ทริปน้ำพุร้อนฝาง แวะเก็บภาพเจ้าเสือโคร่งที่อ่างขาง ปั่นจักรยานเก็บส้มสายน้ำผึ้งลิ้มรสอาหาร 2 แผ่นดินสุดฟิน!!
5 น้ำพุร้อน ณ มหานครเชียงใหม่ ที่คุณไม่ควรพลาด
โครงการ “การพัฒนาศักยภาพหมู่บ้านน้ำพุร้อนต้นแบบเพื่อการท่องเที่ยว” คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ได้จัดกิจกรรมนี้เพื่อการ วิเคราะห์ปรับปรุง บูรณาการการเสริมสร้างความเข้มแข็งและยั่งยืนให้กับเศรษฐกิจภายในประเทศ
ภายใต้โครงการ การพัฒนาศักยภาพหมู่บ้านน้ำพุร้อนต้นแบบเพื่อการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นกิจกรรมหลัก เพื่อ พัฒนาศักยภาพชุมชนให้เป็นหมู่บ้านน้ำพุร้อนต้นแบบเพื่อการท่องเที่ยว จำนวน 5 หมู่บ้าน
- น้ำพุร้อนดอยสะเก็ด บ้านโป่งสามัคคี ตำบลป่าเมี่ยง อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่
- น้ำพุร้อนบ้านหนองครก ตำบลสันทราย อำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่
- บ่อน้ำพุร้อนฝาง อุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปก บ้านเปียงกอกและบ้านดอน ตำบลโป่งน้ำร้อน อำเภอฝาง จังหวัด เชียงใหม่
- โป่งน้ำร้อนบ้านยางปู่โต๊ะ ตำบลเชียงดาว อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่
- น้ำพุร้อนเทพพนม หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติออบหลวงที่ 4 ตำบลอมขูด อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 21-22 ธันวาคม 2561 ที่ผ่านมา ทางคณะผุ้จัดโครงการ ได้นำคณะสื่อมวลชนและผู้ประกอบธุรกิจ เข้าร่วมกิจกรรมทดสอบเส้นทางการท่องเที่ยวหมู่บ้านน้ำพุร้อนฝาง โดยทริปนี้เป็นทริปที่ 3 แล้วหลังจากที่เราเดินทางไป น้ำพุร้อนดอยสะเก็ด น้ำพุร้อนพร้าว โดยทางคณะเดินทางจากตัวเมืองเชียงใหม่ มุ่งหน้า อ.แม่ริมเพื่อแวะจุดแรก คือวัดป่าดาราภิรมย์ พระอารามหลวงชั้นตรี ที่งดงาม อายุอานามกว่า 100 ปี ซ่อนตัวอยู่ใน อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ ได้รับพระบรมราชานุญาตยกฐานะให้เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญ นับได้ว่าเป็นพระอารามหลวงแห่งที่ 7 ในจังหวัดเชียงใหม่ อยู่ด้านหลังที่ว่าการอำเภอแม่ริม และค่ายดารารัศมี ชื่อของวัดนี้ถูกตั้งขึ้นตามพระนามของ “พระราชชายา เจ้าดารารัศมี” ต่อมาในปี พ.ศ. 2484 เจ้าหญิงลดาคำ ณ เชียงใหม่ ทายาทของพระราชชายาเจ้าดารารัศมี ได้ถวายที่ดินดังกล่าวซึ่งอยู่ในเขตพระราชฐานพระตำหนักเจ้าดารารัศมีให้แก่วัด วัดแห่งนี้มีชื่อเสียงในด้าน การบวชชีพราหมณ์รักษาศีล 8 อีกด้วยค่ะ
หลังจากนั้น เราก็เดินทางไปสถานีเกษตรหลวงอ่างขางทางถนนหมายเลข 1178 เส้นเวียงแหง-บ้านอรุโณทัย เส้นทางนี้มีวิวข้างทางสวยๆ ขับเรื่อยๆ ชมความสวยงามข้างทาง เส้นนี้คนขับในเชียงใหม่จะเรียกกันว่าเส้นหลังดอยทางคณะได้แวะรับประทานอาหารกลางวันที่ ดอยอ่างขางและ ชื่นชมกับพญาเสือโคร่งที่กำลังพลิบานให้ได้เซลฟี่กันและสัมผัสอากาศหนาวเย็นแรกในปีนี้ บนยอดดอย
