรกิจและมีรายได้จากนักท่องเที่ยวจีนกระทบกระเทือน วันนี้ มีข่าวคืบหน้าในเรื่องนี้ครับ
ก่อนอื่นขอเล่าถึงที่มาที่ไปของทัวร์ศูนย์เหรียญก่อนครับ ทัวร์ศูนย์เหรียญ หรือ Zero-Dollar Tour หมายถึง คณะนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทย โดยซื้อทัวร์จากประเทศของตนเองในราคาที่ต่ำกว่าต้นทุน ก่อนที่บริษัททัวร์เหล่านั้นจะส่งลูกทัวร์ทั้งกรุ๊ปมาให้บริษัททัวร์ในประเทศไทย โดยที่ไม่ต้องจ่ายค่าทัวร์แฟร์ อันเป็นค่าใช้จ่ายในการพาเที่ยวที่เก็บมาจากลูกทัวร์ให้กับเอเยนต์ฝ่ายไทยเลยแม้แต่เหรียญเดียว(จึงเป็นที่มาของคำว่า “ศูนย์เหรียญ” คือ ไม่เก็บเงินค่าทัวร์เลยแม้แต่เหรียญดอลล่าร์เดียว)
อย่างไรก็ตาม เมื่อของฟรีไม่มีในโลก นักท่องเที่ยวจีนที่หลงกล ก็จะถูกไกด์เถื่อนพาตระเวนซื้อของแพงๆ ด้วยราคาสินค้าราคาสุดโหด รวมถึงโชว์ต่างๆ เพื่อรีดเอากำไร หากนักท่องเที่ยวไม่ยอมจ่าย หรือจ่ายน้อย บริษัททัวร์ก็ไม่มีรายได้พอกับค่าใช้จ่าย ไกด์จึงต้องใข้กลยุทธ์ต่างๆ ทั้งอ้อนวอน ทั้งบังคับขู่เข็ญ เช่น ไม่ให้กุญแจห้อง ยึดพาสปอร์ต บางทีร้ายแรงถึงขั้นลงไม้ลงมือทำร้าย หรือลูกทัวร์อาจจะถูกลอยแพไปเลยก็ได้ทัวร์ศูนย์เหรียญ ก่อกรรมทำเข็ญกับนักท่องเที่ยวจีนมานาน จนโดนปราบปรามเงียบหายไปประมาณ 2 ปี วันนี้ มีรายงานครับ
โดย คุณศรีสุดา วนภิญโญศักดิ์ รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวเมื่อต้นสัปดาห์ว่า เพื่อให้ธุรกิจนำเที่ยวและโรงแรมไทยที่เข้าไปทำตลาดในจีน ปรับตัวไปตามสภาวะการณ์ ในการทำโรดโชว์ที่จีนต่อจากนี้จะสอดแทรกรูปแบบการประชุมเชิงปฏิบัติการ (เวิร์คช็อป) โดยนำบริษัทนำเที่ยวจากจีน ไทย และโรงแรมในไทย แบ่งเป็นกลุ่ม จากนั้นให้แต่ละกลุ่มออกแบบเส้นทางท่องเที่ยวสำหรับทัวร์คณะย่อยที่เหมาะสม โดยททท.เป็นผู้ช่วยป้อนข้อมูลด้านสินค้าท่องเที่ยวที่เหมาะสมกับตลาดนี้ เช่น โปรแกรมวอล์กกิ้ง ทัวร์ (เดินเที่ยว) 11 เส้นทางน่าสนใจ ซึ่งปกติอาจไม่สามารถนำเสนอให้กับทัวร์คณะใหญ่ได้กิจกรรมดังกล่าวแบ่งเป็นออกเป็น 5 กลุ่ม ให้เวลาประชุมกลุ่มละ 30 นาที จากนั้น นำเสนอเส้นทางที่ออกแบบให้ผู้เข้าร่วมรับทราบ เพื่อเป็นแนวทางให้ผู้ประกอบการทั้งหมด ซึ่งเป็นการคิดแบบกลับมุมมองจากปกติ ททท.จะเป็นผู้ออกแบบเส้นทางให้ แต่หากมีเวิร์คช็อปดังกล่าว จะทำให้บริษัทนำเที่ยวและโรงแรมในฐานะที่มีความใกล้ชิดนักท่องเที่ยว สามารถผลิตโปรแกรมที่ตรงกับความต้องการตลาด โดยมี ททท.เป็นผู้ให้คำแนะนำชี้แนะแทน