จากบนดอยอ่างขางเราลงดอยมาแช่น้ำแร่กันที่ น้ำพุร้อนฝาง ในอุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปก เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่มี ความน่าอัศจรรย์อยู่ในตัว ตรงที่เป็นบ่อน้ำพุร้อนที่เกิดขึ้นมาจากหินร้อนเหลวที่อยู่ใต้เปลือกโลก (แม็กม่า) ไหลแทรกมาตามช่องหินขึ้นมาใกล้เปลือกโลก ทำให้ชั้นหินบริเวณนั้นมีอุณหภูมิสูงขึ้น และเมื่อน้ำบาดาลไหลผ่านชั้นหินร้อนดังกล่าว จึงทำให้อุณหภูมิของน้ำนั้นสูงขึ้นตามไปด้วย ทำให้เกิดแรงดันมหาศาล และดันตัวเองผ่านรอยแยกของหินแกรนิตขึ้นมาบนพื้นผิวโลก จนเกิดเป็นน้ำพุร้อนพุ่งขึ้นมา โดยมีไอร้อน เป็นควันลอยคุกรุ่นอยู่ตลอดเวลา ซึ่งความร้อนของน้ำในบ่อน้ำพุร้อนนั้นมีความร้อนสูงประมาณ 80-100 องศาเซลเซียสเลยทีเดียวที่นี่มีบริการนวดแผนไทย บริการอบซาวน่า แช่น้ำแร่ ในบริเวณกว้างขวาง รองรับนักท่องเที่ยวได้จำนวนมากค่ะ
ตกเย็นมาทางคณะเดินทางเข้าที่พัก อุ่นดอยโอบ บรรยากาศที่พักท่ามกลางธรรมชาติสุดฟิน ห้องพักมีสิ่งอำนวยความสะดวกสบายครบครัน และที่น่าตื่นเต้นที่สุดคือ ห้องน้ำแบบ โอเพ่นแอร์ อ่างอาบน้ำอุ่นแตกแต่งด้วยหิน ได้อารมณ์ของการพักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติ ก่อนรับประทานอาหารเย็นร่วมกิจกรรมทำสครับจากผลส้ม เผื่อขัดผิวในขณะแช่น้ำอุ่น ลิ้มรสอาหารเย็น 2 แผ่นดิน คืออาหารพื้นเมืองและอาหารไทใหญ่ กิ๊บเก๋ไปอีกแบบ พร้อมกับชมการแสดงของเยาวชนไทใหญ่ที่ต้อนรับนักท่องเที่ยวอย่างอบอุ่น
เช้ามาท่ามกลางอากาศเย็นสบายพวกเราได้ปั่นจักรยานไปเก็บส้มสายน้ำผึ้งจากสวน กิจกรรมนี้เป็นที่ชื่นชอบของผู้ร่วมทริปเป็นอย่างมาก ด้วยระยะทางที่ไม่ไกลจากที่พักไปถึงสวนส้มทำให้เราได้ สูดกลิ่นอายธรรมชาติทั้ง 2 ข้างทางซึ่งเป็นสวนของชาวบ้านในละแวกนั้น พลันให้นึกถึงภาพยนตร์เรื่องหนึ่ง “แฟนฉัน” หูก็แว่วได้ยินเสียงเพลง “โอ๊..เย โอ๊เย โอ๊โอ๊เย โอ๊เย โอ๊เย โอ๊โอ๊เย โอ๊เย โอ๊เย โอ๊โอ๊เย โอ๊เย โอ๊เย…ฮ่า ๆ
และอีกหนึ่งกิจกรรมที่ทำให้ผู้ร่วมทริปได้ใกล้ชิดชุมชนมากที่สุดนั่นก็คือ การทำไม้กวาดพวงกุญแจ สนุกสนาน ใครทำสวยไม่สวยดูกันเอาเอง แต่ที่แน่กว่านั้นใครทำไม่ทำ ก็ได้ของฝากกลับบ้านค่ะ ไม้กวาดที่นี่มีชื่อเสียงมากได้ด้านความแข็งแรง มีออเดอร์มาให้ชุมชนตลอด ถ้าใครผ่านมา แวะอุดหนุนกันได้นะคะ
ก่อนจะเดินทางกลับ ทางคณะก็ได้แวะ โกหลัก แหล่งปลูกอินทผลัม ที่แรกในประเทศไทย ซึ่งกว่าจะกลายเป็นสวนอินทผลัมแห่งแรกนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ดร.ศักดิ์ ลำจวน เจ้าของสวนต้องใช้เวลาในการศึกษาสายพันธุ์ที่สามารถเพาะปลูกได้ในประเทศไทยนับ 10 ปี โดยทุ่มเททั้งแรงกายและแรงใจในการทำ จนกลายเป็นสวนอินทผลัมแห่งแรกของประเทศไทย ที่ให้ผลผลิตคุณภาพ รสชาติอร่อย และแปรรูปให้เป็นน้ำอินทผลัมให้ได้ช้อป เป็นของฝากอันเลอค่าจากเมืองฝางอีกด้วยค่ะ
ขอบคุณ : คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
ภาพ / ข่าว : รพิรัตน์ สุขแยง
CNX NEWS เจาะข่าว ตรงใจคุณ