การริเริ่มรูปแบบดังกล่าว มีข้อจำกัดด้านพื้นที่การทำตลาดเฉพาะทางตอนใต้และภาคตะวันออก อาทิ เสินเจิ้น กวางโจว ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ ที่มีฐานตลาด FIT สูง และมีบริษัทนำเที่ยวที่มีความกระตือรือร้นในการทำตลาดรูปแบบใหม่ ขณะที่ตลาดฝั่งตะวันตกและภาคกลาง ที่ยังต้องพึ่งพิงตลาดทัวร์ในรูปแบบดั้งเดิม อาจใช้เวลาระยะหนึ่งจึงค่อยขยายทัวร์รูปแบบใหม่เข้าไป ในระหว่างนี้อาจทยอยสร้างฐานในเมืองหลวง เช่น เฉินตู และฉงชิ่ง
แม้ว่าตลาดทัวร์จะมีสัดส่วน 30-40% แต่ยังให้ความสำคัญในการทำตลาดเช่นเดิม เนื่องจากยังมีส่วนในการเข้าไปอุดหนุนให้เกิดรายได้ต่อธุรกิจต่อเนื่อง เช่น โรงแรมระดับ 3 ดาว ที่ต้องพึ่งพากรุ๊ปทัวร์จากจีนเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้น การส่งเสริมการตลาดทั้งรูปแบบเก่าและใหม่จะเดินหน้าไปแบบคู่ขนาน
ในช่วงไตรมาสแรก นักท่องเที่ยวจีนมาไทยมีจำนวน 2.4 ล้านคน ลดลง 8% ถือว่าอยู่ในระดับใกล้เคียงกับที่ประเมินไว้ว่าจะยังได้รับผลกระทบต่อเนื่องจากการจัดระเบียบทัวร์ผิดกฎหมาย
สำคัญมากคือ คุณไพสิฐ แก่นจันทน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แกรนด์ แอสเสท โฮเทลส์ แอนด์ พรอพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ขณะนี้ตลาดจีนถือเป็นกลุ่มที่มีศักยภาพในการจับจ่ายระดับสูง สังเกตได้จากโรงแรมระดับ 5 ดาว ใน กทม.จำนวนหนึ่ง มีตลาดจีนเข้ามาเป็นอันดับ 3 และจองเข้ามาเองในราคา 4,000-5,000 บาทต่อคืน ซึ่งถือว่าราคาสูงพอสมควร และพฤติกรรมส่วนใหญ่ของนักท่องเที่ยวจีน เดินทางเข้ามาด้วยตัวเอง ผ่านการจองออนไลน์ ไม่ได้มากับกรุ๊ปทัวร์ คุณไพสิฐ บอกว่า
“การจัดระเบียบทัวร์ศูนย์เหรียญที่ผ่านมาของรัฐบาล ถือว่ามาถูกทางแล้ว เพราะทำให้ได้การใช้จ่ายในประเทศไทยมีคุณภาพขึ้น เสริมความแข็งแกร่งในเชิงปริมาณที่นักท่องเที่ยวจีนมีฐานตลาดใหญ่ และยังเติบโตได้อีกมากในอนาคตอันใกล้ เพราะเมื่อเทียบกับประชากรที่มีกว่า 1,200 ล้านคน ปัจจุบันยังเดินทางมาไทยไม่ถึง 1%”
มีรายงานด้วยว่า จากการประเมินของสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) ระบุว่า หากไตรมาส 2 ไม่มีเหตุการณ์ผิดปกติ ตลาดจีนน่าจะเข้ามาอีกราว 2.35 ล้านคน เพิ่มขึ้น 3.49% เทียบช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา และเป็นการปรับตัวสู่แดนบวก หลังจาก สทท.ประเมินตลาดนี้ในไตรมาสแรก ลดลง 3.31% คิดเป็นจำนวน 2.54 ล้านคน
ผมจึงสรุปได้ว่า การปราบปรามทัวร์ศูนย์เหรียญไม่ใช่การทำลายบรรยากาศการท่องเที่ยว เพราะ เมื่อไม่มีทัวร์ศูนย์เหรียญ นักท่องเที่ยวจีนก็ยังมาไทย แบบ มาเอง ไมพึ่งทัวร์ แถมยังควักกระเป๋ามากขึ้น ใช้จ่ายมีคุณภาพขึ้น ครับ
…………………………………………………………………………………………………………………
ขอขอบคุณข้อมูลจาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
อรุณ ช้างขวัญยืน/เรียบเรียง/รายงาน